หลังจากที่มั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเองวันนี้เธอเลยทำเมนูสุดพิเศษที่ได้อาจารย์คนเก่งสอนอย่างตั้งใจมาให้ภคินที่บริษัท
“สวัสดีค่ะน้องมาหาใครคะ”
“มาหาพี่โภคินค่ะ”
“นัดเอาไว้หรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้นัดค่ะ ช่วยบอกเขาทีนะคะว่าคู่หมั้นมา” ตอนแรกเธอก็ยังไม่อยากจะป่าวประกาศหรอกว่าเธอเป็นใครแต่เธอทนพฤติกรรมของคนตรงหน้าไม่ได้เลยต้องใช้ตำแหน่งของตัวเองมาเกาะป้องกันจากคนที่คิดจะดูถูกเธอด้วยสายตา
“คะ คู่หมั้นหรอตลกนะคะ ดิฉันยังไม่เคยได้ยินเลยว่าคุณโภคินเขาหมั้นแล้ว”
“งั้นไม่รบกวนคุณก็ได้ค่ะ” หญิงสาวไม่รอช้าต่อสายหาชายหนุ่มทันทีรอไม่นานเขาก็เดินออกมารับเธอที่หน้าห้องและเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน เลขาคนสวยหน้าเสียที่รู้ตัวแล้วว่าเธอทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจเสียแล้ว มันจะส่งผลกับงานของเธอไหมนะ
“เลขาคนเก่าไปไหนหรอคะ” เลขาคนเก่าของเขาไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้นี่หน่าเธออดที่จะถามเขาออกไปไม่ได้
“เขาลาคลอดน่ะครับพี่เลยต้องหาคนอื่นมาแทนก่อน” เขาก็เสียดายเหมือนกันที่เลขาคนเก่งลางานเลยต้องหาคนมาแทนแก้ขัด
“คนนี้ฟองดูว์ว่าไม่ผ่านนะคะ หวงเจ้านายเกินหน้าที่” เธอบอกเขาออกไปน้ำเสียงงอนๆ เธอไม่ชอบให้เขาอยู่ใกล้ผู้หญิงสาวๆสวยๆ
“ฮ่าๆ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับ” ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจออกมาเมื่อเห็นอาการของคนตัวน้อย
“ไม่รู้สิคะความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น”
“ถ้าฟองดูว์ไม่สบายใจพี่เปลี่ยนคนใหม่ก็ได้นะครับ”
“อย่าเลยค่ะฟองดูว์ไม่อยากเห็นใครต้องตกงาน”
“แม่พระจริงๆเลยครับคู่หมั้นของพี่” เขาอดที่จะชมอีกฝ่ายไม่ได้เพราะเธอเป็นคนใจกว้างไม่เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาใส่ใจหรือถือโทษเขา
“ย้ำจังเลยนะคะคู่หมั้นเนี่ย”
“อ้าวก็แล้วไม่จริงหรอครับ” ชายหนุ่มคว้าข้อมือบางมาจับแล้วจูบเบาๆที่แหวนเพชรเม็ดงาม สาวสวยเขินอายแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอทั้งที่เธอไม่ได้ร้องขอ
“จริงค่า มาทานของอร่อยดีกว่าค่ะ วันนี้ฟองดูว์ตั้งใจทำให้เลยน้า” เธอชูกล่องอาหารสีหวานให้ชายหนุ่มดู จากนั้นเธอก็นำไปวางไว้ที่โต๊ะเล็ก ห้องของชายหนุ่มมีโซนพักผ่อนด้วยมุมนี้เลยเหมาะแก่การทานอาหารแสนอร่อยของเธอ
“ขอบคุณครับ” เขาเดินมานั่งลงข้างๆเธอ เธอมองไปที่โต๊ะก็เห็นว่าเอกสารของเขามากมายเหลือเกิน เขาเก่งมากๆแม้จะต้องหัวหมุนกับงานก็เถอะ
