"กาแฟแก้วใหม่ ไม่ใส่เกลือค่ะ" ลูกสาวของเพื่อนแม่ เธอวางแก้วกาแฟใบใหม่ลงตรงหน้าของผม
"....." ผมเงยหน้าจากเอกสาร แล้วมองหน้าเธอนิ่ง ๆ ส่วนเธอก็ยืนยิ้มให้เหมือนลุ้นอะไรบางอย่าง
ผมยกแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นมาดื่ม แตะชิมก่อนที่จะยกจนเต็มคำ รสชาติที่เธอทำมานี้ คือบอกเลยไม่ถูกใจผมสักนิด ทำไมเธอไม่ได้ดั่งใจผมเอาซะเลย
"เป็นยังไงบ้างคะ ใช้ได้ไหม? รอบนี้ฉันตั้งใจชงให้มากเลยนะ กลัวแผ่น เอ๊ย!! กลัวท่านประธานจะกินไม่ได้ สรุปกินได้ไหมคะ?"
ผมละเหนื่อยแทนเธอจริง ๆ คนอะไรพูดได้เป็นต่อยหอย พูดยาวต่อเนื่องอย่างกับหายใจทางเหงือกงั้นแหละ
"ดีกว่าเดิม" ผมตอบออกไปสั้น ๆ
"เหรอคะ? เฮ้อ ค่อยสบายใจหน่อย มันอร่อยใช่ไหมละคะ อร่อยใช่ม๊า"
เธอมีท่าทางดีใจเมื่อได้ยินคำตอบจากผม จากที่ยืนอยู่ห่างพอประมาณ แต่ตอนนี้ขยับเข้ามายืนข้างตัวผมแล้ว สีหน้าของเธอดีสดใส แล้วยังย้อนถามผมซ้ำกับกาแฟของเธอ...
"ผมบอกแล้วเหรอว่ามันอร่อย" ผมเงยหน้ามองด้วยแววตาที่แสนระอาเธอ
"อ้าว...ก็เมื่อกี้ท่านประธานบอกว่าใช้ได้นี่คะ มันก็ต้องอร่อยสิ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้พูดแบบนี้อะ โธ่ ฉันก็อุตส่าห์ตั้งใจชงสุดฝีมือ"
เธอยืนบ่นข้าง ๆ ผมนี่แหละครับ บ่นเก่งเหลือเกิน ไหนแม่ของผมบอกว่าฉลาดนักไง ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงต้องให้ผมอธิบายขยายความต่อ
"ถามจริง" ผมลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางนิ่งขรึม
"ถามอะไรคะ...ว่ามาค่ะ" เธอที่อยู่ใต้ความสูงของผมย้อนถาม ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
"เวลาคุณพูด คุณหายใจทางไหน?"
ผมถามออกไปเลยครับ ด้วยความอยากรู้ หรืออีกความคิดของผมนั้นคือ ผมกำลังต่อว่าเธอทางอ้อม ก็เธอมันดูน่ารำคาญนี่นา พูดจาได้ไม่หยุดหย่อน
"นี่คุณว่าฉันพูดมากเหรอ!"
เหมือนสิ่งที่ผมสื่อออกไป เธอจะเข้าใจแล้วสิ ทีงี้ทำไมดูฉลาดและเข้าใจง่าย
"ผมพูดแบบนั้นเหรอ"
ผมไหวไหล่ให้ แล้วพูดออกไป ก่อนจะตั้งท่านั่งลงเก้าอี้ตามเดิม แต่ว่าฟ้าสิตางคุ์เธอจับไหล่ผมให้หันกลับไป สีหน้าของเธอตอนนี้ดูไม่พอใจผมเอามาก ๆ แล้วไงล่ะ ผมต้องสนใจเธอหรือไง เธอทำให้ผมเสียเวลาอันมีค่าไปแบบไร้สาระมาหลายนาทีแล้ว
"คุณไม่ได้พูดหรอก แต่ประโยคที่คุณสื่อมามันใช่!"
