หลินโคว่เอ๋อ ลุกขึ้นจากเตียงนอน ด้วยใบหน้าแดงก่ำที่มาพร้อมโทสะเต็มอก น้ำตาอาบข้างสองแก้ม ความคับแค้น เจ็บจุกใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้ นางตกเป็นเบี้ยล่างเขา ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจเพียงเพราะตนเองมีรูปสักบ้าบออะไรนั่น นางหาสนใจที่จะถามถึงสาเหตุที่เขาตามหาตน ยามนี้นางอยากออกจากห้องนี้แล้ว ไม่อยากเห็นหน้าคนที่ทำร้ายจิตใจนางอีก นางจัดการเสื้อผ้าให้เข้าที่ไปพร้อมๆ กับรีบลงจากเตียง
“หวังว่าคุณชายคงทำตามสัญญา ปล่อยข้าไปได้แล้ว”
“ยัง! ธุระของข้ายังไม่จบ” มุมปากของสตรีถึงกลับกระตุก อยากจะหยิบมีดจ้วงที่ท้องของอีกฝ่ายให้แดดิ้นตายไปเสียเดี๋ยวนี้
“เจ้าจะเอาอะไรกับข้าอีก ดู...ท่านก็ดูไปแล้ว”
“ข้าเสียใจกับการกระทำของข้า แต่เพราะข้าต้องพิสูจน์ว่าเจ้าคือ หลินโคว่เอ๋อ บุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่หลินหมิงซู่กับ ฮูหยินหลินจางเยว่หรือไม่” คำพูดของเขาทำให้นางหันกับมามองด้วยความสงสัย ชื่อบิดาและมารดานาง ไยเขารู้ แต่นางหารู้ไม่ว่าบิดาตนเป็นถึงท่านแม่ทัพใหญ่ นางเอ่ย
“พ่อข้าและแม่ข้า จะชื่ออะไรไม่ใช่ธุระของเจ้า และพ่อข้าไม่ใช่ท่านแม่ทัพใหญ่ เลิกโกหกเสียที”
“เช่นนั้นหรือ ก็ดีถ้าเจ้าไม่ใช่บุตรีของท่านแม่ทัพใหญ่หลินและฮูหยินหลิน แต่บังเอิญเจ้าใช่” เขาเว้นจังหวะสักพัก พร้อมมองหน้านางจากนั้นจึงตะโกนไปยังประตู
“เซียวหรู ตงเหลียนเข้ามา” คำสั่งที่แสนจะเยือกเย็นได้ส่งผ่านเส้นเสียงของเขา ทำให้ประตูค่อยๆ เปิดออก ทั้งสองคุกเข่าพร้อมเปล่งเสียง
“ชินอ๋องมีเรื่องใดให้ข้าน้อยรับใช้พ่ะย่ะค่ะ” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้น พร้อมสองร่างที่คุกเข่าทำความเคารพชายในห้อง ทำให้หลินโคว่เอ๋อตะลึง ในใจก็คิด ‘เขาคือชินอ๋อง แล้วข้าทำร้ายเขา ข้าจะเป็นยังไง ไม่! ข้าไม่คุกเข่าแน่ ตายเป็นตาย ยังไงก็มีชีวิตเดียว’ จากนั้นนานก็ปรับสายตานิ่งเฉยเสียงของฉีเทียนเหล่ยก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“พรุ่งนี้เช้าเตรียมรถม้ากลับแคว้น”
“พ่ะย่ะค่ะชินอ๋อง” ทั้งสองรับคำสั่งและจัดการตามที่
ฉีเทียนเหล่ยสั่งพร้อมหมุนกายออกไป ส่วนเขาหันมามองนางด้วยแววตาลุ่มลึกยากจะอธิบาย หลินโคว่เอ๋อสบเข้านัยน์ตาจึงลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เอ่ยคำพูดต่อ
“นี่ ข้าไม่สนหรอกนะว่าท่านจะเป็นใคร และมาทำไม งิ้วเรื่องนี้ควรจะจบลงได้แล้ว ข้าไม่สนุกกับพวกท่านหรอกนะ”
“เจ้านึกว่าข้าสนุกนักรึไง อยากรู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงต้องตามหาตัวเจ้า” เขาเอ่ยถามนางทั้งยังจ้องหมายจะกินนาง
“ทำไม?” นางจ้องตาเขากลับ อย่างไม่เกรงกลัว
