“แล้วหนูต้องย้ายไปอยู่กับพี่ติณณ์วันไหนคะ” เสียงของไอรินดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากผู้ใหญ่เห็นพร้อมตรงกันให้เธอไปอยู่กับผมซึ่งทีแรกผมก็อยากปฏิเสธตรงๆไปเสียเลยแต่สายตาดุๆของแม่ทำผมขัดไม่ได้
“วันนี้เลยไหมหนูไอริน / วันนี้เลยลูก” เสียงแม่ของผมและคุณป้าจันทร์เพ็ญพูดขึ้นพร้อมกัน
แม่ของผม ผมพอเข้าใจเพราะผมเป็นผู้ชายคงไม่เสียหายอะไร แต่คุณป้าจันทร์เพ็ญไม่หวงไม่ห่วงลูกสาวหน่อยหรือยังไง
“วะ…วันนี้หรอคะ !” ไอรินที่ได้ยินเสียงของผู้ใหญ่ดังขึ้นก็ถามขึ้นอีกครั้งด้วยความตกใจและคนที่ตกใจไม่ต่างกันก็คงจะเป็นผม
เพราะรู้ตัวอีกทีอีกสามเดือนก็จะถูกแต่งงานและวันนี้ยังต้องพาเด็กกะโปโลที่นั่งอยู่ข้างๆไปอยู่ด้วยอีก
“ตกใจทำไมไอริน เดี๋ยวทานข้าวเสร็จก็ให้พี่ติณณ์เขาพาไปเก็บของที่บ้านเลยลูก” คุณป้าจันทร์เพ็ญพูดขึ้นอีกครั้ง
“คุณแม่คะ คุณแม่ไม่อยากให้หนูอยู่ด้วยแล้วหรอ ทำไมถึงอยากให้รีบไปอยู่กับพี่เขาเร็วขนาดนี้” เธอพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับทำท่าทางออดอ้อนออเซาะคนเป็นแม่
“อยากให้อยู่สิไอรินแต่ไปอยู่กับพี่เขานะลูก ยังไงป้าฝากน้องด้วยนะติณณ์” ประโยคแรกคุณป้าจันทร์เพ็ญพูดกับลูกสาวส่วนประโยคที่สองหันมาพูดกับผม
“ครับ” ผมทำได้แค่ตอบรับสั้นๆเพราะยังไงก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
เวลาต่อมา
“ห้องใหญ่จัง” เสียงของคนตัวเล็กที่เดินตามหลังของผมเข้ามาพูดขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้นกับห้องใหม่
“นั่นห้องของเธอ ทำความสะอาดเอาเอง” ผมพูดบอกพร้อมชี้ไปยังห้องนอนอีกห้องที่ว่างอยู่ ห้องนั้นไม่ได้ใช้งานบ่อยเพราะไม่บ่อยที่ไอ้เตจะมานอนค้างกับผม ตอนนี้ห้องเจ้าของห้องที่ว่างอยู่จึงกลายเป็นไอริน
“ต้องทำความสะอาดด้วยหรอ” เธอถามขึ้นด้วยสีหน้าตกใจอย่างไม่เชื่อคำพูดของผม
“ปกติไม่ค่อยได้ใช้ เธอมาอยู่ก็ทำเอาเองจะให้แม่บ้านมาทำให้ตอนนี้ก็คงไม่ทัน” ผมบอกขึ้นอีกครั้งเพราะถ้าให้ผมเป็นเจ้าบ้านที่ดีรับหน้าที่ทำความสะอาดให้ก็อย่าหวัง
“แล้วห้องนั้น ห้องของใคร” เธอเมินคำพูดของผมก่อนหน้านี้พร้อมกับชี้ไปที่ประตูห้องนอนของผม
“ห้องฉัน”
“งั้นหนูนอนของห้องพี่ติณณ์ก่อนแล้วกัน พอดีทำความสะอาดไม่เป็น” ไอรินพูดขึ้นด้วยสีหน้าแห้งๆก่อนจะลากกระเป๋าเดินไปเปิดประตูห้องของผมทันที
“เห้ยๆห้ามๆ” เสียงตะโกนของผมดังขึ้นพร้อมกับรีบวิ่งไปขวางประตู
