EP.4 ราชาแห่งโชค
“แม่บ้านลาออกอีกแล้วงั้นเหรอ”
คาร์โลถามอย่างรู้ทัน นิ่วหน้าน้อยๆ จำได้ว่าเมื่อเช้าแม่บ้านชงกาแฟเข้ามาให้เขาในห้องนอน แต่เธอเผลอใส่น้ำตาลลงไป เขาแค่ตวาดนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ได้ว่ากล่าวรุนแรงหรือใช้งานเยี่ยงทาส กลับกัน.งานทำความสะอาดในบ้านเล็กๆ ของเขาแสนจะสะดวกสบาย อีกทั้งเงินเดือนที่เขาให้ก็สูง เทียบเท่ากับตำแหน่งหัวหน้าพนักงานในกาสิโนของเขาเลยทีเดียว
“คุณคาร์ลทราบแต่ก็ยังทำ”
“ฉันทำอะไรมอนเต้! นายพูดให้ดีๆ นะ” คาร์โลชักน้ำเสียงอย่างไม่พอใจเมื่อถูกกล่าวหา
“ปีนี้เราเปลี่ยนแม่บ้านไปสิบคนแล้วนะครับคุณคาร์ล นี่เพิ่งเดือนตุลาคม นั่นหมายความว่าเราเปลี่ยนแม่บ้านเดือนละคน ซึ่งถือว่าไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ เรากำลังมีปัญหา!”
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง เพิ่มเงินเดือนให้แม่บ้านอีกสองเท่างั้นหรือ” คาร์โลมองไปยังถนนโล่งด้านหน้า เพราะนี่ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว เขาค่อยๆ ชะลอความเร็วลง เพราะรู้ดีว่าไม่ควรขับรถเร็วขณะที่กำลังหงุดหงิด
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่แม่บ้านครับคุณคาร์ล”
“ก็แล้วปัญหามันอยู่ที่ไหนล่ะ” คาร์โลชักน้ำเสียงอย่างหงุดหงิด เมื่อมอนเต้กำลังยั่วโมโหเขา มอนเต้คือหนึ่งในเด็กยากจนจากสลัมแออัดที่คาร์โลหอบหิ้วมาทำงานด้วย ทุกคนที่นั่นคือเพื่อนของเขา เมื่อเลโอนำเขามาชุบเลี้ยงและมอบกิจการกาสิโนให้ดูแล เขาก็ไม่ลืมที่จะพาเพื่อนแท้มาร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน
แน่นอนว่ามอนเต้ไม่ได้ให้แค่ความซื่อสัตย์ต่อเขา แต่มอนเต้ให้ได้แม้กระทั่งชีวิตหากเขาต้องการ
“ปัญหาอยู่ที่คุณคาร์ลครับ”
“นายว่ายังไงนะมอนเต้!” เจ้านายหนุ่มถึงกับเลี้ยวรถเข้าข้างทาง และเอนหลังกอดอกอยู่ในรถหรู “รับรองเลยว่าถ้านายอยู่ตรงหน้าฉัน นายต้องโดนเตะแน่ๆ”
“ใจเย็นครับคุณคาร์ล ผมต้องการชี้ปัญหาให้คุณคาร์ลรับทราบ”
“นายกล้าว่าฉันเป็นตัวปัญหางั้นเหรอ”
“ครับ”
“ไอ้มอนเต้!”
“ครับคุณคาร์ล” มอนเต้ยิ้มจากปลายสาย เขากล้าพูดก็เพราะคุยทางโทรศัพท์นี่แหละ ถ้าเป็นต่อหน้าคงโดนไล่เตะไปแล้ว เหมือนตอนที่พวกเขาเคยเล่นมวยปล้ำด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็กๆ บางครั้งก็เล่นต่อยมวย หัวร้างข้างแตกจนหลวงพ่อเปโตรต้องมานั่งทำแผลให้ แถมด้วยการบ่นและสอนยืดยาว ตบท้ายด้วยการทำโทษโดยใช้ให้กวาดโบสถ์หนึ่งอาทิตย์ ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกัน แค่หยอกล้อกันเท่านั้น
“กรุณาฟังผมก่อนครับคุณคาร์ล” มอนเต้ไม่เคยคิดตีสนิทคาร์โล เขาระลึกเสมอว่านอกจากคาร์โลจะเป็นเพื่อนแท้แล้ว ยังเป็นเจ้านาย เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เขามีวันนี้ วันที่เขามีเงินทองพอที่จะเลี้ยงดูแม่และน้องสาวให้สุขสบาย เขาจึงเคารพคาร์โลทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่เคยตีตัวเสมอหรืออวดเบ่งว่าเขาคือคนสนิทแม้แต่ครั้งเดียว
“พูดมา ถ้าพูดไม่เข้าหูฉันจะอัดนายแน่”
“จากการเก็บข้อมูลสาเหตุการลาออกของแม่บ้านตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้ผลสรุปว่า...ตัวบ้านน่ากลัว เปลี่ยว ห่างไกลผู้คน และคุณคาร์ลดุเกินไป”
“ฉันน่ะเหรอดุ ฉันไม่เคยต่อว่าแม่บ้านเลยสักครั้ง”
“แต่คุณคาร์ลไม่เคยยิ้ม”
“ยิ้ม? เกี่ยวอะไรด้วย” คาร์โลถามกลับอย่างไม่พอใจ
“คุณคาร์ลเอาแต่ทำหน้ายักษ์ คิ้วผูกโบเหมือนไม่พอใจทุกสิ่งทุกอย่างในโลกอยู่ตลอดเวลา แม่บ้านจึงเกิดอาการเกร็ง รู้สึกราวกับตนเองทำอะไรก็ไม่ถูกใจคุณคาร์ลไปเสียหมด” มอนเต้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แม่บ้านคนล่าสุดโทรศัพท์มาหาเขาแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น บอกว่ากลัวเจ้านายฆ่าหมกป่าหลังบ้าน เขาถึงกับปวดหัวไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี
“ไร้สาระ!”
