“คงไม่ได้หรอก... ไม่มีใครอยากพูดดีๆ กับคนที่จับตัวมาหรอกนะคะ”
“ฉันไม่ได้จับเธอมา... ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอขโมยแหวนไปได้ยังไง”
“มันก็วกกลับมาที่เดิมแหละ... ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งห่ะ!! ฉันไม่ได้ขโมย ‘แฟน’ คุณทิ้งและฉันเก็บได้ ดีเท่าไรแล้วที่เอามาคืน ไม่ใช่เอาไปขาย” รอบที่ร้อย ที่ศินาราบอกความจริงและฟาเบียนแต่เขาไม่เคยคิดจะเชื่อ จะต้องให้เธอตะโกนบอกจนคอแตกตายหรือไง?
“พอเถอะ!! รอให้มีหลักฐานก่อนแล้วกัน... แล้วฉันจะเชื่อเธอ ตอนนี้ฉันหิว แล้วก็ยังไม่อยากอารมณ์เสีย” ชายหนุ่มตัดบท เขาหยิบช้อนตักอาหารใส่ปาก แล้วทำท่าทางมีความสุขให้คนมองหมั่นไส้เล่นๆ
“สักนิดไหม? อร่อยนะ” ชายหนุ่มเลิกปลายคิ้วขึ้นสูง เขาเอ่ยปากชักชวนและได้ค้อนคมๆ กลับมาแทน จนแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“แล้วแต่นะ!! ฉันก็ไม่ค่อยชอบบังคับใครเสียด้วย” ศินาราแทบจะสะบัดหน้าใส่ ช่างพูดออกมาได้ว่าไม่ชอบบังคับฝืนใจใคร แล้วที่เขาจับตัวเธอมานี่ เธอยอมมาดีๆ อย่างนั้นเหรอ ศินาราคันปากยิบๆ เธออยากด่ากราด แต่หากทำแบบนั้นเธอคงตายศพไม่สวย เมื่อผู้ชายตรงหน้าเธอนี่ เขาคือ ฟาเบียน โดโรธีย์ ผู้ชายเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์
ศินารารู้สึกว่าไอ้ผู้ชายตรงหน้าเธอนี่จงใจ!! เขาจงใจละเลียดกินช้าๆ เหมือนกำลังยั่วเธอ...
และเขาทำสำเร็จ เธอกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกวิ่งพล่าน อยากจะจับอาหารทุกอย่างตรงหน้ายัดปาก เมื่อน่าตาและสีสัน ชวนรับประทานเหลือเกิน ชิ!!
จู่ๆ ช้อนที่ชายหนุ่มตักกินอาหาร เข้าปาก เขาจับมาจ่อตรงปากเธอ ศินารากำลังจะปฏิเสธ เขาก็ทิ่มพรวดเข้ามาในปากของเธอ พร้อมกับยกมือขึ้นดันปลายคางของเธอให้หุบงับ จนไม่สามารถคายอาหารที่ตัวเองไม่เต็มใจรับออกมาได้ จำต้องเคี้ยวๆ และกลืนลงท้องไป แถมมันอร่อยชวนกินเสียด้วย...
“เป็นไง? อาหารที่นี่อร่อยขึ้นชื่อ...เธอจะเสียใจที่ไม่ได้ชิม ฉันอุตส่าห์อนุเคราะห์ให้ อย่าลืมขอบคุณด้วยล่ะ”
เสียงพูดนิ่งเรียบ จนฟังไม่ออกถึงความต้องการของเขา ศินาราทำปากขมุบขมิบ เธอไม่ได้เรียกร้องเสียหน่อย อาหารก็แค่กินเพื่อประทังความหิวโหย ไม่ต้องเลิศรสนักก็ได้ อยากให้ชิมก็ชิมแล้วไง ก็อร่อยหรอกนะ... แต่มันน้อยไปยังไม่ทันรู้รส หญิงสาวอ้าปากค้าง เมื่อฟาเบียนยกช้อนขึ้นเลีย!! เขาจงใจเธอรู้ ไอ้ช้อนนั่นพึ่งจะหลุดออกไปจากปากของเธอแล้วเขาเลียให้เธอเห็น เขาจงใจยั่ว...ไอ้คนบ้า!!
