ณ พุทธศักราช. 2580
เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นทั่วโลกราวกับโลกาวินาศ ปรากฏถ้ำขนาดใหญ่โตมหึมาขึ้นทั่วทุกสถานที่สำคัญอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผู้คนต่างสงสัยและแตกตื่นอย่างหนัก จนในภายหลังมันจึงถูกตั้งชื่อว่า ‘ดันเจี้ยน’
ภายในดันเจี้ยนเต็มไปด้วยสัตว์ในเทพนิยายหรือนิทานพื้นบ้านของประเทศนั้นๆ หลากหลายชนิด ภายหลังถูกเรียกว่า ‘มอนเตอร์’ เช่นกัน แล้ววิธีที่จะปิดดันเจี้ยนพวกนั้นลงมีแค่ลงมีแค่วิธีเดียวเท่านั้น นั่นคือการกำจัดมอนเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้น เรียกว่า ‘บอส’ มอนสเตอร์สุดทรงพลัง
ทางรัฐบาลทั่วโลกนั้นต่างรู้สึกหวาดกลัวต่อสถานการณ์ผิดปกตินี้ แต่ก็ไม่ยอมจำนน หลายประเทศจึงยุติความขัดแย้งและร่วมมือกันเพื่อส่งทหารกับหน่วยรบต่างๆ เข้าไปเพื่อปิดดันเจี้ยนทั้งหมดแต่มันก็ไม่เป็นผล ทหารนับล้านตายไปอย่างน่าเสียใจ และนั่นคือการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ
เป็นความโหดร้ายที่ไม่มีวันลืมเลือนของการสูญเสีย
แต่แล้วความหวังของมนุษย์ก็ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ความกลัว ราวกับอาวุธที่พระเจ้ามอบให้แก่ผู้ศรัธรา ประชาชนทั่วโลกราว 20% กลับมีพลังพิเศษขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ภายหลังมันได้ถูกเรียกว่า ‘การตื่นของพรสวรรค์’ และเหล่าผู้มีพลังทั้งหมดก็กลายเป็นอาวุธของมวลมนุษยชาติในการจัดการกับดันเจี้ยนเหล่านั้นลง จนดันเจี้ยนอันตรายหลายแห่งถูกปิดไป ภายหลังเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ‘ฮันเตอร์’ หรืออีกชื่อที่เรียกในไทยว่า ‘พรานทมิฬ’
แต่ด้วยความที่ดันเจี้ยนจากทั่วโลกนั้นมีเยอะเกินไปมาก และการต่อสู้ก็กินเวลาอย่างยาวนาน สำนักงานฮันเตอร์หรือพรานทมิฬจึงถือกำเนิดขึ้นมาควบคุมสถานการณ์ทุกอย่าง และฮันเตอร์หรือพรานทมิฬก็กลายเป็นอาชีพหนึ่งที่สร้างรายได้มหาศาล ซึ่งมีหน้าที่ในการปิดดันเจี้ยนเท่านั้น
มีการแบ่งคลาส เพื่อแยกพรานทมิฬที่แข็งแกร่งและอ่อนแอออกจากกัน พร้อมมอบภารกิจที่เหมาะสมให้ ซึ่งมีตั้งแต่ คสาส S A B C เรียงจากมากไปน้อย ซึ่ง S แข็งแกร่งสุด และ C อ่อนแอที่สุด
และหลังจากนั้น มนุษย์เราก็อยู่ร่วมกับดันเจี้ยน โดนมีเหล่าพรานทมิฬที่คอยปิดดันเจี้ยนมาตลอด 5 ปี
นั่นแหละคือเรื่องราวของโลกในตอนนี้ โลกที่ผู้มีพลังวิเศษถูกสรรเสริญ โลกที่การต่อสู้กลายเป็นเรื่องปกติ โลกที่แค่คุณแค่แข็งแกร่งก็โด่งดัง
โลกที่คนสังหารมอนสเตอร์แลกเงิน
พ.ศ. 2585
‘ดิส’ ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา ในขณะที่ร่างกายเต็มไปด้วยสายน้ำเกลือและสายอื่นๆ ระโยงระยาง ใช่แล้ว ที่นี่คือห้องพยาบาล เขาคือผู้ป่วยเจ้าชายนิทราที่หลับไปมากกว่า 5 ปี
