BAD WEDDING - วิวาห์พารัก | 5

1431 Words
“ฝันดี อย่าหลอกแต๊ะอั๋งหนูนะ หนูยังเด็ก” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับหันตะแคงข้าง แน่นอนว่าการนอนบนเตียงร่วมกับผู้ชายเป็นครั้งแรกของฉันเช่นกันและฉันก็ประหม่ามากๆ ต่อให้ฉันเติบโตที่เมืองนอกสนิทกับเพื่อนผู้ชายแต่ก็ใช่ว่าจะเคยนอนด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ “อย่างเธอมีอะไรให้จับ” พี่ติณณ์ตอบกลับมาอีกครั้งก่อนที่ไฟหัวเตียงจะถูกดับลง “มีมากกว่าที่พี่เห็นแล้วกัน” ซึ่งไม่รู้อะไรดลใจให้พูดแบบนั้นแต่ก็นั่นแหละ ฉันแค่พูดไปเฉยๆ “เธอใช้ครีมอาบน้ำอะไร” ทันทีเมื่อฉันพลิกตัวหันกลับมานอนตรงๆเขาก็ถามขึ้น “ความจำเสื่อมหรอคะ หนูก็ใช้ของพี่ไง” ฉันตอบกลับไปทันทีเพราะก่อนหน้านี้ฉันยังตะโกนบอกเขาอยู่เลย “หอมวะ ทำไมฉันใช้แล้วไม่หอมเหมือนเธอบ้าง” พี่ติณณ์พูดขึ้นก่อนจะขยับตัวเข้าหาฉัน “เห้ยๆอย่าขยับมานะพี่” ฉันร้องโวยวายขึ้น ถึงฉันจะเป็นคนห้าวๆห่ามๆแต่ฉันก็เป็นผู้หญิงนะ “ทำมาเป็นกลัว ทีเมื่อกี้ยังปากเก่งอยู่เลย” เขาพูดขึ้นแต่ก็ไม่ได้ถอยตัวให้ห่างจากฉันเหมือนเก่า “ไม่ได้กลัวแต่นอนใกล้กันแบบนี้มันน่าอึดอัดไง” ฉันตอบกลับอย่างแถๆ จริงๆก็แอบกลัวเพราะฉันเป็นผู้หญิงและพี่ติณณ์ก็เป็นผู้ชายอายุยี่สิบกว่าๆ เรื่องอย่างว่าเขาก็ต้องมีบ้างแต่ผิดกลับฉัน ต่อให้ฉันเติบโตเมืองนอกเมืองนาแต่ใช่ว่าฉันจะเคยในเรื่องแบบนี้ รู้แค่ทฤษฎี ไม่เน้นปฏิบัติ “อึดอัดหรือกลัวเอาดีๆ” พี่ติณณ์ถามขึ้น “อึดอัด” ฉันตอบกลับทันทีก่อนจะหันหลังให้เขา จะบ้าตาย บอกกับตัวเองเลยว่าฉันจะนอนห้องของเขาแค่คืนนี้คืนเดียว วันต่อมา ฉันตื่นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคนเดียวปราศจากใครทั้งนั้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบบ่าย ฉันจึงไม่รอช้าที่จะสั่งอาหารมากินเพราะรู้ดีว่าอยู่นี่ไม่เหมือนอยู่บ้าน หิวก็คงต้องหากินเองแต่ทว่าประตูห้องกลับถูกเคาะขึ้น ก๊อก ก๊อก ก๊อก ฉันจึงไม่รอช้าลุกขึ้นมาเปิด “สวัสดีค่ะ พี่ชื่อพี่น้อยเป็นแม่บ้านนะคะ พี่ทำความสะอาดและจัดของคุณไอรินเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้วค่ะ” คนตรงหน้าพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ขอบคุณนะคะแต่หนูเกรงใจแย่เลย” ฉันตอบกลับทันทีเพราะถึงฉันจะทำงานบ้านไม่ค่อยเป็นแต่ถ้าเป็นของส่วนตัวของตัวเอง