“เดี๋ยวก็คอเคล็ด!!” ชายหนุ่มพูดกลั้วเสียงหัวเราะ เขาไล้ปลายลิ้นไปตามความกว้างของช้อน จงใจให้หล่อนเห็น...ตกลงเขาเป็นคนโรคจิตตอนไหน? หรือว่าตั้งแต่ได้เจอกับศินารา นับแต่วันนั้นเขาเพี้ยนไปเลย...ตั้งแต่วันที่จับหล่อนถอดเสื้อถอดผ้าจนพบสิ่งที่เจ้าหล่อนแอบซ่อนจากสายตาทุกคน
ใช่สิ!! เขาลืมได้ยังไง ลืมหาเสื้อผ้าให้หล่อนใส่ ไอ้ชุดที่ใส่อยู่นี่ หล่อนไปงัดมาจากไหนกันนะ
หวงหน้ามืด เขารู้สึกแบบนี้จริงๆ หล่อนไปเอาเสื้อผ้าผู้ชายที่ไหนมาใส่ ไอ้อีคนไหนเอาชุดของมันมาให้ใส่ เดี๋ยวเถอะ ขอจัดการคนตรงหน้านี่ก่อน แล้วเขาจะออกไปเฉ่งไอ้พวกที่อยู่ข้างนอก...
หญิงสาวผงะหลบแทบไม่ทัน ตาบ้านี่ยิ่งกว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ลมขึ้น!! ลมลงตามแทบไม่ทัน ดีได้พักเดียว ฉุนเฉียวขึ้นมาเสียดื้อๆ อยากจะบ้าตาย
“ไปเอาไอ้ชุดบ้าๆ นี่มาจากไหน?” ฟาเบียนถามเสียงเคร่ง ดวงตาลุกวาบเหมือนมีไฟกองสุ่มอยู่ในนั้น
“ไม่รู้สิ!! เห็นกองอยู่ก้นตู้...ไอ้ชุดนางระบำจ้ำบ๊ะ!! นั่น ฉันใส่ไม่ลงหรอกย่ะ เดี๋ยวนมต้มหกเรี่ยราด...น่าทุเรศจะตาย” หญิงสาวตอบเสียงสะบัด จะให้เธอใส่เสื้อผ้าที่เหมือนชุดนางโชว์ได้ยังไง เดี๋ยวก็ทำนั่นทำนี่หก เขาก็สบายแฮไปน่ะซี!!
“แล้วไป...นึกว่าไปขอไอ้พวกข้างนอกนั่นมา” ชายหนุ่มพูดเสียงงึมงำในลำคอ เหมือนกับว่าลิ้นเกิดขยายใหญ่ขึ้นมาจนคับปากคับคอ จนพูดออกมาฟังไม่ค่อยชัด แม้ศินาราจะตั้งใจฟังแล้วก็ตาม
“กินให้หมดล่ะ เสียดายของ... ขอไปทำธุระแปปเดี๋ยวมา”
หญิงสาวขมวดคิ้ว เขาสั่งเหมือนกับว่าเขจะกลับมาในห้องนี้อีกครั้ง แต่...เธอเหลือบมองนาฬิกา... เวลามันเคลื่อนที่ไปเร็วเสียจนเธอละเหี่ยใจ เผลอชั่วเวลาแปปเดียว ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน...เพียงแต่เธอได้งีบหลับไปพักใหญ่ ถึงได้อยู่โยงจนถึงตอนนี้ หากอยู่ที่ห้องพักเธอคงหลับสนิทไปแล้ว เพราะมีธุระปะปังให้ทำหลายอย่าง ไหนจะต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานที่ร้านอาหารไทย ก่อนไปเรียน แล้วเธอหายตัวมาแบบนี้จะมีใครสนใจไหม? ยิ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ด้วย กว่าจะมีคนรู้ เธอไม่เหลือแต่กระดูกแล้วหรือไงล่ะ
แต่...ไหนๆ ก็ไหนๆ...กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เธอคงต้องรบกับผู้ชายคนนั้นอีกนาน จนกว่าเขาจะเข้าใจและรู้ความจริงทั้งหมด เพราะฉะนั้นอาหารน่ากินตรงหน้า เธอคงต้องสมนาคุณให้เขาเสียหน่อย ไหนจะเพิ่มกำลังกาย แถมยังฟินกับรสชาติเลิศรส ของชีสเยิ้มๆ ที่เห็นแล้วชวนน้ำลายสอ...
