ดวงตาวาววับของชายตรงหน้าสะท้อนเข้าที่ดวงตานาง หลินโคว่เอ๋อถลึงตาท้าทายต่อสายตาคู่นั้น นางไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะผลักเขาออกจากตัว ยิ่งประโยคที่หลุดออกมาทำให้นางถึงกับหน้าชา
“หญิงคณิกามักไม่ใช่หญิงช่างเลือก” และเขาก็กดเสียงให้ต่ำลง “เหตุใดเจ้าถึงช่างเลือกนักเล่า” นางเริ่มสะอิดสะเอียนกับคำพูดของเขาที่ยัดเยียดให้นางเป็นหญิงคณิกาในหอนางโลมเสียเหลือเกิน อีกทั้งนางอยากจะปฏิเสธเขาใจแทบจะขาดว่าตนเองมิใช่ แต่มันจะมีประโยชน์อันใดเมื่อเขามักชอบพิสูจน์ และหากนางปฏิเสธ เขาก็อาจจะพิสูจน์ในเรื่องนั้นด้วย และนางก็มิใช่โง่ว่าเขาจะพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้อย่างไร
“เพราะข้าเป็นนางคณิกาที่ช่างเลือก เพราะข้าจะมิบำเรอชายที่ข้าคิดจะลงมือฆ่าได้เมื่อมีโอกาส” เขาหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินคำตอบ
นางช่างทำให้เขาตื่นตัวเหลือเกิน น้ำเสียงไม่มีแม้กระทั่งเย้ยหยันแต่กลับขบขันเสียมากกว่า นางนะหรือจะฆ่าเขาได้ เขาเป็นใครและนางเป็นใคร เมื่อเสียงหัวเราะของเขาเริ่มเบาลงและเหลือเพียงเสียงหัวเราะในลำคอและเผยรอยยิ้มในที่สุด ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นชินอ๋องจึงเอ่ยวาจาออกมา
“ข้ารู้สึกว่าคำพูดของเจ้าช่างตราตรึงในสมองข้าเหลือเกิน มันเป็นคำพูดที่เหมาะสมกับหวางเฟยจริงๆ เจ้าว่าหรือไม่ โคว่เอ๋อ” คำพูดที่เป็นการล้อเลียนคำพูดของนางถูกเปล่งออกมา
“หวางเฟยรึ! เรียกข้าว่ามารดาก่อนเถอะ” รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นหากแต่มันไม่ถึงดวงตาเพราะนี่เป็นรอยยิ้มของการท้าทายศัตรู
“เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย แต่ข้าจะเรียกเจ้าว่ามารดาต่อเมื่อเจ้าอยู่ใต้ร่างข้า และปรนนิบัติข้าจนหนำใจเสียก่อน” เขาทำท่าจะเข้าไปจุมพิตนางอีกรอบ
“อย่าได้เข้ามาจูบข้าเด็ดขาด ไอ้ลูกหมาสารเลว”
“เช่นนั้นรึ!” เขารีบเข้าไปรวบนางมาจุมพิตและหลบหลีกฟันของนางที่พยายามจะกัดให้โดนรีมฝีปากของเขา เขาฟาดฟันนางด้วยจุมพิตที่เย้ายวนระคนเย้ยหยันในเสียงหัวเราะของเขาเมื่อเขาปลดพันธนาการจากริมฝีปากออกจากริมฝีปากนาง
“เจ้าจะโทษข้าฝ่ายเดียวมิได้โคว่เอ๋อ ในเมื่อคำพูดของเจ้า สะโพกของเจ้า มันกระตุ้นความต้องการในตัวข้า เอาเป็นว่าข้าจะให้คนจัดชุดใหม่ให้เจ้าก็แล้วกัน พร้อมของใช้ส่วนตัวที่เหมาะต่อเจ้า” เขาพูดจบก็ผลักนางให้ออกจากห้องไปเพื่อให้นางไปแต่งตัวให้ดีกว่านี้และเตรียมตัวออกเดินทาง