ดิสเพ่งสายตามองไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่ยืนอยู่บนวงเวทย์สีฟ้าใส ไม่นานนักพวกเขาก็สาวเท้าตรงมาหาดิสและราชาวดี
คนที่เดินนำหน้ามาคนแรกนั้นดูท่าเดินแล้วคล้ายจะเป็นเด็กเกเร แตกต่างจากอีกคนที่สวมแว่นสายตา ส่วนเด็กผู้หญิงนั้นค่อนข้างจะมีหน้าตาที่สวยโดดเด่นและดูเป็นคนเรียบร้อย แต่โดยรวมแล้ว ทุกคนดูจะมีอายุไม่เกิน 20 ปีกันเลย
ดิสอาจจะตื่นเต้นที่เจอพรานทมิฬคนอื่นๆ นอกจากราชาวดีก็จริง แต่ตอนนี้ก็อึ้งกิมกี่เช่นกันที่พรานทมิฬพวกนี้เป็นเด็กวัยมัธยม
ดิสที่เห็นแบบนั้นหันไปมองทางราชาวดี “อย่าบอกนะ ว่าเด็กพวกนั้นคือพรานทมิฬ? ”
ราชาวดีพยักหน้าและหันมามองทางดิส “ใช่ โลกนี้มันเปลี่ยนไปเยอะระหว่างที่ดิสหลับ เนื่องจากคนที่พรสวรรค์ตื่นขึ้นมีน้อย เด็กมีพลังที่อายุเกิน 15 ปีทุกคนเลยสามารถเป็นพรานทมิฬและเข้าดันเจี้ยนได้”
ดิสค่อนข้างจะอึ้งกับข้อมูลที่ได้รับ “ใช้แรงงานเด็กได้น่ารังเกียจมากเลย พวกคนใหญ่คนโตเนี่ย…”
ระหว่างที่พวกเขาคุยกัน เด็กพวกนั้นก็มาหยุดตรงหน้าพวกเขาแล้วมองรอบๆ เห็นศพมอนเตอร์เกลื่อนกลาดก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่ฝีมือใครที่ไหนแต่เป็นคนที่ยืนตรงหน้าพวกเขา แต่ทุกคนก็ดูไม่แปลกใจสักเท่าไหร่
ราชาวดีขยับขาแว่นนิดหน่อยก่อนจะกล่าวออกมา “ข้างนอกเรียบร้อยแล้ว น่าจะเหลือแค่บอส ตอนนี้อาจจะอยู่ในดันเจี้ยนก็ได้ เพราะไม่เห็นออกมาอาละวาดเหมือนมอนเตอร์ตัวอื่น”
เด็กคนที่ดูเหมือนจะเป็นเด็กเกเรยกมือขึ้นมาแคะหูเบาๆ ก่อนจะกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงยียวน “รู้หรอกน่าเจ๊ เราก็เป็นพรานทมิฬนะ ทำเหมือนพวกเราเป็นเด็กไปได้”
ดิสเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อได้ยินแบบนั้น ‘ไอ้เด็กนี่กวนโอ้ยจังวะ’
ราชาวดียังคงสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะกล่าวตอบ “งั้นก็ดีค่ะ แต่คราวหน้าต้องทำให้ดีกว่านี้นะคะ ถ้าไม่มีพวกเราที่นี่ก็คงเกิดการสูญเสียไปแล้วเพราะความสับเพร่าของพวกคุณ”
ดิสหันขวับไปมองราชาวดีทันทีอย่างไม่เชื่อในหูตัวเอง ‘วดีปากแซ่บกว่าที่คิดนะเนี่ย’
เด็กเกเรที่ได้ยินแบบนั้นกระตุกคิ้วนิดหน่อย “นี่เจ๊ พวกเรารู้นะว่าเจ๊เป็นคลาส S เราเคยเห็นเจ๊ในทีวี แต่อย่าอวดดีให้มากนะครับ เพราะยังไงก็เป็นแค่ฮีลเลอร์ ตอนนี้หมดธุระแล้วก็ออกไปจากพื้นที่ด้วย เกะกะครับ เราจะทำงาน”
ดิสหงุดหงิดนิดหน่อยที่ได้ยินแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่เขาเป็นห่วงมากกว่าว่าราชาวดีจะรู้สึกแย่หรือโกรธจากคำพูดเด็กนี่
‘เด็กเชี้*นี่ปากหมาจังวะ เพิ่งเจอกันครั้งแรกไม่ใช่เหรอ’
พอดิสหันไปมองทางราชาวดี เธอก็ยังคงไม่ได้แสดงออกแต่อย่างไดว่ารู้สึกแย่หรือโกรธ เธอแค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เท่านั้น
ส่วนทางอีกฝั่ง เด็กชายสวมแว่นก็พยายามปรามกับความอวดดีของเด็กเกเรเอาไว้ ในขณะที่เด็กสาวยกมือไหว้ด้วยความรู้สึกผิด
“ขะ ขอโทษด้วยนะคะ เขาแค่มีเรื่องหงุดหงิดนิดหน่อยอย่าถือสาเลยนะคะ”
ราชาวดีไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้ารับคำขอโทษไว้เท่านั้น
