แทนมองการต่อสู้ทั้งหมดบนท้องถนน จากหน้าต่างห้องรับรองชั้นบนของตึกสูง แมรี่นั้นต้องการตัวดิส เดาได้ไม่ยากว่าเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะเข้าร่วมกับกิลด์ของเขา
ในกลุ่มนั้นคงมีใครสักคน มีพลังในรูปแบบที่สามารถรับรู้ถึงตัวตนและพรสวรรค์ของดิสได้
หัวหน้ากิลด์เทวะหยิบมือถือขึ้นมาขณะมองภาพสงครามด้านล่าง ก่อนจะกดโทรหาเลขาของตน
“สั่งให้รถมารับผมเดี๋ยวนี้”
ปลายสายมีน้ำเสียงร้อนรนเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสั่งนั้น
[เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ เหมือนฉันได้ยินเสียงปืนเลย?]
“ไม่ต้องสนใจหรอกครับ แค่ทำตามคำสั่งผมก็พอ”
พอแทนว่าจบก็กดวางสายทันที
เขาพอจะรู้เรื่องอยู่บ้าง แล้วจากการที่สำนักงานนั้นเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้
แต่… ดิสยังไม่ได้เล่าให้เขาฟังโดยละเอียดนักถึงเรื่องทั้งหมด
เขาเข้าใจว่าทำไมทางสำนักงานถึงปกปิดเรื่องที่กลุ่มแมรี่จะบุกโจมตีจากคนนอก มันก็เพราะกลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพ คนร้ายจะไหวตัวทันและพวก คปพส. จะพลาดเป้า
แต่ที่ดิสปกปิดเรื่องทั้งหมดใส่เขาแบบนี้ บอกตามตรงเขาไม่พอใจเลยสักนิด ถึงรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่แคร์หรือไม่ไว้ใจตนแค่ไหน แต่ทำแบบนี้มันเกินไป ยังไงถ้าว่ากันตามกฏหมายแล้ว เขาก็เป็นเจ้านายของดิส
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขาต้องออกจากที่นี่ กฏหมายควบคุมผู้มีพรสวรรค์ห้ามใช้พลังไม่ว่าจะกรณีใดๆ ฉะนั้นเขาทำได้แค่รอให้กิลด์ส่งคนมารับตนกลับ
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ต่อให้ไม่มีกฏหมายเขาก็ไม่คิดจะยุ่งเรื่องนี้ นี่เป็นหน้าที่ คปพส. เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยสักหน่อย…
โรงรถ
ราชาวดีนั้นรู้เรื่องทั้งหมดแล้วผ่านทางการโทรศัพท์กับดิส ตอนนี้เธอกำลังสตาร์ทรถรอชายหนุ่มอีก 2 คนที่กำลังรีบมา
ไม่นานนักดิสและมิกส์ก็มาถึง รถที่ราชาวดีสตาร์ทรออยู่ก็เป็นรถของดิสเองนั่นแหละ
ดิสรีบตรงมาที่หน้าต่างรถฝั่งคนขับขณะที่มิกส์ยังยืนยันเข่าด้วยอาการหอบ พวกเขาไม่ได้ใช้ลิฟท์กันเลย ที่มาถึงตรงนี้ได้ก็ใช้บันไดหนีไฟกันทั้งนั้น
ราชาวดีลดกระจกเมื่อเห็นดิสตรงมาหา
“ไม่มีใครตามมาใช่มั้ย?”
ดิสกล่าวขณะที่หันหน้ามองรอบๆ โรงรถอย่างระมัดระวัง
ราชาวดีพยักหน้า “ไม่มีหรอก เราเช็คดูหมดแล้ว”
“อืม”
ดิสต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้ว เพราะสถานการณ์ตอนนี้ต้นเหตุมันเกิดมาจากเขา
ราชาวดีลงมาจากรถเพื่อดูมิกส์ที่หอบเหนื่อย ดิสจึงรีบขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ ตรีชาติเคยเสนอแล้วว่าจะส่งเจ้าหน้าที่มาคุ้มกันพวกเขา แต่ดิสก็ปฏิเสธไปเพราะเขาดูแลตัวเองได้
และตอนนี้เขากำลังจะได้ทำตามสิ่งที่ตนเคยกล่าวไว้ 'ดูแลตัวเอง'
แต่ในขณะนั้นรถฮัมวีหลายสิบคันก็ได้ขี่เข้ามาในโรงรถ ดิสรีบเปิดประตูลงมาก่อนจะตะโกนเรียกราชาวดี
“ขึ้นรถเร็ว!”
