นี่ก็เลยเวลาเลิกงานไปมากแล้ว เธอยังคงนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ จริงๆต้องเสร็จตั้งแต่บ่ายสามโมงแล้วแต่เธอเอาเวลาช่วยเช้าไปทำงานให้รุ่นพี่หมด และสุดท้ายก็ไม่มีใครมาช่วยเธอเลยซักคน งานทุกคนเสร็จแล้วก็ลอยตัวไปเลย
“เอากลับไปทำที่คอนโดดีกว่ามั้ยเนี่ย”
เธอหยิบแฟลชไดร์ฟมาก็อปปี้งานเพื่อนะนำกลับไปทำที่บ้านต่อ เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวดังขึ้นเธอหยิบมาก่อนจะกดรับสายทันที
“คะพี่ภูมิ”
(ทำไมหนูยังไม่กลับคอนโดอีก พี่รอที่นี่ชั่วโมงหนึ่งแล้วนะแอบไปไหน)
“อยู่บริษัทอยู่เลยค่ะ พอดีว่างานยังไม่เสร็จ”
(นี่ผู้จัดการให้งานหนูทำเยอะมากเลยเหรอ ทำไมทำตั้งแต่เช้าไม่เสร็จซักที)
เขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ พนักงานการตลาดมีตั้งหลายคนงานในหน้าที่ของตัวเองไม่น่าจะล่วงเลยเวลามากขนาดนี้ แล้วงานที่เธอรับผิดชอบวันนี้จริงๆทำครึ่งวันก็น่าจะเสร็จแล้ว
“คือพี่มิ้นขอให้ช่วยงานของเธอน่ะค่ะ เธอทำไม่ทันข้าวก็เลยช่วยช่วงเช้า”
(แล้วทำไมมิ้นถึงไม่ช่วยข้าวช่วงบ่าย…)
“เอ่อ คือ…”
ข้าวอึกอักอย่างไม่รู้จะอธิบายยังไง พวกเธอไม่เคยช่วยงานเลยซักครั้งกลับกันชอบโยนงานของตัวเองมาให้เธอทำตลอด พอช่วยจนเสร็จก็หนีกลับบ้านไม่คิดจะถามว่างานเธอเรียบร้อยหรือยัง ภูมิพอเดาได้ว่าพนักงานคนอื่นคงใช้งานข้าวมากโยนงานของตัวเองมาให้จนเบียดเบียนเวลางานของคนอื่น
(ให้พี่จัดการให้มั้ย)
“ไม่เป็นอะไรค่ะเรื่องเล็กน้อยเอง พี่เขาทำไม่ทันถึงมาขอให้ช่วย คงไม่มีอีกแล้วมั่งคะ”
(เค้าเรียกใช้งานคนอื่นจนติดเป็นนิสัยทำไมเราต้องยอมด้วย เก็บของเลยเดี๋ยวพี่ออกไปรับ เอางานมาทำต่อที่คอนโดเดี๋ยวพี่ช่วยเอง)
“ค่ะพี่ภูมิ แต่ว่าข้าวไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานนะคะ ถ้าช่วยได้ก็ช่วย”
(ข้าวใจดีเกินไป ยิ่งไปยอมแบบนั้นยิ่งได้ใจ ไม่รู้แหละเดี๋ยวพี่จะให้ผู้จัดการแผนกจัดการกับคนที่ไม่รับผิดชอบงานของตัวเอง เก็บของค่ะพี่กำลังออกไป)
“พี่ภูมิคะ พี่ภูมิ”
ข้าวเรียกชายหนุ่มแต่ว่าเขาไม่ยอมฟังที่เธอพูดแถมยังตัดสายใส่เธออีก หญิงสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเก็บของบนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นเดินออกไปทันที
“ข้าวแกยังไม่กลับอีกเหรอ”
“โช… งานเรายังไม่เสร็จก็เลยนั่งทำต่อ ว่าแต่มาทำไรอ่ะลืมของเหรอ”
โชคือเพื่อนที่เข้ามาทำงานพร้อมกันกับเธอ วันนี้เธอเสร็จงานเร็วก็เลยกลับไปก่อน แต่คงจะลืมของล่ะมั่งก็เลยกลับมาเอา
“อืม สายชาร์จแบตโทรศัพท์อ่ะ อย่าบอกนะว่าพี่มิ้นให้แกทำงานให้อีกแล้วอ่ะถึงได้ทำงานของตัวเองไม่ทันแบบนี้”
