ณ โถงทางเดิน ชายหนุ่มและอดีตบอดี้การ์ดกำลังเดินอยู่ข้างๆ กัน พวกเขาทั้งสองตอนนี้นั้นล้วนเป็นพรานทมิฬกันแล้วทั้งคู่ ต่างกันก็แค่คลาส S และ B
แต่มิกส์นั้นไม่ได้มีความอิจฉาเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าทำไมตัวเองถึงด้อยกว่าอีกฝ่าย เขาแค่สงสัยอะไรบางอย่าง
“ตอนซ้อมกัน นายออมมือให้ฉันขนาดไหนกันแน่เนี่ย?”
มิกส์กล่าวขึ้นขณะที่ยังเดินอยู่ ทำดิสชะงักทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น จะว่าไปเขายังไม่ได้บอกความลับของพรสวรรค์ให้อีกฝ่ายรับรู้เลยหนิ
มิกส์หรี่ตามองขณะที่อีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“นี่สบายดีอยู่มั้ยพวก?”
ดิสค่อยๆ หันไปมองอดีตบอดี้การ์ดหนุ่มซึ่งตอนนี้กลายเป็นพรานทมิฬคลาส B ไปแล้ว
เขาก็รู้จักกับมิกส์มาสักระยะหนึ่ง อีกฝ่ายนั้นก็คอยช่วยเหลือเขาอยู่หลายครั้ง แล้วก็ดูเป็นคนดีมากเช่นกัน โดยรวมแล้วชายคนนี้นั้นดูไว้ใจได้สำหรับเขา
“โหลๆ นี่สมองกระทบกระเทือนเพราะตกใจกับการได้เป็นคลาส S รึเปล่าเนี่ย?”
มิกส์ยังถามต่อแบบติดตลกตามสไตล์คนขี้เล่น เมื่อเห็นดิสเงียบไม่ตอบอะไรสักที
“นี่… อยากรู้อะไรเจ๋งๆ มั้ย?”
เมื่อดิสกล่าวตอบคำแรกก็ถึงขั้นทำมิกส์เลิกคิ้ว อีกฝ่ายไม่ตอบไม่พอ แถมอยู่ๆ ยังเปลี่ยนเรื่องอีก
“อะไร… เรื่องอะไรเหรอ?”
“ผมสามารถพัฒนาพลังให้แกร่งขึ้นได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด”
เมื่อได้ยินคำตอบที่อยู่ๆ ก็กล่าว อดีตบอดี้การ์ดก็ถึงขั้นกหลุดหัวเราะอย่างขบขัน “บ้าบอ อยากปลอบฉันรึไงที่คลาสต่ำกว่า”
แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันจริงจังของดิส อีกฝ่ายก็ถึงขั้นหุบยิ้ม “เอาจริงดิ คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย?”
ถึงดิสจะเป็นคนติดตลกหน่อยๆ แต่ว่าพอทำสีหน้าจริงจังมันก็เพิ่มความหน้าเชื่อถือให้คำพูดก่อนหน้าได้ไม่น้อยเช่นกัน
“ตอนเราฝึกสู้กันครั้งแรกผมก็แพ้จริงไม่ได้ออมมือให้”
มิกส์ที่ได้ยินเริ่มทำสีหน้าจริงจังตามอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเรื่องที่ดิสกล่าว แต่มันก็หาคำตอบอื่นมาแทนสิ่งที่ตนเห็นดิสทำสิ่งแปลกๆ ในหลายๆ ครั้งไม่ได้เช่นกัน
เขาค่อยๆ ขม็วดคิ้วขณะมองดิสอย่างพิจารณา
ตอนที่สู้กับพรานทมิฬคลาส A เขาเห็นดิสบินได้ เขาเลยสงสัยว่าดิสปิดบังพลังนี้ไว้ตั้งแต่แรกรึเปล่า แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปด้วยความเกร็งใจ
แต่ตอนนี้คำตอบสำหรับคำถามนั้นถูกเอ่ยออกมาแล้ว จากปากของผู้ที่ทำให้เกิดคำถามแต่แรก
“เอาจริงดิ อีก 2 คนรู้เรื่องนี้มั้ยเนี่ย?”
