เควส : ออกกำลังกาย รางวัล 10 แต้ม (ไม่บังคับ)
วิ่ง : 1 กิโลเมตร ผ่าน!
วิดพื้น : 10 ครั้ง ผ่าน!
ซิทอัพ : 10 ครั้ง ผ่าน!
ดิสมองหน้าต่างสถานะพลางกับเช็ดเหงื่อบนใบหน้า
ตอนนี้เขายังอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ร่างกายเขาก็กลับมาปกติแล้ว เขาเลยไม่ปล่อยให้เวลาฝ่ายไปเฉยๆ เขาทำตามเควสที่ระบบแจ้งเตือน และมันไม่ยากนัก เพราะก่อนที่จะหลับไปเขาก็ออกกำลังกายประจำอยู่แล้ว (แต่แรกๆ ก็แอบเหนื่อยอยู่บ้าง เพราะร่างกายยังไม่ชิน)
นี่ก็เข้าวันที่ 5 แล้วที่เขาทำแบบนั้น และเควสก็มีทุกวันเลยด้วย ตามที่คาดไว้ แต้มนี้สามารถนำไปอัปสิ่งที่ขึ้นในหน้าแรกได้
[แต้มสะสม 50 แต้ม]
ใช่แล้ว เควสนั้นจะแจกแต้มเรื่อยๆ ในแต่ละวัน และเขาก็เก็บสะสมมาจนถึงวันนี้เพื่อจะอัปทีเดียว
ชื่อ : ดิส
พลังโจมตี : ปกติ
ความเร็ว : ปกติ
ความทนทาน : ปกติ
เขามองหน้าต่างระบบอย่างพินิจ
‘อัปอะไรดีนะถึงจะมีประโยชน์สุด พลังโจมตีก็สำคัญ แต่ความเร็วและความทนทานก็ขาดไม่ได้’
‘งั้นเน้นไปที่พลังโจมตีและความเร็ว ถ้าเร็วมากพออาจจะหลบการจู่โจมได้ ความทนทานก็อาจจะไม่จำเป็นขนาดนั้น แต่ก็ไม่ประมาทดีกว่า’
ว่าแล้วเขาก็เริ่มอัปทันที
ชื่อ : ดิส
พลังโจมตี : + 25
ความเร็ว : + 15
ความทนทาน : + 10
เขาเลิกคิ้ว ‘พออัปแล้วมันจะขึ้นหน้าตาแบบนี้นี่เอง’
‘เอ๊ะ รู้สึกแปลกๆ’
เขารู้สึกความเปลี่ยนแปลงของบางอย่างในร่างกายเล็กน้อย
‘ถ้าลองๆ มาคิดดูแล้ว นี่มันไม่แตกต่างจากระบบพัฒนาร่างกายเลย มันดูเจาะจงที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายโดยเฉพาะ’
เขาครุ่นคิดก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ วันนี้เขาจะออกจากโรงพยาบาลแล้วหลังจากอยู่ดูอาการมาหลายวัน ดีล่ะ หลังจากนี้เขาจะไปผจญภัยชดเชยกับชีวิตที่เสียไปกับการนอนสักที
[30 นาทีถัดมา]
เขาเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลือยท่อนบนข้างล่างนั้นสวมแค่ผ้าขนหนู
‘อ้า… สดชื่น’
เขาคิดในใจขณะที่เริ่มเดินไปหยิบชุดวอมจากตู้เสื้อผ้ามาใส่
พอสวมจนเสร็จเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงที่คุ้นเคยในตลอดหลายวันมานี้
“เข้าไปนะคะ”
“เชิญครับ”
เขารู้ดีว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร ราชาวดีเดินเปิดประตูเข้ามาในชุดหมออย่างทุกครั้ง พร้อมกับส่งรอยยิ้มอัธยาศัยดี
“กำลังเตรียมตัวกลับบ้านอยู่เหรอคะ?”
“ใช่ครับ” ดิสพยักหน้ายิ้มๆ “ว่าแต่คุณราชาวดีมีอะไรเหรอครับ?”