“การยิ้มไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะครับคุณคาร์ล ถ้าเพียงคุณจะยิ้มให้แม่บ้านเมื่อเธอทำความสะอาดให้คุณได้ถูกใจ เราคงไม่ต้องเปลี่ยนแม่บ้านบ่อยแบบนี้”
“ถ้ามันยุ่งยากนักก็ไม่ต้องมีแม่บ้าน!”
“แล้วใครจะทำความสะอาดบ้านให้คุณคาร์ลล่ะครับ” มอนเต้ย้อนถาม เพราะถ้าเป็นห้องพักภายในกาสิโนจะมีแม่บ้านประจำคอยทำความสะอาดอยู่แล้ว ครั้นจะดึงตัวแม่บ้านเหล่านั้นมาช่วย พวกหล่อนก็มีงานวุ่นวายล้นมือ คงทำอย่างนั้นไม่ได้แน่
“ก็นายไงมอนเต้”
“ผมเกรงว่าจะทำให้บ้านคุณคาร์ลสกปรกยิ่งกว่าเดิมน่ะสิครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ดราโก้มาทำความสะอาดให้ฉัน”
“คุณคาร์ลลืมไปแล้วหรือครับว่าดราโก้ไปทำธุระให้คุณคาร์ลที่อเมริกา” มอนเต้ตอบเรียบๆ ดราโก้คือมือขวาของคาร์โล เก่งทางบู๊มากกว่าบุ๋น นิยมการใช้กำลังมากเป็นพิเศษ แตกต่างจากเขาที่มักคิดมากกว่าใช้กำลัง แต่เขาและดราโก้มาจากที่เดียวกัน พวกเขาคือเด็กในสลัมที่ได้รับความเมตตาจากคาร์โล
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นหน้าที่ของนายที่จะต้องหาแม่บ้านมาให้ฉัน ม่อย่างนั้นฉันจะหักเงินเดือนนาย!” พูดจบคาร์โลก็กดตัดสายด้วยความหงุดหงิด
นี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่ชอบทำงานกับผู้หญิง ลูกน้องคนสนิทหรือพนักงานที่ต้องติดต่อประสานงานกับเขาส่วนใหญ่มักเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ว่าเขาเหยียดเพศแต่อย่างใด แต่แค่มองหน้าเฉยๆ เจ้าหล่อนก็ทำท่าตกใจ น้ำตาคลอ หน้าแดง ก่อนจะร้องไห้ออกมา ทำอย่างกับว่าถูกเขารังแกอย่างนั้นแหละ ทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย
“บ้าชิบ!”
ชายหนุ่มสบถอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะขับรถไปยังบ้านพักของตัวเองซึ่งตั้งอยู่ในเมืองกัมปีโอเนดีตาเลีย เมืองเล็กๆ ที่เป็นดินแดนส่วนแยกของอิตาลี ถูกล้อมรอบด้วยพื้นที่ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองนี้มีพื้นที่เป็นแนวยาวติดกับทะเลสาบลูกาโน เป็นเมืองสวรรค์ของนักเสี่ยงโชคทั้งหลาย เพราะมีกาสิโนเสรีขนาดใหญ่ให้เลือกเสี่ยงดวงด้วยการพนันหลากหลายชนิด
ในกาสิโนมีแต่ความวุ่นวาย ผู้คนต่างหลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลก หมุนเวียนกันไปแทบไม่ซ้ำหน้า เขาจึงสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นเพื่อปลีกวิเวกจากความอึกทึกครึกโครม บ้านที่มีความหมายว่าบ้านจริงๆ อย่างที่เขาเฝ้าฝันหา บ้านหลังเล็กตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือสุดของเมืองกัมปีโอเนดีตาเลีย พื้นที่ส่วนนี้เต็มไปด้วยหุบเขามากมาย แต่มีพื้นที่เล็กๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบติดทะเลสาบลูกาโนที่เต็มไปด้วยป่าสนสูงชะลูด
บ้านของเขาหลังเล็กกะทัดรัด มีเพียงหนึ่งห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็กของแม่บ้าน นอกนั้นเป็นห้องทำงาน ห้องครัว และห้องนั่งเล่น แน่นอนว่าบ้านหลังนี้ไม่มีห้องรับแขก เพราะเขาไม่คิดจะต้อนรับแขกที่นี่ ไม่มีห้องสำหรับนันทนาการ เว้นเพียงเปลหวายขนาดใหญ่ที่
ผูกไว้ระหว่างต้นสน เขามักใช้ที่นั่นเป็นที่นอนอ่านหนังสือ และผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน