หลายวันต่อมางานแฟนมีตของโฟม ปภังกรก็กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ และอริสาที่เป็นหนึ่งในผู้โชคดีได้เข้าไปในงานก็กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะหยิบข้าวของใส่กระเป๋าเตรียมออกไปที่งาน วันนี้เธอโพสต์ในเพจร้านขนมของตัวเองว่างดรับออเดอร์ หนึ่งวัน หากลูกค้าต้องการสั่งขนมให้ทิ้งข้อความไว้ได้เลย แล้วเธอจะมาตอบกลับตอนเย็น ตอนนี้เธอจึงสามารถออกไปข้างนอกได้อย่างสบายใจ
หญิงสาวนั่งวินมอเตอร์ไซค์ออกไปที่บีทีเอสเพื่อโดยสารไปยังฮอลล์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ในอ้อมแขนของหญิงสาวมีรูปภาพโปสเตอร์ที่เธอสะสมเอาไว้เผื่อมีโอกาสได้ลายเซ็นจากอีกฝ่าย ใช้เวลาเดินทางไม่นานนักก็มาถึงงานโดยยังมีเวลาเหลือสำหรับทำอย่างอื่นรออีกเยอะ เธอจึงไปซื้ออาหารมาทานไปพลาง ๆ ระหว่างรอให้สตาฟมาเปิดประตูต้อนรับแฟนคลับ อริสากวาดสายตามองไปรอบกายก็เห็นผู้หญิงมากมายที่ถือพัด บ้างก็โปสเตอร์ซึ่งเป็นรูปของดาราหนุ่มชื่อดังเจ้าของงานแฟนมีต เธอรู้สึกดีใจแทนอีกฝ่ายเหลือเกินที่เขาประสบความสำเร็จในการทำงานจนมีชื่อเสียงและมีคนรักมากมายขนาดนี้ ใครจะมองว่าเธอบ้าดาราก็ช่างเถอะ มันคือความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอ และเธอก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
“เรียงแถวกันเข้ามาเลยนะครับ คนที่ได้โซน A มาตั้งแถวฝั่งซ้ายสุดแล้วเรียงไปทางขวา ส่วนแถว D ขวาสุดจะได้เข้าเป็นกลุ่มสุดท้าย” เสียงสตาฟผู้ชายดังขึ้นทำให้ผู้หญิงตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงานต่างก็เข้าแถวตามโซนที่ปรากฏในบัตรตัวเองรวมถึงเอ๋ยด้วย เธอได้อยู่โซน C จึงอยู่ในแถวเกือบสุดท้าย เมื่อสถานการณ์ดูปกติดีสตาฟจึงพาโซนแรกเข้าไปในงานตามด้วยโซนอื่น ๆ จนครบทั้งหมด ทีแรกหญิงสาวคิดว่าคงจะมีคนมามากกว่านี้แต่เพราะดาราหนุ่มคงจะไม่ค่อยชอบความวุ่นวายมากนัก เขาจึงเลือกที่จะสุ่มแฟนคลับให้เข้ามาในงานเพียงประมาณสองร้อยกว่าคนเท่านั้น
อริสาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารอระหว่างที่ดาราในดวงใจซึ่งเตรียมตัวอยู่หลังเวทีกำลังจะปรากฎตัวในอีกสิบนาทีข้างหน้าก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อแสงแฟลชจากกล้องโปรตัวใหญ่สาดสะท้อนเข้าตาจนอดหันไปมองคนข้าง ๆ ด้วยความขุ่นมัวไม่ได้
“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ...เดี๋ยวปิดแฟลชก่อนนะคะ” หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มใส่แว่นสายตาดูเรียบร้อยรีบปิดแฟลชจากกล้องของตัวเองก่อนจะเอ่ยถามเอ๋ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง “เธอก็ชอบพี่โฟมเหมือนกันเหรอ”
“ใช่...ฉันชอบเขามาตั้งแต่เขาเริ่มเข้าวงการแล้ว จนตอนนี้เขาประสบความสำเร็จเป็นดาราชื่อดัง มันทำให้มีกำลังใจใช้ชีวิตมากขึ้นเยอะเลย” อริสาหันไปยิ้มให้คนที่ทักเธอก่อนจะเอ่ยถามกลับบ้าง “แล้วเธอชื่ออะไรเหรอ ทำไมถึงมางานนี้ได้”
“ฉันชื่อบี พอดีฉันชอบดูละครของพี่โฟมแล้วบังเอิญเห็นโฆษณา งานแฟนมีตติ้งวันนี้น่ะ ก็เลยลองลงทะเบียนเข้าดู...แล้วดันได้เข้างานจริง ๆ เสียด้วย” บีเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เธอโชคดีมากเลยนะเนี่ยที่ได้เข้างานนี้” อริสาอดเอ่ยชมไม่ได้ ดูท่าคน ๆ นี้คงจะชอบเขามากถึงขั้นแบกกล้องโปรตัวใหญ่มาถ่ายรูปทั้งที่ได้โซนไกลจากหน้าเวทีพอสมควร
“ฉันว่าคงต้องไปทำบุญทดแทนแต้มบุญที่ได้มางานนี้แล้วแหละ ฮื่อ...ตื่นเต้นจังเลยเนอะ ทำไมพี่โฟมไม่ออกมาสักทีนะ” เธอคอยชะเง้อคอมองรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
เธอลอบสังเกตท่าทางของเพื่อนใหม่แล้วหัวเราะเบา ๆ นี่คงจะเป็นความรู้สึกของคนที่ชอบศิลปินคนใดคนหนึ่งมากจริง ๆ สินะ... ตัวเธอไม่เคยเป็นแฟนคลับใครถึงขั้นที่จะลงทุนลงแรงแบบนี้
“และตอนนี้ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วนะครับ ขอเชิญคุณโฟม ออกมาทักทายแฟนคลับได้เลยคร้าบ” พิธีกรชายเอ่ยเชิญดาราดังเจ้าของงานออกมา เพียงเท่านั้นเสียงกรี๊ดของสาวน้อยสาวใหญ่ก็ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงก้าวขึ้นเวทีมาโบกมือทักทายทุกคน เขาโค้งตัวลงแล้วเงยหน้ากลับมารับไมค์จากพีธีกรก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มละมุน “สวัสดีครับแฟนคลับที่น่ารักของผม คิดถึงกันไหมครับ” ปภังกรถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“คิดถึงค่า” เหล่าแฟนคลับตอบโดยพร้อมเพรียงกัน
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เดี๋ยวผมจะแจกลายเซ็นให้ทุกคนในงานแล้วมาฟังเพลงที่ผมแต่งให้ทุกคนด้วยตัวเองกันนะครับ”
ช่วงเวลาพบปะแฟนคลับจึงเริ่มขึ้นด้วยการที่ชายหนุ่มนั่งที่เก้าอี้ด้านหลังโต๊ะตัวยาวและมีการจัดระเบียบแฟนคลับให้เดินขึ้นเวทีไปรับลายเซ็นจากดาราหนุ่ม เอ๋ยยืนรอด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเพราะไม่เคยได้ทำแบบนี้มาก่อน ความประหม่าทำให้ต้องหันไปถามคนข้างตัวที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่นาที
“เธอเคยได้ลายเซ็นจากดาราตัวเป็น ๆ แบบนี้ไหม...ต้องทำยังไงเหรอเวลาขึ้นเวที” อีกฝ่ายมีท่าทีเอ็นดูก่อนจะรีบบอกด้วยท่าทางจริงจังเหมือนเป็นแฟนคลับผู้เชี่ยวชาญ “ก็แค่ถือสิ่งที่เอามาขึ้นเวทีไปด้วย เขาก็จะเซ็นลายเซ็นให้เธอแล้วชวนคุยนิดหน่อยแล้วลงจากเวที ช่วงที่ได้คุยกับดาราไอดอลนี่ต้องเก็บไว้ในความทรงจำไปนาน ๆ เลยนะ โอกาสน้อยมากที่จะได้ทำแบบนี้อีกครั้งอ่า” ว่าจบอีกฝ่ายก็กุมมือมองไปบนเพดานคล้ายสาวน้อยช่างฝันจนเอ๋ยต้องหลุดหัวเราะ
“หัวเราะอะไรของเธอเล่า นี่ฉันจริงจังนะ!”
“เข้าใจแล้วน่า... ถึงคิวของเราแล้ว ไปกันเถอะ” มือเล็กยื่นไปจับมือของอีกฝ่ายตอนที่สตาฟเรียกแถวของพวกเธอให้เดินไปด้วยกัน หญิงสาวถอนหายใจเมื่อมีคนเดินเข้ามาแซงหน้าจนอดรู้สึกเซ็งไม่ได้ แต่ก็คงเป็นเรื่องปกติของคนไทยนั่นแหละ...เพราะเธอเห็นแบบนี้บ่อยจนเคยชินไปแล้ว และไม่มีใครกล้าทักท้วงเนื่องจากความเกรงใจ จึงต้องทนกับวัฒนธรรมแย่ ๆ แบบนี้ต่อไป
อริสากับบียืนต่อแถวด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อยเนื่องจากต้องใช้เวลานานกว่าปกติ บีที่แบกกล้องตัวใหญ่มาด้วยถึงกับบ่นไปด้วยแต่ก็ยังเก็บภาพบรรยากาศงานไปด้วย กว่าจะถึงคิวของเธอสองคนก็กลายเป็นช่วงท้าย ๆ ของแถวแล้ว
“ให้เซ็นตรงไหนดีครับ เธออีกแล้วงั้นเหรอ” ดาราหนุ่มอึ้งไปเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะขมวดคิ้วคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก หญิงสาวเม้มปากทีหนึ่งพยายามกระพริบตาไล่ความรู้สึกไม่ดีแล้วบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ติดจะสั่นเล็กน้อย “บนโปสเตอร์เลยก็ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มในฝันของหญิงสาวเกือบครึ่งประเทศก้มลงเซ็นชื่อของตนลงในโปสเตอร์แล้วยื่นคืนกลับไปให้เธอ ระหว่างนั้นทั้งสองคนไม่ได้คุยอะไรกันแม้แต่คำเดียวจนกระทั่งชายหนุ่มส่งคืนมันให้เธอพร้อมสีหน้าน่ากลัวยามกระซิบเสียงเย็นเยียบ “ฟังนะ เอ๋ยเลิกยุ่งกับพี่สักที ถ้าไม่อยากให้พี่เกลียดเธอไปมากกว่านี้”