“อืม ประมาณนั้น”
ข้าวยอมรับตามตรงเพราะโชก็ไม่ได้ชอบพี่มิ้นเท่าไหร่ และเธอจะชอบมาเผาให้ฟังอยู่บ่อยคงเกลียดมากเลยแหละ
“ไปยอมมันทำไม ทุกวันนี้ที่ผู้จัดการเอ่ยชมการทำงานของมันก็เพราะแกคือส่วนหนึ่งที่ช่วยมันทำ คนที่ควรถูกชื่นชมคือแกไม่ใช่มันจ้ะ แนะนำว่าไปฟ้องหัวหน้าด่วน”
“ฟ้องแล้วได้อะไรขึ้นมาล่ะ ทะเลาะกันเปล่าๆ”
“เฮ้อ! แกนี่นะ”
โชเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะความใจดีมากเกินไปจึงทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ดีนะที่เธอรู้จักปฏิเสธทะเลาะก็ช่างไม่สนใจจึงสบายกว่าเธอเยอะเลย
“งั้นเราไปก่อนนะ”
“อืม ไปเถอะพรุ่งนี้เจอกัน”
ข้าวยิ้มให้เพื่อนก่อนจะเดินออกมาทันที เธอเดินอ้อมไปยังลานจอดรถตรงมุมมืดเพราะชายหนุ่มมารับจึงต้องแอบเพื่อไม่ให้คนในบริษัทเห็น เมื่อเห็นรถจึงรีบเปิดประตูเข้าไปทันที
“อ๊ะ! พี่ภูมิตกใจหมด”
พอเข้ามาในรถชายหนุ่มก็สวมกอดเธอทันที ใบหน้าหล่อเหลาซุกซนถูไถไปมาตรงแก้มเธอ
“คิดถึงที่สุดเลยไม่ได้นอนกอดหลายคืนแล้วอ่ะคืนนี้จะทำจนกว่าจะหายคิดถึงเลย”
“ข้าวต้องทำงานนะคะอย่าแกล้งกันสิ”
“ไม่รู้แหละนี่ก็ต้องไปช่วยข้าวเคลียร์งานอีกไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง นอกจากผู้หญิงที่ชื่อมิ้นแล้วมีใครอีกมั้ยที่ชอบมาใช้งานเมียจ๋าของพี่”
เขาถามอย่างต้องการคำตอบ สงสัยคงต้องให้ผู้จัดการทำอะไรซักอย่างไม่อย่างนั้นพนักงานคนอื่นจะใช้งานคนรักของเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีกอย่างเขารู้จักข้าวดีเธอเป็นคนจิตใจดีเกินกว่าจะยอมให้ใครถูกหลอกใช้แบบนี้ ความใจดีต้องใช้ให้ถูกคนถ้าช่วยเหลือคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่มีบุญคุณอะไรกับพวกเขาหรอก
“ข้าวขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ภูมิลำบาก”
เธอเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด แทนที่คืนนี้เขาจะได้มีความสุขที่ได้มาอยู่กับเธอ แต่ต้องมาช่วยกันทำงานที่ค้างมันไม่ควรเป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
“หนูไม่ผิดอะไรทั้งนั้นแหละไม่ต้องขอโทษ อย่าใจดีมากเกินไปจำไว้ว่าใจดีกับพี่คนเดียวก็พอ”
เขาเอ่ยออกมาก่อนจะดึงหญิงสาวมาจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน เธอยิ้มออกมาอย่างสบายใจเวลาที่เธอเครียดหรือมีปัญหาเขาคือคนที่สามารถทำให้เธอยิ้มได้
“กลับกันเถอะค่ะ งั้นวันนี้ให้ข้าวทำอาหารให้กินนะ”
“ไม่อ่ะสั่งไว้แล้วเดี๋ยวคงมาส่ง เราไปเคลียร์งานดีกว่าจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งคืนไง”