ไม่เกิน10 นาที อาหารชวนกินทั้งถาด ก็ย้ายจากในจานเคลื่อนที่มาอยู่ในกระเพาะเธอ...
“เอิ้ก!!” มือเรียวยกขึ้นลูบท้อง เธออิ่มจนอยากจะหลับ
ฟาเบียนย้อนกลับมาอีกครั้ง เขากวาดตามองหายัยตัวยุ่ง เห็นเจ้าตัวนอนหลับกรนฟี้ๆ อยู่บนโซฟาตัวใหญ่หน้าโทรทัศน์จอยักษ์ เขาส่ายหน้าแล้วยิ่งส่ายหนักขึ้น ยัยคนนี้ไม่กลัวอ้วนหรือไงนะ? จัดการฟาดเรียบอาหารรสอร่อยจนแทบไม่เหลือติดก้นจาน แถมอาหารที่เขาสั่งมาแต่ล่ะอย่างอุดมไปด้วยแป้งและชีสที่เป็นศัตรูกับผู้หญิงโดยเฉพาะ เมื่อมันทำให้ไขมันในตัวเพิ่มขึ้น และเป็นสาเหตุของความอ้วนที่ผู้หญิงทุกคนกลัว...แต่ยัยบ้านี่ไม่ยักกับกลัว? แปลกคน!!
ชายหนุ่มช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มเอาไว้ในวงแขน เขาเดินแทบจะเป็นย่องและแอบเบ้ปาก ยัยคนนี้นี่ยังไง หลับเป็นตายทุกที ไม่รู้ตัวสักนิดไม่ว่าจะจับพลิกคว่ำพลิกหงายเธอก็ยังคงหลับสนิทเหมือนเดิม
ปลายจมูกโด่งๆ กดลงข้างแก้ม เมื่ออดใจไม่ไหว
“เป็นค่าจ้างที่ฉันอุ้มเธอมานะศิริน...ยัยบ้าขี้เซา”
ฟาเบียนบ่นเบาๆ เขารีบถอยหลังกลับ ตลบผ้าห่มคลุมกายสาว และรีบเดินหนีไปไกลๆ ไม่อย่างนั้นมีหวังเขากลายเป็นโจรบ้ากามแน่ๆ นอนอ่อยแบบนี้ เป็นผู้หญิงคนอื่นมีเฮ...แต่กับศินารา เขากลัวหล่อนตื่นขึ้นมาด่ากราด จนเขาเสียผู้เสียคน...ปากหล่อนยังกับกรรไกร ดวงตาคมดุเหมือนเสือสาว มันน่ากลัวหยอกเมื่อไรล่ะ
“ไม่เอาน่าไอ้ริน ไม่ร้องสิ เข้มแข็งไว้” ศินารากระซิบปลอบใจตัวเอง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
“เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไปเองแหละน่า เราไม่ได้ขโมยของเขามาสักหน่อย”
น้ำร้อนๆ ไหลเอ่อจ่อที่หัวตา เธอยกมือขึ้นกรีดน้ำตาและเชิดหน้าขึ้น สักวันความจริงต้องปรากฏ เมื่อเธอไม่ใช่คนผิด อีกอย่างน้ำตาไม่ได้ช่วยให้เรื่องคลี่คลายลงได้ มันต้องใช้ปัญญา เธอต้องหาทางเอาตัวรอดเอง!!
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ คุณได้ของๆ คุณคืนไปแล้ว เมื่อไรจะปล่อยฉันเสียทีล่ะ”
ศินาราเปิดฉากฉะ!! เมื่อฟาเบียนโผล่หน้าเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง หลังจากเธอหลับยาวและพึ่งตื่น
“ยังหาความจริงไม่ได้เลย... รอให้ค้นเจอว่าเธอขโมยแหวนมาได้ยังไงฉันถึงจะปล่อย”
ฟาเบียนพูดเสียงเรียบเรื่อย...เขาไหวไหล่และเดินไปทรุดตัวนั่งบนโซฟาหน้าตาเฉย...
หญิงสาวโกรธจนตัวสั่น เขาช่างเป็นผู้ชายที่เข้าใจยาก!! ขยันทำให้เธอโกรธได้ตลอดเวลา แทบจะทุกสิบนาทีเลยเชียวล่ะ
“หิว...เธอไม่หิวไง?...แผดเสียงแวดๆ แบบนั้น...ไม่หมดแรงรึ?”