ถึงแล้ว อุดรธานี!

1146 Words
“ขอถามเหตุผล ที่เสนอตัวมาเป็นผู้ช่วยผมหน่อยได้มั้ยครับ?” ดิสถามขณะที่กำลังขับรถซูเปอร์คาร์อยู่บนถนนใหญ่ มุ่งตรงสู่ต่างจังหวัดตามภารกิจที่รับมอบหมาย เจนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้น เธอเริ่มจะปรับตัวได้บ้างแล้ว ไม่แสดงความตื่นเต้นออกมามากเหมือนก่อนหน้า แต่พอได้ยินคำถามก็แสดงท่าทางเงอะงะแล้วยกมือขึ้นถูกันไปมาอยู่เล็กน้อยอยู่เหมือนกัน “คือ…. จะบอกไงดีอ่ะคะ แบบว่า” ระหว่างที่รอหญิงสาวกล่าวดิสก็จอดรถเพราะติดไฟแดง “ไม่ต้องเกร็งหรอกครับ เราต้องอยู่ด้วยกันอีกนานเลย” ดิสหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร เขาแค่คาดหวังว่าพอคุยไปเรื่อยๆ แล้วอีกฝ่ายจะลืมความน่าอับอายของเขาก่อนหน้านี้ “ได้ค่ะ ฉันจะพยายามไม่เกร็งนะคะ” ดิสพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เจนเองก็ดูผ่อนคลายลงเช่นกัน “ฉันเป็นลูกกำพร้า อยู่กับยายและตา พวกท่านไม่มีเงิน ฉันเลยต้องทำงานส่งตัวเองเรียน” ดิสตั้งใจฟัง ขณะที่เจนพูดต่อ “ฐานะพวกท่านนั้นยากจน แล้วงานผู้ช่วยพรานทมิฬคลาส S ก็อาจจะทำให้ฉันเป็นที่รู้จักขึ้น” เธอเงียบเว้นช่วงไปครู่นึง “การที่ฉันเป็นที่รู้จักอาจจะทำให้ฉันเติบโตได้ดีในทางสายนี้ ทดแทนเรื่องพรสวรรค์ที่มีระดับต่ำของฉัน” ดิสเริ่มออกรถอีกครั้งเมื่อเห็นไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว “คุณดูเป็นคนสู้ชีวิตมากเลยนะครับ แต่ผมว่าอย่าดูถูกพรสวรรค์ตัวเองแบบนั้นเลยดีกว่า” พอดิสว่าจบก็หันไปยิ้มให้หญิงสาว “แค่พวกเราได้มีโอกาสทำในสิ่งที่คนปกติทำไม่ได้ แค่นั้นก็พิเศษแล้วล่ะครับ” “ส่วนเรื่องหน้าที่การงาน ผมว่าความพยายามไม่ทรยศคนที่ตั้งใจหรอก” ดิสกล่าวปลอบใจหญิงสาวก่อนหันหน้าไปมองทางและขับรถต่อ การที่เขาให้กำลังใจคนอื่นแบบนั้น มันเป็นเรื่องปกติที่ดิสคิดว่าควรทำเวลาเจอกับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง แต่… เขากลับไม่รู้เลยว่าได้ทำอะไรลงไป เจนก้มหน้าลงมองตักตนพร้อมแก้มที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ไม่สิ ต้องบอกว่ารู้แต่ไม่เข้าใจต่างหากว่าทำไมถึงแดงขึ้นมาในสถานะการณ์แบบนี้ได้ อ. ทุ่งตะพาบเขียว จ. อุดรธานี ใช้เวลาเดินทางนานพอควรก็มาถึง ดิสขับเลี้ยวจากถนนใหญ่เข้าสู่พื้นที่ซึ่งเป็นทางดิน มันนำไปสู่ไร่นาของชาวบ้าน ดิสจอดรถที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่งด้านตรงข้ามเป็นป่าไม้แห้งๆ ด้วยความที่ว่าอำเภอนี้ค่อนข้างจะเป็นชนบท รอบๆ เลยมีแต่ไร่นา และสวนของชาวบ้าน ดิสเปิดประตูลงจากรถก่อนจะบิดขี้เกียจ ‘ให้ตายสิ… ขับรถมาหลายชั่วโมงเลย เมื่อยชะมัด’ เจนก็เปิดประตูลงมาจากอีกด้านเช่นกัน เธอรีบเช็คมือถือดูว่ามาถึงที่ตั้งของดันเจี้ยนรึยัง “ดูเหมือนว่าดันเจี้ยนจะตั้งอยู่ด้านตรงข้ามแม่น้ำนะคะ เราจะไปกันเลยมั้ยคะหัวหน้า?” ดิสหันไปมองหญิงสาวก่อนจะล็อครถด้วยรีโมทกุญแจ “ไม่ต้องเรียกผมหัวหน้าก็ได้นะครับ อายุเราคงพอๆ กัน” เจนส่ายหน้า ไม่ยอมเด็ดขาด “ไม่ได้ค่ะ คุณเป็นหัวหน้าฉันนะคะ ฉันต้องมีสัมมาคารวะต่อคนที่มีคำแหน่งสูงกว่าสิ!” ดิสที่ได้ยินก็หัวเราะแห้งอออกมเป็นคำตอบเท่านั้น ‘อะไรจะจริงจังขนาดนั้นแม่คุ๊น…’ “เอ่อ.. งั้นก็ตามสบายเลยครับ” ดิสว่าก่อนจะเริ่มบินลอยขึ้นเหนือพื้นดิน “เดี๋ยวผมจะไปจัดการปิดดันเจี้ยนเอง คุณรออยู่นี่นะ ไม่นานหรอก” เจนเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “ดะ เดี๋ยวสิ เรามาด้วยกันนะคะ คุณจะไปคนเดียวได้ยังไง?” ดิสทำเป็นไม่ได้ยินก่อนจะกล่าวลากับหญิงสาว แล้วบินข้ามแม่น้ำตรงสู่ป่าด้านตรงข้ามไป “ไว้เจอกันหลังเสร็จงานนะครับ” เจนได้แต่ยืนถอนหายใจมองดิสบินลับตา เธอตามเขาไปไม่ได้ เพราะไม่มีเรือและหญิงสาวก็ไม่อยากจะลงทุนขนาดถึงขนาดว่ายน้ำด้วย เฮ้อ… ทางด้านดิสนั้นก็เร่งสปีดบินเข้าไปจนถึงหน้าดันเจี้ยน เขาร่อนลงยืนตรงนั้น ก่อนจะควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เขาหรี่ตามองสำรวจ มันขนาดไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับดันเจี้ยน แรงค์ A ที่มหาวิทยาลัย มันออกไปทางยาวซะมากกว่า ปากทางเข้ามันเหมือนกับอุโมงค์ที่มีขนาดกว้างและสูงพอจะให้รถพ่วงเข้าไปได้ แต่ข้างนอกดูคดเคี้ยวไปมาคล้ายรังของตัวอะไรสักอย่าง ซึ่งดูจากความกินพื้นที่ของมันแล้ว ก็สมเป็นแรงค์ A ดิสชูมือสองข้างขึ้นก่อนจะมีวงเวทย์สีทองปรากฎ หลังจากนั้นมือทั้งสองก็สวมศาสตราทมิฬที่ได้มาจากพญาครุฑ ถึงเขาจะไม่มีวงเวทย์เหมือนคนอื่น แต่อย่างน้อยตอนเรียกศาสตราทมิฬเขาก็มีแหละวะ ดิสคิดในใจก่อนจะโยนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบจนดับ จะว่าไป ตั้งแต่หลังจากได้ทดลองสูบจากตรีชาติ เขาก็เหมือนจะติดมันไปเสียแล้ว เพราะเหมือนการที่เขาได้ทำแบบนี้ มันผ่อนคลายจากความเครียดลงอย่างมาก ดิสเดินไปที่ปากทางเข้าดันเจี้ยน ก่อนจะแง้มเปิดประตูขนาดใหญ่ ทางดข้าข้างในนั้นมืดมิดไร้แสงสว่างใดๆ “โหลๆ มีของมาส่งครับ!” ดิสนึกสนุกจึงตะโกนเรียกสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นอย่างท้าทาย ไม่นานนักเสียงฝีเท้ามากมายก็ดังขึ้นจากภายใน ดิสรู้ได้ทันทีว่ามอนเตอร์กำลังพากันยกโขยงมาทางนี้ ดิสชี้มือทั้งสองข้างไปทางปากอุโมงค์ กระแสไฟฟ้าแตกประกายเตรียมจะสังหารทุกอย่างที่โผล่มาตรงหน้า ศัตรูที่เขาสู้มามันแข็งแกร่งมากซะจนเขาไม่มองดันเจี้ยนแรงค์ A เป็นภัยอีกต่อไป เขามองมันเป็นแค่… เควสรายวันที่มีไว้ฟามเอาเอาแต้มก็แค่นั้น ในที่สุดพวกมอนเตอร์ก็โผล่มาหลายสิบตัว เขานับมันไม่หวาดไม่ไหวเลยจริงๆ เมื่อเห็นจำนวน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา “ฝันดีครับน้อง…” เมื่อสิ้นเสียง สายฟ้าจากถุงมือสีทองก็พุ่งปะทะเข้ากับกองทัพมอนเตอร์ส่องแสงสว่างวาบจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น เปรี้ยงงงง! To be continued →
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD