(แผ่นดิน)
"ผมมีธุระต้องไปข้างนอก" ผมวางสายแล้วหันไปพูดกับแม่เลขาหน้ายังกับเป็ดป่วย
"แล้ว?" มีแต่สีหน้าแสนซื่อที่ผมเห็นตอนนี้ บางทีฟาสก็เหมือนโง่ แต่บางทีก็เหมือนฉลาด
"...หน้าที่เลขา?"
"ฉันรู้ค่ะฉันรู้...แต่ให้ฉันสงสัยไม่ได้หรือไงกันค่ะ แค่ฉันถามคุณก็ตอบสิ ทำไมต้องว่าฉันด้วยล่ะ คุณนี่นะทำไมถึงต้องเก๊กขนาดนั้น ถามจริงว่าไม่เหนื่อยบ้างหรือไง แล้วไอ้คำพูดน่ะพูดอีกนิดหน่อย คุณคงไม่ขาดใจตายหรอกมั้ง คำพูดแค่.......อื้อ...อันอังอูดไอ้อบ~~~"
ผมพูดไปสี่คำ แต่ฟาสเล่นไล่ยาวจนผมฟังไม่ทัน จนต้องเอามือปิดปากเธอไว้
"เงียบ!!" ผมตะเบ็งเสียงแข็ง แล้วจ้องตาเธอ สายตาของผมที่มันค่อนไปทางดุดัน สายตาที่ใครได้มองก็เป็นต้องหลบ เพราะมันดูน่ากลัว
"อำไออ้องอวาดอ้วย"
(ทำไมต้องตวาดด้วย)
ดูสิครับนี่ขนาดผมเอามือปิดปากไว้ เธอก็ยังพยายามจะพูดให้ได้...สมกับชื่อฟาสจริง ๆ
"พูดอย่างกับคนไม่เคยได้พูด" ผมว่าออกไปเสียงนิ่ง พร้อมกับเอามือออกจากปากของเธอ
"นี่คุณ!...ว่า..."
"หยุด! แล้วตามมา"แค่เห็นหน้าเธอเท่านั้นแหละ ผมรีบชี้หน้าและพูดดักเลยครับ เพราะยังไงเธอโวยวายแน่ ๆ ก่อนจะเดินนำหน้าเธอไปอย่างไม่คิดสนใจ
******
บนรถยนต์ ทางหลวงชนบทที่แทบไม่มีรถยนต์วิ่งผ่าน เวลา 17.15 น.
"อืม...ผมกำลังไป...รอผมอยู่ที่นั่น...ได้...อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง..."
ผมคุยสายเรื่องสำคัญเกี่ยวกับงานที่ทำ ที่เห็นเหมือนจะไม่วุ่นวาย ที่ไหนได้มันซับซ้อนอยู่เหมือนกัน และก็ใช่ว่าจะปลอดภัย อันตรายมีรอบด้านเพราะความต้องการของคนมันไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนอยากเป็นที่หนึ่งทั้งนั้น แม้กระทั่งผมที่ไม่คิดจะเป็นรองใคร
"ชิ!"
ผมแนบโทรศัพท์มือถือกับหู ฟังปลายสายรายงานไปเรื่อย ๆ สายตาของผมก็หันไปมองเธอที่นั่งข้าง ๆ แต่เธอกลับสะบัดเสียงใส่ผมซะงั้น
ผมมองเธอแล้วแอบอมยิ้มเบา ๆ ถ้าไม่สังเกตุดี ๆ คงไม่เห็นหรอกว่าผมกำลังยิ้มอยู่ ด้วยความนิ่งขรึมของผมมันจึงยากที่ผมจะยิ้มให้ใครเห็น แต่ตอนนี้ เวลานี้ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้คิดอมยิ้มกับท่าทางของผู้หญิงที่ร่วมเดินทางมาด้วย
ปัง! เอี๊ยด!!!!
"ว๊าย!...กรี๊ด!!"
"ฟาส!"
เสียงปืนดังขึ้นทำให้ฟาสเธอร้องอย่างตกใจ พร้อมกับปิดหูสองข้าง ท่าทางตกใจของเธอ ทำให้ผมรีบคว้าเธอมากอดไว้ พร้อมกับกดตัวลงให้ต่ำที่สุด
"ผะ แผ่นดิน...เกิดอะไรขึ้นคะ"
"บังคับรถให้อยู่! เหยียบให้เร็วที่สุด"
เธอถามผมด้วยน้ำเสียงที่ติดขัด ดวงตาของเธอเริ่มแดง มีน้ำตาเอ่อคลอเบา ๆ ในดวงตา เธอคงหวาดกลัวมากกับเหตุการณ์ที่กะทันหันแบบนี้
"ไม่ต้องกลัว หมอบให้ต่ำที่สุด...ฟาสจะปลอดภัย" ผมบอกคนที่อยู่ในการปกป้อง แต่เธอกลับเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าที่ตะลึง จะมาตะลึงอะไรตอนนี้ จะตายกันยกคันอยู่แล้ว
ปัง! ปัง!
"ผมถูกลอบยิง!...ให้คนมาช่วยที ไม่ไกลจากที่เรานัดกัน" ผมละความสนใจ แล้วรีบยกมือถือบอกแล้วสั่งการ
"แผ่นดิน ฟะ ฟาสกลัว" คนที่ผมกอดอยู่ เธอตัวสั่นเทิ้ม พร้อมกับพูดตะกุตะกัก เธอกอดเอวของผมแน่นคงจะกลัวมาก และเหมือนเธอจะร้องไห้ สัมผัสได้จากเสื้อเชิ้ตสีขาวของผมมันชุ่ม นั่งคงเพราะน้ำตาของเธอ
ปัง! ปัง! เสียงปืนยังดังต่อเนื่อง รถยนต์ก็ส่ายไปมา ดีที่รถยังไม่ถูกยิงยางแตก ไม่งั้นผมและทุกคนคงแย่กว่านี้
"อึก!!!"
(ฟาส)
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉันแทบเสียสติ ฉันกลัวมากกับเสียงปืน มันเป็นเสียงที่ฉันไม่ชอบสักนิด ฉันหวาดกลัวเสียงปืนตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น
ฉันตัวสั่นโดยมีแผ่นดินกอดฉันไว้แน่น และฉันก็กอดตัวเขาไว้อย่างต้องการการปกป้อง มือที่กำเสื้อของแผ่นดินตรงช่วง มันรู้สึกเปียก ๆ ฉันคลำตัวของแผ่นดินด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะยกขึ้นดูจึงเห็นเป็นเลือดสีแดงสด
"แผ่นดิน! คะ คุณถูกยิง"
"ผมไม่เป็นไร"
ฉันเบิกตาโตตกใจ ผละจากอ้อมกอดของเขา ก้มมองไปยังจุดที่กำลังมีเลือดสีแดงค่อย ๆ ไหลซึมทะลุเสื้อเขาออกมา
"แต่เลือดคุณออก" ฉันตกใจมาก เห็นเลือดสีแดงที่ไหลไม่หยุด จึงเอามือช่วยกดห้ามเลือดให้เขา
"นายเป็นไงบ้างครับ ไหวไหม" คนขับรถเอ่ยถาม ฉันไม่ได้สนใจหันไปมอง สายตาจ้องแต่บาดแผลของเขา น้ำตาของฉันก็คลอเบ้าตา เขาต้องเจ็บมากแน่ ๆ
"ไหว...นายรีบขับไปให้เร็วที่สุด" แผ่นดินที่หน้าบิดเบี้ยว เขาคงเจ็บแผลทุกครั้งที่ถูกสะเทือนตามแรงรถที่วิ่ง
ปัง! ปัง! ปัง!....
"กรี๊ด!!! ฮือ~~~กลัว ฟาสกลัว"
เสียงปืนดังระรัวถี่ขึ้นอีกครั้ง มันทำให้ฉันสติแทบแตก ใช้มือปิดหูสองข้างไว้ แล้วก้มตัวต่ำลงแทบราบกับพื้นรถยนต์ และเหมือนมีตัวของแผ่นดินโอบชิดฉัน เหมือนเขาเป็นเกาะกำบังให้
"มีคนมาช่วยเราครับนาย" ฉันได้ยินเสียงคนขับรถนะ แต่ว่าฉันกลัวจนแทบไม่อยากมองรอบด้านเลยตอนนี้ มือสั่น ขาสั่น ตัวสั่นไปหมดแล้ว
"คงเป็นมิค เหยียบคันเร่งให้ไว" นี่เสียงของแผ่นดิน
"ฟาส...โอเคไหม เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ไม่ต้องกลัวดินอยู่นี่" แผ่นดินพูดในขณะที่โอบฉันไว้ คำแทนตัวที่ฉันรู้มาว่าเขาไม่เคยพูดกับใคร แต่ทำไมฉันได้ยินล่ะ หรือว่าฉันจะหูฝาด
"ดิน? ว่าอะไรนะ...แทนตัวเองว่าดินเหรอ" ฉันอยากรู้ไงเลยรีบถามออกไป
"........." แผ่นดินมีสีหน้าเหลอหลา แต่ก็ปรับให้เป็นนิ่งขรึมเหมือนเดิม เขาไม่พูดตอบคำถามของฉัน แต่กลับโอบฉัน เอาตัวเป็นเกาะกำบังไว้ดังเดิม
"แผ่นดิน" ฉันเรียกเสียงเบา
"เงียบสักทีเถอะน่า..." แต่แผ่นดินเขากลับชักสีหน้าใส่ฉันอย่างไม่สบอารมณ์ เหมือนสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ได้ตั้งใจ
"แค่สงสัยเอง ทำไมต้องทำเหมือนรำคาญ คนมันรู้ไม่ได้หรือไง" ฉันก็บ่นยุบยิบในอ้อมกอดเขานั่นแหละ
"ถ้ายังไม่หยุดบ่น ผมจะให้พวกมันยิงคุณทิ้งซะ...อ๊ะ!"
"เจ็บแผลเหรอคะ"
เขาคงรำคาญจริง ๆ เพราะคนแบบแผ่นดินเขาชอบนิ่ง นิ่งจนขี้เก๊กแล้วฉันก็หมั่นไส้ เมื่อสีหน้าของเขาไม่ค่อยดี คงเพราะเสียเลือด ฉันก็อดห่วงเขาไม่ได้
"ใกล้ถึงบ้านมิคหรือยัง" แผ่นดินถามคนขับรถ
"คุณนั่งพิงตรงนี้นะคะ พวกนั้นไม่ตามมาแล้ว" ฉันเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหมือนเจ็บปวด ฉันจึงค่อย ๆ พยุงแผ่นดินให้นั่งพิงข้างรถ เขาหายใจแรงมาก หน้าก็เริ่มซีดเซียว ฉันนั่งคุกเข่า แล้วช่วยกดแผลให้เขามือของเราสองคนทาบทับกัน แต่มันคือการช่วยเหลือเบื้องต้นที่ฉันนึกออก
รถยนต์เริ่มเคลื่อนตัวมา สองข้างทางที่แทบไม่มีบ้านคนเลยสักหลัง นอกจากป่าและไร่ข้าวโพดมากมาย ฉันก็ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ไม่ใช่กรุงเทพฯ แน่ ๆ
"เราจะไปกันที่...อุ๊ป!!"
ฉันเสียหลักเมื่อรถยนต์เลี้ยว จนทำให้ตัวของฉันเซถลาไปหาแผ่นดิน จนมันทำให้ปากของฉันกับเขาบรรจบกัน
เหมือนเราสองคนจูบกัน! 0.0