เธอตวาดเสียงใส่ และจ้องมองผมด้วยแววตาที่ดูอาฆาต โกรธโมโห คำว่าท่านประธานที่เธอควรพูดก็หายไป เหลือไว้เพียงคำว่าคุณเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจอะไร เพราะตอนนี้อยู่ในห้องทำงานที่ไม่มีใคร แต่ว่าหากอยู่ภายนอก ผมก็อยากรักษาภาพลักษณ์ของผมไว้ ไม่อยากให้ใครมองเธอว่าดูเหลื่อมล้ำคนอื่น พนักงานทุกคน ทุกตำแหน่งจะต้องเสมอภาคกัน ไม่ว่าจะเข้ามาทำงานด้วยวิธีการใดก็ตาม
"ทำไมแบบนี้ฉลาด" ผมย้อนเธออีกครั้ง
"นายว่าฉันโง่เหรอ ห๊ะ!!"
เหมือนเธอจะฟิวขาดแล้วล่ะ เพราะตอนนี้เธอจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง ขบฟันแน่นและจับต้นแขนผมไว้ เมื่อผมจะหันหน้าหนี้ และสรรพนามตอนนี้ก็เปลี่ยนไปคนละขั้วเลย
"นี่ที่ทำงานของผม ระวังคำพูดของคุณด้วย"
ผมย้ำเตือนเธอออกไป เมื่อเห็นแล้วว่าเธอเหมือนจะโกรธจัด มันน่าโกรธตรงไหน ผมไม่ได้พูดอะไรที่หยาบคายสักหน่อย
"นาย!..."
"ท่านประธาน"
เธอชี้หน้าหวังด่าผมแน่นอน แต่ผมดักทางเธอไว้ก่อน สีหน้าของเธอตอนนี้แดงเถือกเพราะโมโห
"ชิ!!" เธอสะบัดเสียงใส่ผมเลยครับ หมดกันแล้วสำหรับคราบประธานบริษัทตอนนี้ ขนาดเลขายังสะบัดเสียงใส่
แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันน่ารักล่ะ ทั้งที่เธอก็ทำแบบผู้หญิงธรรมดาทั่วไป เธอยืนมือกอดอกแล้วหันหน้าหนี ไม่ได้มองหน้าผม มีแต่ผมที่ยืนมองเธอด้วยสีหน้านิ่ง ๆ แต่ว่าภายในใจของผมนั้นมันกลับยิ้มกับท่าทีของเธอตอนนี้...คืออะไร?
(ฟาส)
ฉันอยากจะสาดหมัดหนัก ๆ ใส่เขาจริง ๆ ผู้ชายอะไรร้ายกาจปากกรรไกร ทั้งที่เขาก็ไม่ได้พูดเยอะ แต่มันโคตรจุกเลยที่ได้ฟัง
"ไม่ทำงาน?"
เขาย้อนถามฉันเสียงตึง ไม่ตึงแค่เสียงนะ หน้าก็ตึงอย่างกับไปฉีดโบท็อกมางั้นแหละ
"แล้วจะให้ทำอะไรละคะ"
ย้อนคืนสิรออะไร ก็ในเมื่อไม่มีคนสอนงานให้ ฉันไม่ได้ตรัสรู้เองได้สักหน่อย แม้ว่าฉันจะฉลาดมากก็เถอะ แต่มันก็ควรรู้หน้างานก่อนไหม
"ไปลากเก้าอี้มานั่งข้างผม" แค่พูดแค่นี้ยังเก๊ก!
ฉันเดินไปลากเก้าอี้มา แล้วก็นั่งลงข้างเขา ก็ไม่รู้ว่าให้ลากมาทำไมนะ แต่ก็ยอมลากอะแหละ ขี้เกียจทะเลาะด้วย เพราะทะเลาะกับเขาก็เหมือนฉันทะเลาะกับธาตุอากาศ
"ทำหน้าให้มันดี ๆ เป็นเลขา ทำหน้าอย่างกับเป็ดป่วย"
เขามองหน้าฉันแล้วพูด อยากจะต่อยปากจริง ๆ
"เคยเป็นเปรต อุ๊ย!! เป็ดเหรอคะ ถึงรู้ว่าเป็ดป่วยเป็นแบบไหน?"