“เรียกวดีเฉยๆ ก็ได้ค่ะ เรารู้จักกันมาตั้งหลายวันแล้วนะคุณดิส”
ก็จริงอย่างราชาวดีกล่าว ตลอดหลายวันมานี้ดิสและเธอก็ได้คุยกันมาหลายครั้งแล้ว
“คุณก็ยังเรียกผมว่าคุณอยู่เลยนี่น่ะ” ดิสกล่าวตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“งั้นเราเรียกว่าดิสเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” พอว่าจบราชาวดีก็เปลี่ยนสีหน้า เธอดูจริงจังขึ้นไม่น้อย “ถ้าเราถามอะไร ช่วยตอบเรามาตามความจริงด้วยนะคะ”
ดิสประหม่าเล็กน้อยเมื่อได้เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปแบบนั้น “คะ ครับ”
‘เปลี่ยนอารมณ์ไวแท้ เรียกแทนตัวเองว่าเราด้วย’
“ดิสก็เป็นคนที่พรสวรรค์ตื่นขึ้นใช่มั้ยคะ?”
‘เธอรู้ไงกัน?’ นั่นคือคำถามแรกที่เด้งขึ้นมาในหัวดิส ดิสทำสีหน้าสงสัยและแปลกใจ แต่ก็ไม่มากขนาดนั้น เพราะเขาก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอยู่แล้ว
“ใช่ครับ…” ดิสพยักหน้า “ว่าแต่วดีรู้ได้ยังไงอ่ะ” ดิสเปลี่ยนบริบทคำพูดให้เข้ากับอีกฝ่าย
ราชาวดียกมือขึ้นกอดอก “มันไม่ยากหรอกถ้าจะสังเกตุ ดิสหลับไป 5 ปี การที่ดิสจะตื่นมาปกติแบบนี้แทบเป็นไปไม่ได้”
ดิสพยักหน้าอีกครั้งอย่างชื่นชม “แล้วยังไงต่อเหรอ?”
วดีที่ได้ยินคำถามนั้นก็ถอนหายใจ “แค่จะมาถามว่าอยากเป็นพรานทมิฬรึเปล่า เราช่วยฝากดิสเข้ากิลด์ดังๆ ได้นะ”
ดิสได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มแห้ง ‘อย่างกะขายตรง…’
“ไม่ใช่ว่าคนที่พรสวรรค์ตื่นขึ้นต้องเป็นพรานทมิฬอยู่แล้วเหรอ?” ดิสถามด้วยความสงสัย
ราชาวดีส่ายหน้า “ไม่หรอก บางคนก็สามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ ส่วนถ้าหากใครอยากเป็นพรานทมิฬต้องไปสมัครและเข้ารับการวัดพลังและคลาสก่อน ซึ่งสามารถไปสมัครได้ที่สำนักงานพรานทมิฬสาขาย่อยทั่วประเทศ”
ดิสทำหน้าตั้งอกตั้งใจฟังกับข้อมูลที่ได้รับ เขานั้นสนใจที่จะเป็นพรานทมิฬอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนจะรู้ข้อมูล แต่เรื่องกิลด์นี่เขาไม่ได้สนใจเลย เขาไม่อยากจะรวมกลุ่มกับใคร เขาเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่เป็นกลุ่มใหญ่
‘วดีอุตส่าห์หวังดี ไม่กล้าปฏิเสธเลย… อึดอัดชะมัด’
“เราขอเก็บไปคิดดูก่อนแล้วกัน”
“ได้สิ”
ราชาวดียิ้มรับ นั่นทำเขาโล่งใจไม่น้อย
ในขณะที่เขากำลังคุยกับราชาวดี มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ส่งเสียงดัง เขาจึงขอตัวไปรับสาย
“ใช่ครับอยู่กับราชาวดีครับ” เขาพูดกับปลายสายพลางกับพยักหน้า “โอเคครับ”
หลังจากการสนทนากับปลายสายสิ้นสุด เขาก็มองมาทางราชาวดี “พ่อกับแม่กำลังเดินทางมารับแล้วน่ะ ขอบคุณนะที่แวะมาคุยเป็นเพื่อน”
ราชาวดียกมือขึ้นมาเกาแแก้มตัวเองนิดหน่อย “เรียกว่าคุยเป็นเพื่อนได้เหรอ เหมือนเรามาขายตรงยังไงไม่รู้”
ดิสยิ้มแห้งออกมานิดหน่อยเพราะคำพูดของเธอตรงกับความคิดของเขาในช่วงแรก
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงไซเรนดังลั่นขึ้นมาบนถนนข้างๆ ตึกโรงพยาบาล พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องของคนข้างล่าง มันได้ยินมาถึงตรงนี้
ราชาวดีและดิสแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนราชาวดีจะวิ่งผ่านตัวเขาไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลอดหน้าต่าง
ดิสไม่รอช้ารีบวิ่งตามไปด้วยทันที
“ดันเจี้ยนแตก...”
To be continued →