เพราะแม้แต่คนในครอบครัวรวมถึงไอ้เพื่อนเวรทั้งหลายก็ไม่เคยได้เข้าไปในห้องนอนของผม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมเป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัวที่เรียกว่าห้องนอนมาก ถ้าหากเป็นนอกห้องแบบนี้มันไม่เป็นไรแต่อย่าเป็นห้องนอนเชียว
“ขอนอนด้วยคืนเดียวอย่าขี้งกนะพี่ติณณ์” เสียงของเธอดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูห้องของผมเข้าไปทันที
“เธอควรไปนอนอีกห้อง จะมานอนกับฉันทำไม” ผมถามขึ้นอีกครั้งเพราะดูเหมือนเด็กคนนี้จะไม่สนคำห้ามของผมเลยแม้แต่น้อย
“ก็พี่บอกให้ทำความสะอาดและหนูทำไม่เป็น จะให้หนูนอนคลุกฝุ่นอะหรอไม่เอาหรอก” เธอตอบกลับมาอีกครั้งพร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียงของผม
ให้ตายเถอะ
“งั้นเธอก็ไปนอนโซฟาด้านนอก” ผมพูดขึ้นพร้อมชี้นิ้วออกไปทางหน้าประตู
“ปวดหลังตายไม่นอนหรอก หนูขอยืมห้องคืนเดียว ถ้าพี่ติณณ์เกรงใจหนูก็ไปนอนโซฟาค่ะ” คนตัวเล็กพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นอย่างสบายใจ
ผิดกับผมที่ตอนนี้ยืนเกาหัวเพราะเสียอารมณ์
“เธอตั้งหากที่ควรเกรงใจฉัน” ผมพูดขึ้นอีกครั้งมีที่ไหนเจ้าของห้องอย่างผมต้องเกรงใจคนที่เข้ามาอาศัยอย่างเธอ
“หนูไม่เกรงใจพี่ติณณ์ค่ะแต่ถ้าพี่เกรงใจหนูก็ไปนอนข้างนอกมันเข้าใจยากตรงไหน” คนบนเตียงพูดอีกครั้ง นั่นทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ
มาอยู่ด้วยยังไม่ถึงชั่วโมงยังวุ่นวายขนาดนี้ ผมไม่อยากคิดสภาพเธอกับผมที่เหลือเลยว่ะ คงย่ำแย่ไม่เบา
แต่อยู่ๆผมก็คิดอะไรดีๆออก ในเมื่อนั่นคือพื้นที่ส่วนตัวของผม ผมก็ควรทำทุกอย่างให้เป็นปกติ
ผมจึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูเพื่อเข้าไปอาบน้ำ ผมจะทำทุกอย่างปกติชนิดว่าไม่มีเธออยู่ในห้องเพราะคนที่อึดอัดควรเป็นเธอไม่ใช่ผม
ผมจัดการตัวเองและอาบน้ำตามปกติก่อนจะออกมาด้วยสภาพที่ใส่ผ้าขนหนูห่มร่างกายเพียงผืนเดียวที่ช่วงล่าง
“เก็บปากหน่อย น้ำลายเธอยืดแล้ว” ผมเอ่ยปากขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าเธอที่นอนอยู่บนเตียงกำลังแทะโลมร่างกายของผมด้วยสายตาหื่นๆ
“ละ…แล้วพี่จะออกมาแบบนี้ทำไมล่ะก็รู้ว่าหนูอยู่ในห้อง” คนตัวเล็กบนเตียงโวยวายขึ้นด้วยน้ำเสียงติดขัด
“ผิดที่เธอหรือเปล่าที่เข้ามาอยู่ในนี้แทนที่จะเป็นโซฟาด้านนอก” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะห้องของผม ผมจะทำอะไรก็ได้
“ผิดที่พี่นั่นแหละ หนูอยู่ในห้องทำไมไม่แต่งตัวให้ดี” เธอพูดขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางโวยวาย
“ปกติฉันเดินแก้ผ้าออกจากห้องน้ำ นี่เห็นเธออยู่เลยใช้ผ้าขนหนู” เอาจริงๆแก้ผ้าออกจากห้องน้ำผมก็ทำบ่อยเพราะเวลารีบเข้าห้องน้ำมักจะลืมผ้าขนหนูอยู่บ่อยๆ
“ควรแต่งตัวให้ดี ไม่ใช่มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว” คนตัวเล็กพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
นั่นทำให้ผมดีใจเพราะเธอต้องออกจากห้องนอนของผมไปข้างนอกแน่ๆ
“หนูไม่ไปนอนข้างนอกหรอก เลิกทำหน้าดีใจได้แล้ว หนูมาหยิบเสื้อผ้าจะไปอาบน้ำ ดูนี่นะ หยิบเข้าไปให้หมด” เธอพูดขึ้นพร้อมหยิบชุดนอนชูขึ้นมาตามด้วยชั้นในที่โชว์ให้ผมดูทีละชิ้น
“พี่ต้องหยิบเข้าไปให้ครบแบบนี้ แต่งตัวให้เสร็จในห้องน้ำแล้วค่อยออกมา” คนตัวเล็กพูดขึ้นต่อก่อนจะเมินผมเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที
ส่วนผมก็ยังยืนอึ้งกว่าเก่า มีที่ไหนกันเป็นสาวเป็นนางมาหยิบชั้นในโชว์ต่อหน้าผู้ชาย
เธอมันแสบเกินกว่าที่ผมคิดไว้จริงๆ
“ของใช้ในห้องน้ำ หนูใช้ได้ทุกอย่างไหม” เสียงตะโกนของคนในห้องน้ำดังขึ้นอีกครั้ง
“อยากใช้อะไรก็ใช้” เพราะจะให้มาหวงตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ผมหวงไม่ทันตั้งแต่เธอเข้ามาในห้องนอนได้แล้ว
“มีแต่ของผู้ชายหนูจะใช้ยังไง” เธอตะโกนถามขึ้นอีกครั้ง
“เธอลืมไปหรือเปล่าว่าฉันเป็นผู้ชาย” ผมตอบกลับไปทันที ถ้าใช้ไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้ จะต้องมาอยู่ที่อื่นแต่ไม่เตรียมของใช้ส่วนตัวมามันหน้าโดนฟาดไหมล่ะ
ผมเลิกสนใจเธอ หันกลับมาสวมกางเกงบอลเพียงตัวเดียวและล้มตัวลงนอนทันทีเพราะตอนนี้ก็ดึกพอสมควร อีกอย่างพรุ่งนี้ผมก็ต้องทำงานเหลืออีกไม่กี่วันก็จะฝึกงานเสร็จเคลียร์โปรเจกต์นิดๆหน่อยๆก็ถือว่าจะจบการเป็นนักศึกษา
“ถ้านอนด้วยกันพี่ควรใส่เสื้อ” คนตัวเล็กที่พึ่งออกจากห้องน้ำยืนเท้าสะเอวพูดขึ้น
“ปกติฉันนอนแบบนี้ ถ้าเธอรับไม่ได้ก็ไปนอนโซฟา” ผมตอบกลับไปทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่เธอล้มตัวลงนอนและยัดตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับผม
ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มีคนอื่นได้เข้ามาในห้องนอนส่วนตัว ได้ใช้ห้องน้ำในห้องและนอนบนเตียงเดียวกัน ถ้าไม่นับผู้หญิงที่ผมลากมากินแต่ทุกคนอย่าเข้าใจผิดไปนะเพราะผู้หญิงพวกนั้นได้แค่โซฟาด้านนอกเท่านั้นแหละ
“ฝันดี อย่าหลอกแต๊ะอั๋งหนูนะ หนูยังเด็ก”
“อย่างเธอมีอะไรให้จับ”
“มีมากกว่าที่พี่เห็นแล้วกัน”