ถึงรถนั้นจะเต็มไปด้วยคนของหน่วย คปพส. แต่ดิสนั้นมองออก คนพวกนั้นไม่ได้มาอย่างเป็นมิตร เพราะคนที่นั่งมาด้วยคนนึงที่ดิสสังเกตเห็นคือชิน เขาพอจะเดาได้ไม่ยากว่ากลุ่มแมรี่มีสายอยู่ในหน่วยงานนี้
ราชาวดีและมิกส์รีบวิ่งขึ้นรถอย่างรวดเร็วทันที แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว เจ้าหน้าที่พวกนั้นได้ลงจากรถมาพร้อมอาวุธและปิดทางเข้าออกจนหมดสิ้น
ดิสเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจนัก แต่เขาคิดว่ามันคงฝ่าไปได้ไม่ยาก เขาเป็นถึงพรานทมิฬคลาส S เลยนะ
ดิสกัดฟันเตรียมจะเปิดประตูลงไปจัดการกับพวกข้างนอกนั่น แต่ทันใดนั้นชินในสูทสีดำก็ลงมาจากรถพร้อมกับทหารถืออาวุธครบมือ
มันยิ้มก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำดิสที่กำลังเปิดประตูต้องชะงัก
“ลูกกระสุนในปืนทุกกระบอกเป็นกระสุนชนิดพิเศษ มันฆ่าพวกคุณได้!”
มันว่าก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก “อย่าเสี่ยงดีกว่านะครับ มันไม่คุ้มหรอก”
คนที่นั่งอยู่ในรถนิ่งเงียบด้วยสภาวะกดดัน ดิสมองคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มเยาะพวกเขา อีกฝ่ายไม่ได้โกหก ถึงเกือบจะลืมไปแล้วเพราะไม่ได้ใส่ใจ แต่ดิสเคยได้ยินเรื่องกระสุนนี้จากตรีชาติเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าวัดระดับคลาส
‘ไม่นึกเลยว่าจะโดนเอามาใช้กับตัวเองแบบนี้’
ดิสยกมือปรามทุกคนในรถ “อย่าขยับนะ มันพูดจริง”
ราชาวดีกัดฟันแน่นที่ตนทำอะไรไม่ได้ “ก็เคยได้ยินอยู่หรอกว่ามีของแบบนั้น แต่… นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอในสถานการณ์แบบนี้”
ดิสนิ่งคิดหาทางออกอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่เริ่มเดินเข้ามาล้อมรถของพวกเขาไว้ พร้อมกับยกอาวุธบรรจุกระสุนชนิดพิเศษขึ้นมาชี้อยู่ตรงกระจก แสดงให้เห็นว่าพร้อมสังหารทันทีเมื่อมีใครขัดขืน
ดิสกระตุกปลายคิ้ว เขาคิดวิธีที่จะรอดออกไปจากที่นี่ได้แล้ว
“ทุกคนทำตามที่เราพูดทุกอย่าง เข้าใจมั้ย…”