ฉันเอาคืนค่ะ เอาให้จุกไปเลยเล่นกับใครไม่เล่นนี่ ฟ้าสิตางคุ์นะคะ หึหึ พูดแล้วยิ้มสวย ๆ แผ่นดินนี่ขมวดคิ้วเลยค่ะ ในแววตาเขาอาฆาตฉันเลยล่ะ แต่ฉันไม่กลัว!
"นี่!!"
"โอ๊ะ! มือถือมีสายเข้าค่ะท่านประธาน"
ฉันรอดจ้า เพราะว่ามือถือของเขาที่วางบนโต๊ะ มีสายเรียกเข้ามาพอดี ฮ่าฮ่าฮ่า
"..........." เขาจ้องหน้าฉันอย่างเราเรื่อง และกำลังจะยกมือขึ้นดีดหน้าผากของฉัน แต่ต้องรีบหยิบโทรศัพท์มือถือ แล้วลุกไปคุยตรงระเบียง
ฉันมองแผ่นหลังหนา ที่อยู่ในชุดสูทสีเข้ม มือข้างที่ว่างเว้นล้วงกระเป๋ากางเกง ท่าทางของเขาดูทะมัดทะแมงน่าเกรงขาม ไม่ว่าเขาจะขยับท่าไหน ทำไมมันดูมีเสน่ห์นักในสายตาของฉันตอนนี้
"ครับ....เข้าใจครับ......มันจะต้องไม่ปริปากพูด....อีกไม่นานมันจะจบลง.......ลมหายใจของผมหรือมันจะสิ้นสุดลง ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณ....."
เขายืนหันหลังแล้วพูดสาย แต่ทำไมคำพูดและประโยคที่ฉันได้ยิน ฟังแล้วขนลุกขนพอง สีหน้าของแผ่นดินดูมีความกังวลมาก เหมือนกับว่าเรื่องที่เขาคุยกับใครสักคน มันเคร่งเครียด ฉันแอบเอียงคอมองเขา เอียงหูโน้มตัวเข้าไปใกล้มากที่สุด แต่ก็ยังนั่งอยู่เก้าอี้ที่เดิมนั่นแหละ ฟาสไม่ได้อยากรู้หรอกนะคะ ไม่ได้อยากรู้เล๊ย!!
"อุ๊ย!!"
ฉันรีบกรูกลับมานั่งท่าเดิมนิ่ง ๆ เมื่อสายตาของแผ่นดินมองมาที่ฉัน หัวคิ้วแทบชนกัน ดวงตาของเขาจ้องกินหัวฉัน เมื่อเห็นท่าทางขี้เผือกที่ฉันทำ...ว่าจะไม่ให้เขารู้ตัวแล้วเชียว เสียท่าหมดฟาสเอ๊ย!
"ครับ...หวังว่าผมจะได้ยินข่าวดีจากคุณ...สวัสดีครับ"
เมื่อเขาเห็นฉันเหมือนจะแอบฟัง เขาก็รีบพูดตัดบทกับปลายสายทันที ทำไมความรู้สึกของฉันมันเหมือนกำลังจะมีอะไรบางอย่างไม่สู้ดีคืบคลานเข้ามานะ....เรื่องที่แผ่นดินคุยกับใครสักคน มันคือเรื่องอะไรกัน ทำไมมันทำให้ฉันสงสัยหนักขนาดนี้
"ลมหายใจของผมหรือมันจะสิ้นสุดลง..."
ทำไมประโยคนี้มันถึงฟังดูร้ายแรง เหมือนกับจะมีการตายเกิดขึ้น!!....ฉันสงสัยและอยากจะรู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกัน?
*****8