ดิสรู้สึกไม่ค่อยมีแรง คงเพราะหลับไปนานเกินไป พยาบาลที่เปิดห้องผู้ป่วยแยกมาเช็คตามหน้าที่เป็นประจำนั้น เห็นดิสนอนลืมตาอยู่แบบนี้ ก็ถึงกับอึ้งกิมกี่อ้าปากค้างตกตะลึง ไม่คาดคิด
หมอและบุคลากรการแพทย์หลายคนต่างพากันมาดูเขา การที่ดิสตื่นขึ้นนั้นคือปฏิหาริย์ ไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้จริง และกว่าเขาจะได้อยู่อย่างสงบก็ต้องผ่านการตรวจร่างกายอันผอมแห้งนี้มากมายจากหมอประจำโรงพยาบาลแห่งนี้ซ้ำหลายรอบ
หลังจากทุกอย่างจบลง ดิสก็ได้นอนพักต่อเพราะร่างกายเขาปกติดีมากเกินกว่าจะเป็นไปได้ ถ้าไม่นับว่าผอมลงเพราะไม่ได้กินอะไรเท่าที่ควร
แต่โลกนี้มันมหัศจรรย์เกินกว่าจะข่มตาหลับลง ตอนนี้เขาอายุ 25 ปี ถ้านับที่หลับไปด้วยแล้วล่ะนะ เขาไม่คิดเลยว่าในช่วงชีวิตจะได้เห็นอะไรแบบนี้มาก่อน และไม่เคยมีแม้แต่เศษเสี้ยว
เขาเดินหิ้วสายน้ำเกลือตรงไปที่หน้าต่างแล้วมองถ้ำขนาดใหญ่ที่ถูกเรียกว่าดันเจี้ยนด้วยสายตาที่ดูลุกวาว
เขาได้ยินเรื่องคร่าวๆ จากเหล่าหมอที่มาอัปเดตสถานการณ์แล้ว แต่ไม่เห็นด้วยตาเขาก็คงจะไม่เชื่อ
‘ที่นี่ประเทศไทยจริงๆ เหรอ หืม…?’
เขาคิดในใจอย่างนั้น
เขาได้ยินเรื่องที่หมอบอกเกี่ยวกับพรานทมิฬ เขาสนใจเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะตั้งแต่ที่เขาตื่นขึ้นมา เขาก็รู้สึกแปลกๆ เพราะมีอะไรสักอย่างคล้ายหน้าต่างสถานะปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
ชื่อ : ดิส
พลังโจมตี : ปกติ
ความเร็ว : ปกติ
ความทนทาน : ปกติ
มันเหมือนกับระบบสุดโกงของพระเอกการ์ตูนยังไงยังงั้น นี่เขาคือหนึ่งในคนที่พรสวรรค์ตื่นขึ้นอย่างนั้นเหรอ?
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ที่สำคัญคือ ทำไมสถานะทุกอย่างมันปกติทั้งหมดเลย ดิสยกมือขึ้นกอดอกมองอย่างพินิจ
‘นี่เรากากขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี่ย เห้อ?’
แต่ในขณะนั้นหน้าจอสถานะก็แจ้งเตือนอะไรสักอย่างขึ้นมา ณ ตรงนั้นทันที
[ เควส! ]
‘เควสงั้นเหรอวะ’
เขาเลิกคิ้วมองอย่างพินิจ ก่อนจะแตะนิ้วจิ้มอย่างนิ่มนวล
เควส : ออกกำลังกาย รางวัล 10 แต้ม (ไม่บังคับ)
วิ่ง : 1 กิโลเมตร
วิดพื้น : 10 ครั้ง
ซิทอัพ : 10 ครั้ง
เขามองมันนิ่งๆ ‘นี่ตูเพิ่งตื่นเองนะเว้ย’
ดูแล้วเขาคงเป็นคนจำพวกเดียวกับพรานทมิฬนั่นแหละ นั่นทำเขาพอใจไม่น้อย แต่ทำไม พลังของเขาถึงคล้ายกับเกมส์เช่นนี้ ช่างแปลกพิกล
‘...’
'พึ่งตื่นก็เล่นกันเลยนะ เห้อ’
'น่าจะเป็นพลังที่ทำเราเหนื่อยใช้ได้เลยนะเนี่ย'
เขานั่งคิดกับตัวเองอย่างหนัก มันก็น่าสนุกนะสำหรับพลังนี้ เขาคิดว่าบางทีน่าจะมีคู่มือการใช้ แบบนั้นน่าจะสะดวกกว่า แต่ก็นั่นแหละ หน้าต่างสเตตัสมันดูล้าหลังพอสมควร เขาคงจะคาดหวังอะไรกับมันไม่ได้มากนัก
To be continued →