ดิสพยักหน้าเป็นคำตอบ ราชาวดีและแทนก็รู้งั้นเหรอ? นี่มันยิ่งทวีความน่าเชื่อถือให้กับคำพูดนั้น ถึงจริงๆ เขาก็รู้สึกเริ่มจะเชื่อตั้งแต่ทบทวนในหัวเมื่อกี้แล้วก็เถอะ
“พละกำลังที่เพิ่มขึ้น การที่นายที่นายบินได้มันก็มาจากเหตุผลนี้เหรอ?”
เมื่อดิสได้ยินอดีตบอดี้การ์ดรัวคำถามใส่ก็พยักหน้าตอบเพียงเท่านั้น
“มันเป็นเหมือนระบบเกมส์อะไรสักอย่างน่ะ ความสามารถทุกอย่างมันมาจากการทำเควสและอัพค่าพลัง”
มิกส์ยกมือขึ้นกุมปากตัวเอง จะว่าเขาตกใจ ตื่นเต้น ตกตะลึง อึ้งสุดๆ ทั้ง 4 อย่างมารวมกันมันก็ไม่เกินไป
เขาเข้าใจแล้วด้วยซ้ำว่าทำไมดิสถึงต้องปิดเป็นความลับ มันอันตรายมากถ้าพรสวรรค์นี้ถูกเปิดเผยออกไปสู่สาธารณะ
แต่มีอย่างนึงที่มิกส์สงสัย “ว่าแต่ทำไมกลุ่มแมรี่ถึงมาหานา-”
ปั้งง!
ปั้ง!
ปั้งง!
ยังถามไม่ทันจบก็มีเสียงปืนดังลั่นสนั่นหวั่นไหว มาจากชั้นล่างของตึก
เสียงคนกรีดร้องดังสนั่นไปทั่วตึกสำนักงาน ดิสรู้ได้ทันทีว่ากลุ่มแมรี่ได้มาถึงแล้ว
การต่อสู้กำลังเริ่มขึ้น
เสียงปืนที่ดังมาน่าจะเป็นของหน่วย คปพส. ตอนนี้คงเกิดการปะทะที่ชั้นล่างอย่างแน่นอน
อดีตบอดี้การ์ดรีบเปลี่ยนร่างกายเป็นหมูเหล็กทันทีเพื่อเตรียมเข้าไปเช็คดูสถานการณ์
ดิสเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของเพื่อนตนเพื่อปรามไว้ นี่เป็นศึกระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ก่อการร้าย การที่มิกส์เข้าไปยุ่งจะทำให้เข้าไปพัวพันกับเรื่องอันตรายซะเปล่าๆ
“กลุ่มแมรี่บุกมาแล้ว รีบหนีกันเถอะ”
ดิสกล่าวขณะที่พยายามคว้าจับแขนมิกส์เพื่อลากให้เดินตามเขามา อดีตบอดี้การ์ดไม่เข้าใจนัก
“ดะ เดี๋ยวกลุ่มแมรี่เหรอ?”
มิกส์ถามขณะที่โดนจูงมือวิ่งออกห่างจากจุดเดิม “มันบุกมาที่นี่เพื่อมาหานายเหรอ?”
“ใช่… มันต้องการที่จะคุยกับฉัน และฉันกำลังพยายามหลีกเลี่ยงพวกมันอยู่”
ดิสตอบขณะที่ยังวิ่งในระดับความเร็วของมนุษย์ปกติ เพราะถ้าเร็วเกินไปอาจเป็นอันตรายกับตัวมิกส์เอง
และใช่… เขากำลังพยายามหลีกเลี่ยงกลุ่มแมรี่ อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะหาทางออกของปัญหาการโดนตามตัวในปัจจุบันได้
ระดับมันต่างกันเกินไป อย่าว่าแต่ทำตามเควสยุบกลุ่มแมรี่เลย ดิสไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าถ้าวันนี้หนีรอดไปได้ มันจะกลับมาล่าตัวเขาใหม่อีกตอนไหน
หน้าสำนักงานพรานทมิฬแห่งประเทศไทย สาขากรุงเทพ
การจู่โจมมันเริ่มขึ้นได้ราว 5 นาทีแล้ว
ปั้งงง!
ปั้งง!
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณโดยรอบ เจ้าหน้าที่บางนายเริ่มทำการเคลื่อนย้ายบุคลากรที่กำลังทำงานอยู่เข้าสู่พื้นที่ปลอดภัย
ถนนด้านหน้าตึกนั้นมีหญิงชายผู้ก่อการร้ายหลากหลายเชื่อชาติใช้พรสวรรค์ในการโจมตีเหล่าเจ้าหน้าที่อย่างดุเดือด
จำนวนของทั้งสองฝั่งตอนนี้นั้นนับว่ามีมีพอๆ กัน คือราวๆ 30 กว่าคน
ตรีชาติออกคำสั่งให้เหล่าเจ้าที่หลายนายเตรียมใช้กระสุนชนิดพิเศษจำกัดจำนวนที่เตรียมไว้ ซึ่งภายในบรรจุมานาที่สกัดมาจากตัวเขา มันจะส่งผลให้กระสุนนี้สามารถเจาะทะลวงผู้ก่อการร้ายคนไหนก็ได้ ถึงแม้จะมีผิวหนังจะแข็งแค่ไหนก็ตาม
ก่อนถึงวันนี้ตรีชาติเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อรับมือกับกลุ่มแมรี่ ไม่ว่าจะเป็นการปิดถนนเส้นนี้ แล้วให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบปลอมตัวสัญจรไปมาเพื่อสังเกตการณ์ หรือแม้แต่การที่แจ้งให้กับสำนักงานพรานทมิฬเตรียมตัวรับมือโดยการลดจำนวนพนักงานที่ต้องมาทำงานในวันนี้ลง และให้มาเฉพาะตำแหน่งที่จำเป็นสำหรับการวัดระดับดิสเท่านั้น
ส่วนพวกนักข่าวนั้น… ตรีชาติออกปากเตือนไม่ได้จริงๆ เพราะกลัวว่าแผนที่วางไว้รับมือจะรั่วไหล เขาทำได้แค่ปกป้องพวกไม่รู้อีโหน่อีเหน่นี้เท่านั้น
ตรีชาติบรรจุกระสุนเข้าลูกโม่ปืนทั้งสองกระบอกที่ถืออยู่อีกครั้ง เขายืนอยู่ด้านหลังรถยนต์หน้าสำนักงานซึ่งใช้เป็นที่กำบังการโจมตีของกลุ่มตรงข้าม
เขารู้ว่าพวกมันหิวแสง แต่นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะโผล่มาอย่างอุกอาจถึงเพียงนี้
พวกมันเทเลพอร์ตมาแล้วเริ่มโจมตีทันทีไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยใดๆ เขาเตรียมจำนวนมาแค่นี้ก็เพราะนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาด้วยจำนวนที่พอกัน
ดูเหมือนข่าวจะรั่วไหล ในหน่วยควบคุมและปราบปรามผู้มีพรสวรรค์นั้นมีเกลือเป็นหนอน มันถึงสามารถรู้การเคลื่อนไหวและจำนวนจนเริ่มโจมตีได้ทันทีโดยไม่ลังเล
ตรีชาติพุ่งออกจากที่กำบังไปเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ก่อนจะเรียกวงเวทย์สีดำออกมาที่ดวงตาทั้งสองข้าง
นั่นทำให้ผู้ก่อการร้ายที่กำลังวิ่งกรูกันเข้ามาพรสวรรค์ใช้การไม่ได้ฉับพลัน แต่ก็ทำได้แค่กับบางคนเท่านั้น
แล้วอีกอย่างหนึ่ง… คุณอ่านไม่ผิด กลุ่มผู้การร้ายนั้นพอโจมตีจากระยะไกลไปได้สักพัก ก็เริ่มพากันวิ่งกรูเข้ามาที่ทางเข้า มันตั้งใจจะบุกเข้าไปข้างในตรงๆ แบบนี้เลย
ตรีชาติคาบซิการ์ไว้ในปากก่อนจะเล็งปืนในสองมือชี้ไปทางกลุ่มคน เขาไม่เห็นไอ้ชินเลย แต่ไอ้พวกนี้มันก็สามารถเป็นเหยื่ออารมณ์ของเขาก่อนได้หนิ ยังไงก็ระยำพอกัน
ตรีชาติลั่นไกปืนในมือยิง ปั้งง! ปั้งง! ปั้งง!ทำพวกมันหลายคนที่วิ่งเข้ามาล้มลงไปกองกับพื้น
พรสวรรค์ของตรีชาตินั้นจัดว่าอยู่ในระดับ S หัวหน้าหน่วยบ้าเลือดสาดกระสุนใส่ไม่ยั้งมือ ไม่มีการปราณีใดๆ
มีผู้ก่อการร้ายหลายคนพยายามจะสู้กลับโดยใช้พรสวรรค์ทั้ง ไฟ ดิน น้ำ สายฟ้า แต่ก็ไม่เป็นผล
พลังของตรีชาติเปลี่ยนให้ทุกสิ่งที่โจมตีมากลายเป็นแค่อากาศธาติก่อนจะถึงตัวด้วยซ้ำ
“ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าที่ประเทศอื่นหน่วยควบคุมผู้มีพรสวรรค์เขาจัดการกันยังไง”
ตรีชาติว่าก่อนจะลั่นไกเจาะกระบาลพวกมันคนหนึ่งจนล้มลง “แต่ที่นี้เขาจัดการกันแบบนี้โว้ย!”
ตรีชาติว่าก่อนจะยิงกระสุนนัดสุดท้ายตัดขั้วหัวใจกลุ่มแมรี่คนหนึ่งจนล้มลง
เขาโยนปืนทิ้งก่อนจะชักมีดเข้าแทงพวกมันที่เข้ามาปะทะกับเขา
การโจมตีของหัวหน้าหน่วยหมาบ้านั้นเปิดโอกาสได้ดี เจ้าหน้าที่หลายนายรัวยิงกระสุนชนิดพิเศษสังหารผู้ก่อการร้ายหลายคนล้มลงไปกองกับพื้น
การต่อสู้นี้รุนแรงจะเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นสงครามกลางเมืองเลยก็ว่าได้
ตรีชาตินั้นฝีมือไม่ธรรมดา เรียกได้ว่ายิ่งแก่ยิ่งเก๋า เขาใช้มีดเพียงเล่มเดียวในการสังหารกลุ่มแมรี่ที่เข้ามารุมได้ถึง 5 คน
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มจะเข้าข้างฝั่งคนดี หน่วย คปพส. กำลังได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้ เหมือนกับเช่นทุกครั้งที่เข้าจับกุมผู้ร้ายที่มีพรสรรค์
เขาไม่หยุดเพียงเท่านั้น ตรีชาติกระโจนง้างมีดแทงเข้าำปที่หัวไหล่ของผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งที่วิ่งตรงเข้ามาจนล้มลงหงายท้อง
มันกรีดร้องกับพื้นอย่างเจ็บปวดทรมาน
ตรีชาติใช้เท้าเหยียบขยี้ไปที่หน้าอกของมันอย่างไม่มีความปราณีใดๆ ก่อนจะเค้นถามถึงสิ่งที่ต้องการ
“ไอ้ชินอยู่ไหน?”
ผู้ก่อการร้ายคนนั้นไม่ตอบอะไร เอาแต่กรีดร้อง ตรีชาติเลยเตะเสยคางจนมันหมดสติไปในทีเดียวอย่างไม่รีรอ
เขามั่นใจว่าไอ้ระยำนั่นต้องมาแน่
ขณะที่ชัยชนะกำลังจะมาเยือนหน่วยรบที่ซึ่งไร้พ่าย ก็มีการเทเลพอร์ตเกิดขึ้นอีกครั้ง วงเวทย์สีน้ำตาลปรากฎขึ้นไม่ห่างจากหน้าทางเข้านัก
ซึ่งพอวงเวทย์จางหายก็ปรากฎชายผอมกระหร่องในสูทขาวขาดๆ คนหนึ่ง นั่งหมดแรงอยู่บนพื้น
ตรีชาติหรี่ตามองอย่างไม่เข้าใจ นี่คือกำลังเสริมของพวกมันงั้นเหรอ? ทำไมถึงสภาพยับเยินแถมยังมาแค่คนเดียว
แถมอีกอย่างหนึ่งที่ทวีความสงสัยยิ่งกว่าเก่า พอกำลังเสริมมาแทนที่จะมีกำลังใจสู้กว่าเก่า
แต่พวกกลุ่มแมรี่ที่เหลือรอดกลับเริ่มยกมือขึ้นยอมแพ้ แววตาที่เคยฮึกเหิมกลับเริ่มสั่นกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
พวกมันกำลังมาไม้ไหน…
To be continued →