“เหตุใดเจ้าทำตัวอัตคัดยิ่งนัก”
จ้าวจื่อรั่วถูกตำหนิก็นิ่งไป นางก้มมองตนเองไม่ได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นดวงตาคมกริบจ้องมองอยู่ หรือเขาจะคิดว่านางทำตัวไม่สมฐานะเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพ
“ข้าเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้วไม่ควรแต่งกายสีสันฉูดฉาด เกล้าผมก็ทรงของสตรีที่ออกเรือน ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพต้องการให้ข้าปรับปรุงจุดไหนเจ้าคะ”
นางถามกลับด้วยแววตาใสซื่อแต่ทำเอากู้ตงหยางอยากกระอักโลหิตออกมา นางช่างกล้าต่อปากต่อคำกับเขานัก แต่เขาเป็นบุรุษทั้งแท่งจะมาโต้เถียงกับสตรีก็ไม่ใช่เรื่อง เขาจึงนั่งลงที่เก้าอี้กลมแล้วโบกมือไปมา
“ไปยกน้ำแกงของเจ้ามา”
“เจ้าค่ะ”
หญิงสาวก้าวออกไปแล้ว เขาจึงกวาดตามองโดยรอบอย่างสำรวจ ทุกอย่างเรียบง่ายจนน่าประหลาดใจ ผิดกับห้องของเฉี่ยวฉู่ เขาไม่ได้ช่วยเพียงนาง แต่สตรีอีกหลายคนที่ถูกช่วยมาพร้อมกัน แต่นางอ้างว่าตนเป็นบุตรสาวของเฉี่ยวโจว เจ้าเมืองต้าเหลียง เขาจึงรับตัวนางไว้และให้คนส่งข่าวเพื่อไปแจ้งกับบิดาของนาง จะได้ส่งคนมารับคนกลับไป
ครู่ต่อมาจ้าวจื่อรั่วประคองถาดใส่อาหารเดินกลับเข้ามา นางวางอาหารบนโต๊ะแล้วค่อยปรนนิบัติเขาอยู่ด้านข้าง
“เจ้าเข้าครัวเอง?”
“ทางโรงครัวส่งสำรับอาหารมาครบทุกมื้อ แต่ข้าอยู่ว่างๆ จึงทำอะไรเล่น ท่านแม่ทัพลองชิมดูนะเจ้าคะ”
นางเกรงว่าเขาจะตำหนิผู้อื่น ปกตินางอยู่ที่จวนสกุลจ้าวก็เข้าครัวทำอาหาร ทั้งของตัวเองและน้องๆ รวมทั้งของผู้อื่น ยามมารดายังมีชีวิตอยู่ เพราะมีบุตรชายจึงไม่ค่อยมีใครกล้ารังแก แต่เมื่อมารดาตายและน้องยังเล็ก น้องชายคนรองอายุสิบสองขวบ คนเล็กเพียงหกขวบ นางจึงต้องเข้มแข็งดูแลน้องๆ ด้วยตนเอง
กู้ตงหยางชิมน้ำแกงหัวปลา หลังกลืนน้ำแกงลงท้องแล้วรู้สึกสบายตัว นอกจากอาหารอุ่นร้อนพอดีแล้วยังให้รสชาติกลมกล่อมอีกด้วย
จ้าวจื่อรั่วเห็นเขากินไปหลายคำจึงใจชื้น กล้าเอ่ยถามเขา “ท่านแม่ทัพจะรับข้าวไหมเจ้าคะ ยังมีปลาผัดเปรี้ยวหวานกับ ผัดผักเจ้าค่ะ”
เขาพยักหน้าแทนคำตอบรับเพียงแค่นั้นหญิงสาวก็หมุนตัวเดินออกไป เขาแปลกใจที่นางไม่เรียกคนรับใช้ ก็นึกได้ว่า เสี่ยวฉู่อุ้มแพะไปเก็บ แต่นางก็ใช้เวลาไม่นาน อาหารก็วางบนโต๊ะ แม้เป็นอาหารง่ายๆ แต่เลิศรสไม่น้อย เขาเองยังไม่กินมื้อเย็นจึงเผลอกินเข้าไปจนเกลี้ยงทุกอย่างจึงนึกได้ว่า... อาหารบนโต๊ะเป็นของนาง ครั้นจะถามก็ปากหนักเกินไป จึงได้แต่ทำหน้านิ่งและรับน้ำชาจากนางมาดื่ม
“ไม่รู้ว่าคนสกุลจ้าวกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนถึงกล้าส่งสาวใช้มาเป็นฮูหยินแม่ทัพใหญ่เช่นข้า”