เด็กสาวพูดต่อ “เราอยู่กิลด์ ‘มังกรดำ’ พอดีตอนทางกิลด์จะมอบหมายงานให้สมาชิกมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ ขอโทษจริงนะคะที่มาช้า และขอบคุณจริงๆ ค่ะที่พวกคุณมาช่วยจัดการมอนเตอร์ที่ออกมาจากดันเจี้ยนแทน”
พอเด็กสาวพูดจบก็รีบก้มหัวลงขอโทษทันทีด้วยความจริงใจ
‘คงมีแต่ไอ้เด็กนั่นสินะที่อวดดี’
ดิสคิดพลางกับพยักรับคำขอโทษและขอบคุณ ราชาวดีเองก็เช่นกัน
“งั้นทำหน้าที่ได้เลยค่ะ เราจะไม่รบกวนแล้ว”
ราชาวดีกล่าวก่อนจะคว้ามือดิสเพื่อพาออกไปจากที่นี่ แต่ดิสก็รีบจับไหล่ห้ามเธอไว้ทันที พอเห็นแบบนั้นราชาวดีก็ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าทำไมดิสทำแบบนี้
ดิสจึงยื่นหน้าเข้าไปชิดหูอีกฝ่ายทันทีเพื่อกระซิบบอกจุดประสงค์ “จำเงื่อนไขที่เคยบอกได้มั้ย คือเราต้องจัดการบอสด้วยอ่ะ”
ราชาวดีได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้ว ก่อนจะกระซิบตอบ “ห้ะ!? บอสด้วยเหรอ”
ดิสพยักหน้า ราชาวดีที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วมองเขาสลับกับพรานทมิฬกลุ่มนั้น ก่อนกระซิบต่อ
“ทำไมไม่รีบบอก? ”
“ขอโทษเราลนไปหน่อย…”
ทางกลุ่มพรานวัยมัธยมที่เห็นแบบนั้นก็ไม่เข้าใจในท่าทางของทั้งสองคนสักเท่าไหร่ เด็กสาวจึงเลิกคิ้วพลางกับเอ่ยถาม “พวกคุณมีปัญหาอะไรรึป่าวคะ? ”
ดิสกับราชาวดีที่ได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งนิดหน่อยพร้อมกับหันมามองเด็กสาวกันอย่างพร้อมเพรียง ราชาวดีจิ้มศอกใส่ทีข้างเขาเบาๆ เป็นสัญญาณบอกว่าให้ดิสเป็นพูดเอง
ดิสมองไปทางเด็กสาวด้วยท่าทางอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ กล่าวตะกุกตะกัก “เออ… ผมขอไปปิดดันเจี้ยน ไม่สิ พวกเราไปปิดดันเจี้ยนแทนได้มั้ย? ”
พรานทมิฬทั้งสามเลิกคิ้ว เด็กเกเรที่เงียบมาตั้งแต่ต้นทนไม่ไหวแล้วจึงพูดขึ้น
“นี่กะจะแย่งงานพวกเราหมดเลยรึไง? ”
ดิสยกมืดปัดไปมา “ไม่ใช่งั้น ถ้าไม่ได้อย่างน้อยขอเข้าไปด้วยก็ยังดี”
ราชาดีที่เห็นดิสดูเก้ๆ กังๆ แบบนั้นก็ยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อย เธอทนไม่ไหวแล้ว ถ้าให้เธอพูดแทนจะง่ายกว่า
ราชาวดีเอื้อมมือขึ้นไปแตะที่ไหล่ดิส ก่อนจะเดินขึ้นมาพูดแทน
“ถ้าว่ากันตามกฏหมายหมายแล้วการที่กิลด์ของคุณรับหน้าที่นี้มาแล้วบกพร่องในหน้าที่ ประชาชนที่บาดเจ็บหรือเสียหายทางทรัพสินสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อกิลด์หรือตัวพวกคุณโดยเฉพาะได้”
พอพวกพรานทมิฬวัยรุ่นได้ยินแบบนั้นก็พากันหน้าเสียแล้วนิ่งไป ราชาวดีจึงพูดต่อ
“ถ้าหากว่าคุณยอมให้เราเข้าไปด้วยหรือช่วยปิดดันเจี้ยนแทน” เธอว่าพลางผายมือไปทางดิส “ถ้าโดนฟ้องร้องเขาจะจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดให้ เพราะบ้านเขารวย”
ดิสมองตาค้างกับทักษะการพูดของราชาวดี ถึงจะอึ้งแต่ก็พยักหน้ารับคำอย่างไว “ใช่ บ้านผมรวย”
ทั้งสามพรานทมิฬรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ขนาดไอ้เด็กเกเรยังพูดไม่ออก ทั้งสามคนคุยกระซิบกระซาบกันเล็กน้อย จนในที่สุดเด็กสาวก็หันมามองทางดิส
“ได้ค่ะ เข้าไปกับทีมเราก็ได้ แต่ทุกอย่างที่พวกเราเจอในดันเจี้ยนจะต้องเป็นทรัพสินของกิลด์โดยไม่มีการแบ่งครึ่งแต่อย่างใดนะคะ”
พอดิสได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าแล้วยิ้ม ‘เยสสสสส!’
To be continued →