“ช่วงนี้งานเยอะหรอคะเอกสารเป็นกองสูงเชียว”
“ครับ ช่วงเดือนสองเดือนนี้ยุ่งๆ พี่ต้องรีบสะสางครับไม่อย่างนั้นก็คงอีกนานกว่าเราจะเตรียมงานแต่งงานเสร็จ”
“เหนื่อยไหมคะ” เธอยื่นมือไปสัมผัสแก้มสากของคนตัวโตอย่างถือวิสาสะ
“พี่โภคินเต็มใจจะแต่งงานกับฟองดูว์ใช่ไหมคะ” เธอถามเขาออกไปน้ำเสียงแผ่วเบา จนทุกวันนี้เธอยังไม่แน่ใจเลยว่าเขาถูกบังคับหรือว่าเต็มใจที่จะมาเกี่ยวข้องกับเธอ
“เต็มใจสิครับ รู้ไหมว่าไม่มีใครมาฝืนใจพี่ได้หรอก” เขาจ้องมองในดวงตาของคนตัวเล็กที่มันกำลังไหวระริก
“ค่ะ ฟองดูว์เชื่อ แบบนี้ฟองดูว์ค่อยโล่งใจ” คำตอบของเขาทำให้เธอรู้สึกโล่งใจและยิ้มออกมาเต็มใบหน้า เธอรู้สึกว่าวันนี้อาหารที่เธอตั้งใจทำอร่อยกว่าทุกวันเลย ชายหนุ่มทานอาหารที่เธอทำจนหมดและชมเธอไม่หยุดมาก
“เราแต่งงานกันไปแล้วพี่จะยังได้ทานของอร่อยแบบนี้อีกไหมครับ” เขาถามออกไปยิ้มๆทั้งที่รู้ว่าไม่ว่าจะเมื่อไรเอก็พร้อมจะทำให้เขาทาน
“ได้สิคะ พี่โภคินบัญชามาได้เลยค่ะว่าอยากทานอะไรเดี๋ยวฟองดูว์จะจัดการให้”
“ขอบคุณครับ แต่ทำหลายๆมื้อเข้าจะเหนื่อยเอานะครับ”
“เหนื่อยแต่มีความสุขฟองดูว์สู้ตายค่ะ”
“น่ารักที่สุดเลยครับ” จบประโยคของชายหนุ่มหญิงสาวก็โผตัวเข้ากอดเขาอย่างแสนรัก เขากอดตอบเธอแล้วก็โยกตัวของเธอไปมาเบาๆ มีความสุขจังเธอชอบอ้อมกอดของเขาที่สุดในโลกเลยเพราะมันอบอุ่นเหมือนได้กอดอ้อมกอดของคุณพ่อเลยเธอรู้สึกปลอดภัยมากๆ
หลังจากมื้ออาหารเธอก็ตรงไปหาเพื่อนสาวทันที รายนั้นพอเห็นว่าเธอมาก็พูดถึงเรื่องที่พี่ชายของเธอพาเจ้าหล่อนไปช้อปปิ้งไม่หยุด เธอรู้ว่าเพื่อนมีความสุขมากแต่ไม่ต้องพูดเธอกรอกหูซ้ำๆก็ได้มั้ง
“รอบที่สามแล้วค่ะคุณเพื่อน”
“ก็คนมันปลื้มอ่ะขอพูดอีกรอบไม่ได้หรอ”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ว่าแต่พี่เบญแกรู้จักกับพี่เขาได้ไงอ่ะ”
“เรื่องมันยาวอ่ะ”
“โถ่ ยาวแค่ไหนเพื่อนคนนี้ก็พร้อมรับฟังอ่ะ อย่าหาว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะฉันไม่ชอบสายตาที่พี่ฟอสมองพี่เบญเลยอ่ะมันอ่อนโยนเกินไป”
“อะไรๆอิจฉาพี่เบญเขาหรอ”
“เล่ามาค่ะคุณเพื่อน” ฟองดูว์เลือกที่จะเล่าเรื่องราวของเธอกับเบญญาให้เพื่อนฟังตั้งแต่ตน อีกฝ่ายรับฟังอย่างตั้งใจแล้วก็สรุปออกมาได้เหมือนกันว่าผู้หญิงอย่างเบญญาน่าสงสารมาก
“อย่างนี้นี่เอง พูดแล้วก็เจ็บแทนอ่ะ แต่บอกไว้เลยถ้าเป็นฉันฉันเอาไอ้ผู้ชายคนนั้นตายแน่ไม่ก็เรียกค่าเลี้ยงดูโหดๆ”
“ดูแค้นนะแกอ่ะ”
“ก็มันจริงอ่ะ” น้ำค้างตอบกลับหน้ายู่