ฉันก็ทำได้ “หน้าที่ของพี่อยู่แล้ว คุณไอรินออกมาทานข้าวไหมคะ คุณติณณ์สั่งให้พี่ทำไว้ให้เผื่อว่าคุณไอรินจะหิว” พี่น้อยพูดขึ้นอีกครั้ง “พี่ติณณ์สั่งไว้หรอคะ” ฉันถามย้ำขึ้นทันทีอย่างไม่เชื่อหูเพราะคนอย่างเขานะหรอจะสั่ง “ใช่ค่ะ ทานเลยไหมคะพี่จะได้อุ่นให้” “ทานเลยก็ได้ค่ะ แต่พี่น้อยไม่ต้องเรียกหนูว่าคุณหรอกค่ะ เรียกไอรินก็ได้ค่ะ” เพราะการที่คนอายุมากกว่าเรียกฉันว่าคุณมันก็รู้สึกแปลกๆ “เอางั้นหรอคะ” “เอาแบบนั้นเลยค่ะ” “งั้นน้องไอรินไปนั่งรอพี่ที่ด้านนอกนะคะ เดี๋ยวพี่ยกไปให้” ฉันพยักหน้าเป็นการตอบกลับก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว “ขอบคุณนะคะพี่น้อย” ฉันตอบกลับไปก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้าทันทีเพราะแน่นอนว่าเวลานี้แล้วฉันย่อมหิวเป็นธรรมดา “น้องไอรินคะ พี่เสร็จงานแล้ว งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะคะ ไว้อาทิตย์เจอกันนะคะ พี่เข้ามาทำความสะอาดทุกอาทิตย์” พี่น้อยพูดขึ้นอีกครั้ง “ไว้เจอกันนะคะ ขอบคุณนะคะ” ฉันตอบกลับแล้วยิ้มกว้างก่อนจะกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกรอบ แน่นอนว่าอาหารฝีมือพี่น้อยอร่อยสุดๆไปเลย หลังจากกินข้าวเสร็จฉันก็ตรงไปล้างจาน จริงๆงานบ้านแบบนี้ฉันก็ทำได้แต่ถ้าหากเป็นพวกกวาดขยะเช็ดถูอะไรที่เกี่ยวกับฝุ่น ฉันทำไม่ได้หรอกเพราะฉันเป็นคนแพ้ฝุ่น เข้าจมูกนิดหน่อยก็จามทั้งวันแล้ว สุดท้ายฉันก็เดินมายังห้องของฉันที่ถูกทำความสะอาดโดยพี่น้อย แน่นอนว่าพื้นที่ในห้องเล็กกว่าห้องพี่ติณณ์อย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ไม่ได้แย่เพราะทุกอย่างถูกจัดให้ลงตัว รวมๆแล้วก็ถือว่าดีใช้ได้ ฉันทำการสำรวจทุกอย่างในห้อง ฉันจึงมีความคิดว่าฉันควรจะออกไปห้าง หาซื้อของต่างๆมาไว้ในห้องเพราะฉันไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยแต่ติดอยู่อย่างเดียวคือฉันไปไม่เป็น “เอาไงดี” ฉันบ่นพึมพำขึ้นกับตัวเองเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังควรจะทำยังไง ฉันจึงไม่รอช้าที่จะกดโทรศัพท์โทรหาคนเป็นแม่ “ว่าไงไอริน” ปลายสายพูดขึ้นทันทีเมื่อรับสาย “คุณแม่มีเบอร์พี่ติณณ์ไหมคะ” เพราะหากจะให้คุณแม่พาไป แน่นอนว่าค่อนข้างไกลเพราะกว่าที่ฉันจะนั่งรถจากบ้านมาคอนโดพี่ติณณ์ก็ไกลพอสมควร “มีสิลูก จะติดต่อพี่เขาหรอเดี๋ยวแม่ส่งให้นะ” พูดจบคุณแม่ก็ตัดสายไปทันทีพร้อมกับข้อความแจ้งเตือนทางแอปพลิเคชันสีเขียว ฉันจึงไม่รอช้ากดโทรออก “ฮัลโหล” ฉันพูดขึ้นทันทีเมื่อปลายสายรับ “สวัสดีครับ” น้ำเสียงเรียบนิ่งดูสุขุมดังขึ้นซึ่งต่างกันโดยสิ้นเชิงเวลาพูดกับฉัน “หนูเอง” ฉันตอบกลับไปทันที “หนูไหน ไอรินหรอ” ปลายสายตอบกลับมาอีกครั้งก่อนที่น้ำเสียงจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงสบายๆ “ใช่ค่ะ พอดีหนูจะไปห้างหนูต้องไปยังไง” ฉันถามขึ้นทันทีเพราะจุดประสงค์ที่ฉันโทรหาเขาคือวิธีการเดินทางไปห้าง “รอฉัน” ปลายสายตอบกลับมาอีกครั้งซึ่งคำตอบของเขาถ้าฉันตีความไม่ผิดคือเขาคงจะพาไป “หนูไปเองได้แค่บอกว่าไปยังไง” เพราะฉันรู้ดีว่าตอนนี้คงอยู่ในเวลาทำงานและฉันก็ไม่อยากรบกวน “อีกหนึ่งชั่วโมงจะไปรับ” ปลายสายตอบกลับมาก่อนจะตัดสายไปโดยไม่รอให้ฉันพูดอะไร ส่วนฉันที่ทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่หยิบผ้าขนหนูและเดินเข้าห้องน้ำไปทันที “จะไปซื้ออะไร” พี่ติณณ์ถามขึ้นทันทีเมื่อฉันขึ้นมาอยู่บนรถ “ก็ของใช้ส่วนตัว จะให้หนูใช้ของพี่ติณณ์ต่อหรอ” เพราะใช้ของเขาแล้วมันไม่หอมอะซึ่งฉันไม่ชอบ เมื่อคืนที่เขาบอกว่าหอมฉันยังไม่รู้เลยเอากลิ่นจากไหนมาหอม “แล้วที่พี่น้อยซื้อมา” จริงๆที่พี่น้อยซื้อมามันก็มีแต่ใช่ว่าจะครบทุกอย่างสักหน่อย “ก็มันยังไม่ครบ หนูเลยอยากได้เพิ่ม” ฉันตอบกลับไปทันที “ที่จริงเวลานี้เป็นเวลาทำงานของพี่ติณณ์ แค่บอกทางหนู หนูก็ไปเองได้” ฉันพูดขึ้นอีกครั้ง “ฉันพาไปได้ก็คือพาไปได้” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเข้มๆ “พาไปแล้วจ่ายให้ด้วยหรือเปล่า” ฉันแกล้งๆแซวขึ้น ก็ไม่แน่หรอกคนอย่างพี่ติณณ์ขับรถหรู เป็นประธานบริษัท บ้านรวย เผลอๆบ้าจี้อาจจะจ่ายให้ฉันก็เป็นได้ “แม่ของเธอไม่ให้เงินมาหรือไง ที่จะมารีดไถ่จากฉัน” ความจริงเขาควรบอกว่าจ่ายให้เหมือนในนิยายสิ “หนูก็ถามไปงั้นแหละ ไม่ได้จะให้จ่ายให้จริงๆ” สงสัยฉันจะอ่านนิยายมากเกินไป ลืมไปเลยว่าชีวิตจริงมันไม่เหมือนนิยายโดยเฉพาะกับคนอย่างเขา “ไว้เธอเป็นเมียฉัน ฉันจะจ่ายให้” “อีกสามเดือนก็แต่งแล้ว แบบนี้จ่ายให้ไม่ได้หรอ” “เมียที่เป็นเมียจริงๆ ไม่ใช่เมียที่มาจากการแต่งงาน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD