ดิสพึ่งจะวางสายจากครอบครัว พ่อแม่ดีใจมากที่เขาตื่นขึ้น และกำลังจะเดินทางจากต่างประเทศเพื่อมาหาเขาให้เร็วที่สุด
ครอบครัวเขานั้นมีฐานะที่รวยมากและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่นี่ นั่นเป็นเหตุผลที่โรงพยาบาลดูแลเขาดีมากระหว่างที่หลับอยู่ แล้วอีกอย่างพ่อแม่ก็มาเยี่ยมเขาทุกปีเลยด้วย
ระหว่างนี้เขาจ้องไปที่หน้าต่างสถานะอีกครั้ง
เควส : ออกกำลังกาย รางวัล 10 แต้ม (ไม่บังคับ)
วิ่ง : 1 กิโลเมตร
วิดพื้น : 10 ครั้ง
ซิทอัพ : 10 ครั้ง
เขาควรทำมันรึเปล่านะ? ถ้าทำจะได้แต้มตั้ง 10 แต้ม ซึ่งเท่าที่เขาวิเคราะห์ดูแล้ว แต้มพวกนี้น่าจะสามารถนำไปอัป ค่าต่างๆ ที่ขึ้นในตอนแรกได้
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ และก็เดินออกจากห้องพยาบาลไปทันที
‘วิ่ง 1 กิโลฯ สินะ’
เขาไม่รู้ว่าจะไหวรึเปล่า แต่มันก็น่าลอง เขาหลับไปนานเกินกว่าจะพักแล้ว
พวกพยาบาลที่เห็นต่างพากันห้ามดิสไว้ แต่ดิสก็ไม่ฟัง เขาวิ่งหนีพยาบาลออกมา จนไปถึงหน้าตึกได้
เขายืนยันเข่าหายใจหอบตาลาย นี่มันเหนื่อยสุดๆ ไปเลย คงเพราะร่างกายที่พึ่งตื่นมารับไม่ไหวกับการขยับตัวที่มากเกินไป
แต่ทันใดนั้น
เควส : ออกกำลังกาย รางวัล 10 แต้ม (ไม่บังคับ)
วิ่ง : 1 กิโลเมตร ผ่าน!
วิดพื้น : 10 ครั้ง
ซิทอัพ : 10 ครั้ง
‘ห้ะ แค่วิ่งลงมาจากตึกก็นับเหรอ?’
ดิสมองอย่างไม่เชื่อสายตา….
หลังจากนั้นเขาก็กวาดตามองรอบๆ ทุกอย่างดูเหมือนเดิมเปี๊ยบ เหมือนก่อนที่เขาจะหลับไป
บนถนนประชาชนในเมืองใช้ชีวิตปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาก็ละสายตาจากถ้ำขนาดยักษ์หรือดันเจี้ยนที่โผล่มาให้เห็นอยู่ไกลๆ ไม่ได้เลย
แต่เพราะด้วยร่างกายที่หักโหมเกินไป เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาล้มลงกับพื้นก่อนทุกอย่างจะค่อยๆ มืดไป…
‘แม่ง… ไม่น่าตื่นเต้นเกินไปเลยเรา’
ห้องพยาบาล
ดิสตื่นขึ้นมาในห้องพยาบาลเดิมอีกครั้ง แต่มีสิ่งที่แตกต่างออกไปอยู่สองอย่าง คือ เขาไม่มีสายน้ำเกลืออีกแล้ว ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือตอนนี้พ่อแม่เขาได้มาถึงแล้วและนั่งมองอย่างเป็นห่วงอยู่ข้างๆ เตียงของเขา
“ทำไมถึงทำแบบนี้ลูก…”
แม่ร้องห่มร้องไห้พลางกับบีบมือเขาไว้แน่น นั่นทำเขาหน้าเสียไปไม่น้อยกับความใจร้อนของตัวเอง
ส่วนคนเป็นพ่อนั้นยืนนิ่งมอง แต่สายตาก็แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ขอโทษครับ…”
ดิสลุกขึ้นกอดแม่ตัวเองอย่างรู้สึกผิด หลังจากนี้ เขาคงต้องคิดให้มากกว่านี้แล้วล่ะ
พ่อที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มบางๆ ออกมาก่อนจะเข้ามาร่วมวงกอดด้วย
ทั้งสามกอดกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะผละออกมาจากกันด้วยรอยยิ้ม นอกจากวันที่ดิสเกิดมาวันนี้คงเป็นวันที่ครอบครัวนี้มีความสุขที่สุดแล้ว
พ่อของดิสทำท่าเหมือนคิดอะไรออก “พ่อลืมไปเลย ว่ามีคนที่พ่ออยากให้รู้จักไว้”
ว่าแล้วคนเป็นพ่อก็เดินไปเปิดประตู ทำให้คนที่รออยู่ด้านนอกเดินเข้ามาได้ คนที่เดินเข้ามาเธอเป็นผู้หญิงท่าทางเรียบร้อยคนหนึ่งสวมชุดคล้ายหมอ เธอมีหน้าตาดูดีมาก ยิ่งมีผมสีชมพูมัดรวบหางม้าอันโดดเด่นนั่น บวกกับใส่แว่นยิ่งดูดีไปกันใหญ่
“เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อน่ะ ชื่อ ‘ราชาวดี’ แถมยังเป็นหมอและพรานทมิฬคลาส S ด้วย”
พ่อกล่าวยิ้มๆ ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะเดินมายืนข้างๆ