ดิสอยู่ๆ ก็กล่าวขึ้นมาเสียงแข็งทำทุกคนที่อยู่ในรถหันหน้ามามองเขาเป็นตาเดียว
พอว่าจบดิสก็เปิดประตูรถลงไปทันที เจ้าหน้าที่ทุกนายพากันตกใจชี้ปืนมาจ่อที่ใบหน้าเขาแทบทุกจะกระบอก
ดิสรีบยกมือปรามทุกคน “ยอมแพ้แล้ว ไม่ต้องขู่ขนาดนั้นก็ได้”
พอว่าจบดิสก็หันไปทางชิน “ได้ ฉันจะยอมไปพบกับคุณแมรี่ของนาย”
ชินยิ้มรับคำพูดนั้นก่อนจะพยักหน้า “ถ้ายอมตั้งแต่แรกคงไม่มีใครต้องเหนื่อยแล้วล่ะครับ”
ทุกอย่างเป็นตามที่ชินต้องการ เขาส่งพวกปลายแถวไปโจมตีด้านหน้าสำนักงานเพื่อเบนความสนใจ จะได้ไม่มีใครว่างมาช่วยดิส ในขณะที่เขานั้นพาพวกสายใน คปพส. มาดักรอดิสที่โรงรถและเข้าล้อมจับ
ทุกอย่างมันเป็นไปตามอุบายง่ายๆ ของอดีตฆาตกรร้ายอย่างเขาซะหมด
ชินเอียงคอมองดิส พร้อมเริ่มส่งยิ้มยียวน “ไม่น่าขัดขืนเลยนะครับ ป่านนี้ไม่รู้มีเจ้าหน้าที่ตายไปเท่าไหร่แล้ว”
มันอยากจะโชว์ความเหนือกว่าอีกฝ่ายที่เป็นไปตามเกมส์ของมัน เหมือนลูกไก่ที่วิ่งเต้นบนฝ่ามือ
ดิสกัดฟันแน่นยอมรับความพ่ายแพ้ก่อนจะเอ่ยคำร้องขอสุดท้าย
“แกต้องการแค่ตัวฉัน… ปล่อยพวกเขาไป”
พอว่าจบดิสก็ชี้นิ้วไปที่รถ ทำให้ทั้งมิกส์แบะราชาวดีที่นั่งอยู่ข้างในต้องรีบพูดปฏิเสธ
“ไม่ดิส เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” ราชาวดี
“เฮ้เดี๋ยวสิ เอางี้เลยเหรอ?” มิกส์
ดิสหันมายิ้มให้ทั้งสองคน แหงล่ะ มันจะมีคนปกติที่ไหนยอมทิ้งเพื่อนตัวเองในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้
“เชื่อใจกันหน่อยสิ” ว่าก่อนจะจ้องสายตาเขม็งไปทางชิน “เดี๋ยวเราก็จะกลับมาอย่างปลอดภัย”
ราชาวดีีมองภาพของดิสพลางกัดฟันแน่น เธอเป็นถึงคลาส S แท้ๆ ทำไมถึงทำอะไรไม่ได้เลย มิกส์เองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน เป็นถึงอดีตบอดี้การ์ดแต่กลับปกป้องดิสไม่ได้เลย
“เชื่อใจเรา เราจะปลอดภัย”
ดิสหันมามองพวกเขาอีกครั้ง นั่นทำราชาวดีหมดทางเลือกอื่น คำพูดของดิสมันกดดันมาก เธอไม่มีทางเลือกเลยนอกจากทำตามคำพูดนั่นซะ
หญิงสาวผมชมพูขยับมาฝั่งคนขับ ทำให้อดีตบอดี้การ์ดต้องกล่าวห้ามอย่างไม่เห็นด้วย
“เดี๋ยวสิ เอาแบบนี้จริงเหรอ?”