“เพราะเจ้าคือคู่หมั้นของข้า และเจ้าต้องแต่งเป็นหวางเฟย ของข้า” ประโยคนั้นเขาสันนิษฐานว่านางคงดีใจแต่เขาคาดผิดเพราะดูนางไม่ตกใจสักนิดจึงเปิดปากถามหลินโคว่เอ๋อออกมา
“ทำไม? หรือเจ้าอยากแต่งกับข้า ดูเจ้าไม่ตกใจสักนิด”
“ไม่เลย ข้าไม่อยากแต่งสักนิด”
“ข้าก็ไม่อยากแต่ง” เขาตอบกลับไปทันควัน
“ก็ดีนี่ ในเมื่อท่านไม่อยากแต่ง ข้าก็ไม่อยากต่างคนต่างอยู่ แค่นี้ง่ายจะตาย” คำพูดนางทำให้เขาสะอึกทั้งท่าทางไม่ยี่หระเสียด้วยซ้ำ ตำแหน่งหวางเฟยในเมืองหลวงมีแต่คนอยากจะไขว่คว้า ไม่เว้นแม้แต่อนุในจวนของเขา ไยนางปฏิเสธดังคำพูดเขาเป็นแค่คำพูดของเด็กเล็กหาน่าเชื่อถือไม่
เขาจ้องไปยังนัยตาที่พยศไม่ลดราวาศอกของนาง นางต่างกับสตรีที่ยอมเขาอยู่ร่ำไป ช่างน่าตื่นเต้น เลือดนักรบที่ชอบต่อสู้เพื่อหาความชิงชัยได้พุ่งพรวดในห้วงความคิดของเขา ยังไงนางก็ต้องไปอยู่ในจวนของเขา ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด นางก็ต้องไป
“ไม่ เจ้าต้องกลับไปกับข้า เพราะนี่คือพระราชโองการของฮ่องเต้”
“แล้วไง? ฮ่องเต้ก็ฮ่องเต้สิ ข้าต้องกลัวด้วยรึ แต่ถ้าขัดราชโองการต้องฆ่าใช่ไหม เอาสิ ข้ามีชีวิตเดียวไม่มีใครต้องให้ห่วง อยากจะฆ่าจะแกงก็ตามใจ ข้าไม่ไปเป็น
หวางเฟยบ้าบอ หรือแม้แต่อนุให้คนสารเลว ไอ้สวะอย่างเจ้าหรอกนะ อ้อ! แล้วอีกอย่าง แม่ข้าเคยบอกไว้ การได้สามีก็เปรียบเหมือนได้ลูกชายเพิ่มมาอีกคน ข้ายังไม่คิดหาเหาใส่หัวต้องอบรมสั่งสอนผู้ชายเช่นเจ้าหรอกนะ”
“เจ้า! ปากดีนักนะ” เขาเดินไปหมายจะบีบคอนาง ในความที่นางปากกล้ากับเขา เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครต่อว่าเขาแรง ๆ เช่นนี้มาก่อน แต่เขาก็ต้องหยุดมือที่จะบีบคอนางและเลื่อนมือไปบีบแก้มนาง
“ปากดีไปเถอะ ยังไงเจ้าก็ต้องไป หากเจ้าไม่ไปกับข้าแต่โดยดี คนในหอแห่งนี้จะไร้คนทำศพ เจ้าคิดให้ดีเจ้าไม่มีคนข้างหลังให้ห่วง แต่คนที่นี่จะต้องมาตายเพราะเจ้า เลือกเอาแล้วไม่กี่ชั่วยามเจ้าก็มาดูเอาเองว่าข้าพูดจริงหรือไม่” คำพูดทำให้นางสะอึกไปพร้อมกับตึงใบหน้าไปหลังจากที่เขาปล่อยมือออก ไม่นานนักเขาตวาดใส่นาง
“ไปแต่งตัวใหม่ซะ หากเจ้ายังไม่อยากให้ข้าต้องเปิดสะโพกของเจ้าอีก”
“ไอ้สารเลว ไอ้ลูกหมา! ไอ้...” คำสบถหลุดออกมาจากปากของนาง แต่ทว่านางมิได้เอ่ยปากสบถเขาได้อีกเพราะปากของนางถูกปิดด้วยริมฝีปากที่ตอนนี้พยายามครอบงำดวงวิญญาณของนาง ขณะนี้นางถูกขโมยจูบซึ่งมิเคยได้สัมผัสกับใครมาก่อน นางยังไม่ทันตั้งตัวสำหรับการบุกรุกอย่างอุกอาจเช่นนี้
จุมพิตนี้เต็มไปด้วยมนต์สะกดจนนางอยากจะพ่ายแพ้ต่อมัน ความคิดไร้สติที่นางต้องใช้เวลานานกว่าจะสลัดมันออกจากสมอง หญิงสาวนามโคว่เอ๋อได้กัดเข้าไปยังริมฝีปากของเขาอย่างเต็มแรง ได้ลิ้มรสเลือด ได้ยินเสียงคำรามของเขาแต่กระนั้นใบหน้าของนางก็ถูกยึดไว้ด้วยมือแข็งแรงของเขา