หลังจากอาบน้ำและสวมใส่เสื้อผ้าของสำนักศึกษาเสร็จ คุณหนูใหญ่ก็ไปกินมื้อเช้าร่วมกับท่านย่าที่เรือนของนาง ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มแย้มยามเมื่อได้มองหน้าหลานสาวคนโต เพียงไม่กี่ปีหลานสาวของนางก็เติบโตและแข็งแรงขึ้นมากกว่าเดิม นั่นจึงทำให้คนเป็นย่าเช่นนางรู้สึกวางใจ “กินเยอะๆ นะเจินเอ๋อร์” “เจ้าค่ะ ท่านย่าเองก็กินเยอะๆ นะเจ้าคะ ร่างกายจะได้แข็งแรงอยู่กับหลานไปนานๆ” เสียงหวานบอกผู้เป็นย่า “ฮ่าๆๆ ได้สิ มีเจ้าคอยเตือนย่าเช่นนี้ รับรองว่าย่าต้องแข็งแรงและอยู่ไปจนกว่าหลานจะได้ออกเรือนนู่นแหละ” ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ โจวเจินเจินยิ้มแห้งยามเมื่อได้ยินคำว่าออกเรือน “อืม…ว่าแต่เจ้าไปสำนักศึกษามาสองสามปีแล้ว เจ้ามีสหายสนิทหรือยังล่ะ ย่ามิเคยเห็นพาผู้ใดมาเล่นที่จวนเลยสักคน” “มีอยู่สองคนเจ้าค่ะ” โจวเจินเจินตอบท่านย่าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม สหายของนางนั้นรูปโฉมงดงามมิแพ้กัน อีกทั้งสองสหายสนิทของนางน