“สวัสดีค่ะคุณดิส ฉันเพิ่งจะมาเป็นหมอที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
พอดิสได้ยินเธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรแบบนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่งด้วยความตกตะลึง นี่เขาควรจะอึ้งกับอะไรก่อนดีนะระหว่างหน้าตา กับการเป็นหมอและพรานทมิฬพร้อมกัน แถมยังเป็นคลาส S ด้วย
“ส สวัสดีครับ”
ดิสกล่าวตอบกลับราชาวดีด้วยท่าทีเงอะงะ ก็แหงล่ะ ที่ทักษะการสื่อสารเขาห่วยแบบนี้ก็เพราะหลับไปนานเกินไป
แม่เอื้อมมือมาแตะที่ไหล่เขาก่อนจะกล่าวยิ้มๆ “เธอเป็นฮิลเลอร์ระดับสูงเลย เธอสามารถทำให้ร่างกายลูกกลับมาปกติได้”
เขาอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
ราชาวดีพยักหน้าก่อนจะยิ้มให้เขา
เขาครุ่นคิดแปปนึง ก่อนจะหันไปมองทุกคนในครอบครัว แล้วถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ถ้าคุณราชาวดีมีพลังแข็งแกร่งระดับนั้น ทำไมถึงไม่ใช้พลังนั่นในการปลุกผมให้ตื่นล่ะครับ”
ราชาวดีมองเขาก่อนจะยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองเบาๆ “คือตอนที่คนปกติเริ่มมีพลัง คนบางส่วนนำมันไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อก่อจราจลน่ะค่ะ มันเลยมีกฏหมายเพื่อควบคุมเอาไว้ ไม่ให้ใช้พลังในการแทรกแซงระบบต่างๆ ของหลายวิชาชีพ”
ดิสที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
เธอประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นก็ยังอธิบายต่อ
“ตามกฏหมายแล้วพรานทมิฬจะสามารถใช้พลังได้เต็มที่ก็ต่อเมื่ออยู่ในดันเจี้ยน ตอนอยู่ในสังคมปกติจะสามารถใช้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเข้าใจว่าจะต้องมีการฝึกไว้บ้างเพื่อความคุ้นเคย”
เธอว่าต่อ “แต่มันก็มีกรณียกเว้นเวลาดันเจี้ยนแตกเหมือนกันค่ะ”
“ดันเจี้ยนแตกเหรอครับ?” ดิสกล่าวพร้อมกับเลิกคิ้ว
“ใช่ค่ะ ดันเจี้ยนนั้นจะปิดสนิทตลอดเวลาจนกว่าจะมีคนเปิดเข้าไป ถ้ามีพรานทมิฬเข้าไปเพื่อปิดดันเจี้ยนแต่ทำไม่ได้ มันจะไม่ปิดเอง ทำให้มอนเตอร์ที่อยู่ข้างในสามารถพากันออกมาได้”
ดิสตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ตอนเขาหลับโลกมันพัฒนาไปถึงไหนแล้วเนี่ย เขารู้สึกว่าตนไม่แตกต่างจากมนุษย์ยุคหินเลย
“แล้วการที่คุณจะทำแบบนั้นกับผม แบบนั้นเอ่อ…” ดิสพูดด้วยท่าทางเงอะงะเล็กน้อย
“เรียกว่าฮีลค่ะ”
ราชาวดีตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ ที่เห็นท่าทางเขา
“นั่นแหละครับ แหะๆ”
ดิสหัวเราะตอบก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะเบาๆ แก้เขิน
“ไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ การที่จะฟื้นฟูสภาพร่างกายคุณที่กำลังจะหายดีถือเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ผิดอะไร”
“งั้นเองสินะครับ”
พอทั้งสองฝ่ายคุยกันเสร็จ การฟื้นฟูก็เริ่มขึ้น ดิสหันไปมองหน้าพ่อแม่พร้อมกับจับมือพวกเขาประสานไว้
ราชาวดียกมือสองข้างชี้ไปทางดิส ก่อนที่จะมีวงเวทย์สีชมพูเล็กๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า ดิสตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นไม่น้อย
‘มันคล้ายเวทมนตร์เลย ไม่สิ มันไม่ใช่แค่เหมือน แต่มันคือเวทมนตร์ คนที่พรสวรรค์ตื่นขึ้นคือคนที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้’
ขณะที่เขากำลังวิเคราะห์ข้อมูลในหัว แสงสีชมพูก็ไหลผ่านเข้ามาในร่างกายเขา ดิสรู้สึกแปลกไม่น้อย ร่างกายผอมโซค่อยๆ กลับมาปกติ
‘วิเศษ…’
To be continued →