เขายื่นมือไปเกลี่ยแก้มนวลอย่างหลงไหลก่อนจะรีบขับรถออกไปทันที ไม่นานก็มาถึงคอนโดทั้งสองคนเดินไปขึ้นลิฟต์คนละตัวเพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น เมื่อมาถึงที่ห้องทั้งสองคนก็ช่วยกันเคลียร์งานที่ค้างไว้ จริงๆงานนี้ต้องเสนอเขาพรุ่งนี้อยู่แล้วถือซะว่าตรวจไปเลยในตัวแล้วกัน
“ไหนมาดูหน่อยทำไปถึงไหนแล้ว”
เขาหันจอโน๊ตบุ๊คมาตรงหน้าก่อนจะอ่านที่เธอทำไปแล้วบ้าง ความคิดของข้าวแต่ละอย่างไม่มีซ้ำแถมยังมีไอเดียดีๆเยอะมากจนน่าตกใจ
“แบบนี้ดีแล้วนี่แล้วหนูค้างอะไรเหรอ”
ข้าวกอดคอชายหนุ่มจากทางด้านหลังก่อนจะเริ่มอธิบายในสิ่งที่เธอคิดและปรึกษาในสิ่งที่เธอไม่มั่นใจ งานเปิดตัวรถดูจะไม่มีรายละเอียดมากนักแต่ในงานจะต้องทำยอดขายด้วยจึงไม่ใช่งานเปิดตัวรถธรรมดา ต้องมีจุดเด่นโปรโมชั่นที่น่าสนใจเพื่อเรียกให้ลูกค้าจองรถให้มากที่สุด
“รุ่นที่จะเปิดตัวนี้ทางบริษัทแม่ที่ต่างประเทศเค้าให้ของแถมมาด้วยมั้ยคะ”
“ก็มีบางอย่างนะ แต่ว่าถ้าเป็นไปได้ไม่จำเป็นต้องแถมทุกคน เอาไว้เป็นข้อต่อรองตอนพวกเซลขายดีกว่า ถ้าหนูโปรโมทไปหมดเซลจะขายของยากนะ”
เธอพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับชายหนุ่ม ทั้งสองคนมองสบตากันก่อนจะยิ้มออกมา
“ขอบคุณนะคะพี่ภูมิที่ช่วยแนะนำ แสดงว่าพรุ่งนี้จะไม่ตีกลับใช่มั้ยคะ”
“เห็นพี่เป็นคนยังไงหืม”
เขาหันหน้าไปหาหญิงสาวก่อนจะเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ปกติเขาก็เป็นคนเซ็นเอกสารง่ายแต่บางทีมันมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเขาก็ไม่เซ็นอนุมัติ ผิดตรงไหนที่เขาตรวจงานละเอียด
“ก็กว่าจะเซ็นอนุมัติบางทีเห็นคนอื่นแก้ตั้งหลายรอบ พนักงานอย่างข้าวก็ตามใจไม่ถูกนะคะ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะพอใจท่านประธาน”
“สำหรับคนอื่นถ้าผิดพลาดก็แก้ไข แต่สำหรับข้าวถ้าผิดก็ไม่เป็นอะไรพี่แก้ให้หนูจะได้ไม่เหนื่อยไง”
เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน เธอถึงกับร้องอ่อออกมาอย่างเข้าใจทุกอย่าง มิน่าล่ะเวลาเธอส่งงานไปไม่ค่อยถูกตีกลับ แสดงว่าไม่ใช่เธอทำงานเก่งถูกใจหมดทุกอย่างแต่เขาแก้ไขให้เรียบร้อยต่างหาก
“พี่ภูมิ! ทำแบบนี้ได้ยังไงคะ คราวหลังถ้ามันไม่ถูกต้องก็ให้ข้าวกลับมาแก้ ทำแบบนี้คนอื่นจะคิดยังไง”
“ไม่อ่ะพี่แก้ให้แล้ว แต่ถ้าหนูอยากแก้งั้นแก้เป็นอย่างอื่นแทนแล้วกัน”
“แก้อะไรคะ..”
เขายิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะลุกขึ้นแล้วอุ้มหญิงสาวขึ้นมาในอ้อมแขน
“แก้ผ้าแทนไง หึ”