“นึกว่าฉันอยากทำแบบนี้รึไง เราไม่มีทางเลือกไหนแล้วนอกจากเชื่อใจเขา”
ชินเห็นการถกเถียงของกลุ่มผู้พ่ายแพ้ เขาก็กระโดดขึ้นมานั่งบนกระโปรงรถ
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิครับ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าอนุญาตไห้ไปไหนได้”
เมื่อคนในรถได้ยินแบบนั้นก็ถึงขั้นหยุดบทสนทนาชั่วคราว ส่วนดิสก็โมโหถึงขั้นพุ่งไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายยกขึ้นสูง
“แกต้องการแค่ฉัน เพราะฉะนั้นปล่อยพวกเขาไป”
ชินหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นทุกคนแสดงท่าทางแบบนั้น ยังไงตอนนี้อีกฝ่ายก็หมดท่าแล้วจะตอบโต้อะไรก็ไม่ได้ ปล่อยให้รอดไปสัก 2 ชีวิตก็ไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย
“ล้อเล่นนิดเดียวทำเป็นเครียดไปได้นะครับ”
ชินกล่าวยิ้มๆ ก่อนจะหันไปทางทั้งสองคนในรถ “รีบไปให้ไวเลยครับก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ”
ดิสพยักหน้าให้ราชาวดีเพื่อเร่งให้ออกไปสักที นั่นทำให้หญิงสาวยกมือยึ้นมาขยับขาแว่นแล้วไม่รีรอที่จะขับรถออกไป
และในที่สุด ที่นี่ก็มีเพียงแค่ตัวเขากับกลุ่มเจ้าหน้าที่เฮงซวย ซึ่งถูกบงการโดยผู้ก่อการร้ายน่าหมั่นไส้
ดิสปล่อยคอเสื้อชินทิ้งอีกฝ่ายกลิ้งไปกับพื้น ทำให้ชินต้องลุกขึ้นยืนใหม่แล้วปัดฝุ่นที่เปื้อนสูทสีดำ
เขาไม่ถือสาหรอก วันนี้เขาอารมณ์ดี เขาเล่นจัดการพวกดิสซะอยู่หมัด หมดทางตอบโต้ อะไรมันจะมีความสุขขนาดนี้
ชินมองดิสที่ยืนนิ่งพร้อมยกมือยึ้นจัดเนคไทบนคอตน
“พร้อมไปกันรึยังครับ”
คราวนี้พอสังเกตดีๆ กลับเป็นฝ่ายดิสที่ยิ้มขึ้นมาบ้าง นัยน์ตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีทอง
“เดี๋ยวก่อน… ฉันอยากจะลองอะไรบางอย่าง”
เมื่อชินได้ยินดิสกล่าวแบบนั้นก็ถึงกับเลิกคิ้ว “อะไรเหรอครับ?”
พอว่าจบดิสก็คว้าจับแขนขวาของเจ้าหน้าที่นายหนึ่ง แล้วออกแรงบีบจนกระดูกหักไม่เหลือชิ้นดี
อ้าาาาา!
เสียงกรีดร้องดังขึ้นขณะที่เจ้าของแขนล้มลงไปนอนเกลือกกลิ้งด้วยความทรมาน
ทุกคนตกใจนิ่งค้างกับสิ่งที่เห็น….
ปืนทุกกระบอกในโรงรถชี้มาทางเขา แต่ดิสที่ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีทองแล้วกลับยิ้ม และผายมือออกกว้างซะงั้น
“ยิงเลยสิ! ยิงเลย!”
ดิสตะโกนท้าทายเสียงดัง แต่กลับไม่มีกระสุนสักลูกกล้ายิงออกมาจากรังเพลิง
ดิสหันไปซัดเจ้าหน้าที่อีกนายเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจนร่างกระเด็นไปกระแทกกับกระโปรงรถคันหนึ่งจนแน่นิ่งไป
ถึงนี่จะเป็นแค่สมมติฐานแต่เขาคิดถูก แมรี่ยอมทุ่มขนาดนี้เพื่อคุยกับดิส นั่นหมายความว่าเขานั้นสำคัญมาก และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ใครกล้ายิงดิส
แมรี่ต้องการตัวเขาเป็นๆ
มันกะจะใช้ความกลัวขู่ให้เขายอม แต่พวกมันคิดผิด ที่ดิสขอร้องให้พวกมันปล่อยราชาวดีและมิกส์ออกไปก็เพราะเขาจะได้อาละวาดสักที ถ้าพวกนั้นยังอยู่มีหวังถูกใช้ต่อรองเพื่อให้เขายอมแพ้แน่
ดิสเริ่มใช้ข้อได้เปรียบตรงนี้ โจมตีเจ้าหน้าที่ด้วยความเร็วที่ไม่สามารถจะมองเห็นด้วยตาเปล่า จนเจ้าหน้าที่เริ่มเสร็จไปทีละรายสองราย ล้มลงไปกองกับพื้นจมกองเลือด
ชินเริ่มหน้าเสีย นี่มันไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดไว้นี่ อาการร้อนรนเริ่มแสดงออกท่าทางอย่างเห็นได้ชัด
“ช่างแม่งคำสั่งแมรี่ ยิงเลย! ฆ่าแม่งเลย!”
ไม่ต้องรอคำสั่งชินด้วยซ้ำ เมื่อเริ่มคุมดิสไม่อยู่เหล่าเจ้าหน้าที่ก็พากันกระหน่ำยิงใส่ดิสไปทั่วโรงรถ พร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ปั้งง! ปั้งง! ปั้งง!
ปั้งงงง!
ปั้งงงง!
มาคิดได้ตอนนี้มันก็สายเกินไปเสียแล้ว พวกมันน่าจะฆ่าดิสซะตั้งแต่ตอนยังมีโอกาส ตอนนี้ไม่มีใครตามความเร็วของดิสทันอีกแล้ว แม้แต่กระสุนก็ไม่อาจจะยิงโดน
ดิสพุ่งไปกระแทกหมัดใส่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ก่อนจะถีบเจ้าหน้าที่อีกคน ทำทั้งคู่ปลิวกันไปคนละทิศละทาง
แววตาส่องประกายสีทองอร่ามอย่างดุร้าย ตอนนี้ดิสนั่นคลั่งมากกว่าทุกครั้ง เขาสนุกกับการที่ได้อาละวาดแบบนี้จนแทบจะไม่อยากฝืนตัวเอง
ดิสเร่งสปีดโจมตีเร็วขึ้นจนตอนนี้แทบจะไม่เหลือเจ้าหน้าที่ในโรงรถนี้อีกแล้ว
ชินนิ่งค้างกับสิ่งที่เห็น เขาประมาทดิสเกินไป อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ธรรมดา
“แกมันปีศาจ…”
ชินกล่าวเสียงสั่นขณะมองเจ้าหน้าที่ล้มกลิ้งไปกับพื้นทีละคนด้วยสิ่งที่เร็วจนมองไม่เห็น
จนในที่สุดก็เหลือแค่เจ้าหน้าที่คนสุดท้าย คนเดียวเท่านั้น ด้วยความกลัว หมอนั่นรีบทิ้งปืนแล้วยกมือขึ้นไหว้ร้องขอชีวิตทันที
“ยะ อย่าฆ่าผมเลย ผมมีลูกมีเมียต้องดูแล”
ชินเดาะลิ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นความขี้ขลาดนั้น แต่ไม่ทันได้ว่าอะไร….
พลั่กกก!
ร่างชายคนนั้นก็ปลิวกระเด็นออกไปจากโรงรถทันที แล้วปรากฎร่างดิสที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากชินมากนัก
“หมดสักที….”
ดิสกล่าวพร้อมกับถูสันมือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดกับเสื้อที่ตนสวมใส่
นัยย์ตาสีทองกวาดมองหลายสิบร่างที่นอนอยู่รอบๆ ด้วยความว่างเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่ดิสลงมือฆ่ามนุษย์ด้วยกันเอง
‘มันรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่ฆ่ามอนเตอร์เลย…’
ดิสหันไปมองทางชินก่อนที่ความกดดันจะแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณโดยรอบ ชินชะงักกัดฟันแน่น
เขารับรู้ได้ถึงระดับอันแตกต่างระหว่างตัวเองกับดิสที่ไม่อาจก้าวข้าม
‘คนที่ทำให้เราต้องฆ่าคนก็คือหมอนั่น’
ดิสว่าพร้อมกับสาวเท้าตรงไปหาชิน ความกดดันที่แผ่ขยายออกไปทำชินขยับตัวไม่ได้ แม้จะอยากหนีแค่ไหนก็ทำไม่ได้
สีหน้าอันกวนส้นตี*แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวถึงขีดสุด
“ชอบไม่ใช่เหรอ? ความรุนแรงอ่ะ”
ดิสกล่าวก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วง้างหมัดเตรียมจะปิดบัญชี
To be continued →