จ้าวจื่อรั่วได้ยินพลันชะงักมือไปเล็กน้อย แต่ยังส่งผ้าเปียกให้เขาเช็ดมือ
“เป็นเพราะราชโองการของฮ่องเต้ หากไม่แล้ว ข้าเป็นเพียงลูกอนุไม่อาจเอื้อมตำแหน่งสูงส่งนี้” นางกล่าวอย่างเจียมตัว “แต่ท่านวางใจได้ ข้าจะอยู่ในที่ของตนเองอย่างสงบเจ้าค่ะ”
‘อยู่ในที่ของตัวเอง’
เขาเค่นเสียงหัวเราะในลำคอแล้วยื่นหน้าไปใกล้หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างเราเจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อนอย่างไร เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย”
พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้
ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
“ขนมดอกกุ้ยของฮูหยินนี่อร่อยยิ่งนัก”
“พวกเจ้านี่ก็อย่างไรกัน ปล่อยให้ฮูหยินเข้าครัวแล้วพวกเจ้านั่งกิน!”
“ก็ฮูหยินไม่ให้เราช่วยนี่”
“ยังจะเถียงอีก”
“เอาเถิด เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง”
จ้าวจื่อรั่วหัวเราะน้อยๆ มองดูบ่าวไพร่ในครัวพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง หลังจากอยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือน นางสนิทสนมกับทุกคน จดจำชื่อของพวกเขาและตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละคนได้ ยิ่งรู้ ยิ่งนับถือแม่ทัพกู้ตงหยาง ภาพนอกดูโหดเหี้ยมแต่แท้ที่จริงห่วงใยผู้อื่น เหล่าบ่าวไพร่ในจวนล้วนเป็นญาติพี่น้องของคนในกองทัพที่ไม่มีที่ไป บางคนบาดเจ็บพิการไม่มีญาติพี่น้อง ท่านแม่ทัพก็ให้อยู่ในจวน ทำงานเล็กๆ น้อยๆ มีหญิงหม้ายที่สามีตายในสนามรบและไม่มีที่ไปก็มาอยู่ช่วยงานในจวน หากบางคนอยากออกไปตั้งตัว ท่านแม่ทัพก็ให้พ่อบ้านจัดการดูแลต่อไป
แม้เขาไม่เห็นนางเป็นภรรยา แต่สำหรับนาง เขาคือสามีสุดประเสริฐ นับว่าเป็นวาสนาของนางนัก นางตั้งใจจะทำหน้าภรรยาที่ดีชดเชยที่ตระกูลจ้าวส่งนางมาเป็นภรรยาเขา แทนที่จะเป็นบุตรสาวภรรยาเอกผู้เลอโฉมผู้นั้น
“อาหารที่ฮูหยินทำเลิศรสมาก ข้าแอบเห็นท่านแม่ทัพเติมข้าวตั้งสองถ้วย” เสี่ยวฉู่พูดด้วยท่าทีตื่นเต้น แต่ถึงกระนั้นคนทั้งจวนก็รู้ว่ามีแต่ท่านแม่ทัพที่หมางเมิน
“วันๆ ไม่เห็นมาหาฮูหยิน เอาแต่สนใจสตรีชุดแดงผู้นั้น” เสี่ยวฉู่พูดอย่างน้อยใจ ฮูหยินดีถึงเพียงนี้ ทำไมท่านแม่ทัพไม่เหลียวแลภรรยาของตน
“เสี่ยวฉู่!” แม่ครัวหันมาตำหนิสาวใช้ แต่คนอื่นก็ลอบมองสีหน้าฮูหยิน แม้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ท่าทีขมขื่นไม่น้อย “ฮูหยิน ท่านอย่าคิดมากนะเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพของเรา ปกติเป็นคนใส่ใจผู้อื่น คงเห็นว่าแม่นางผู้นั้นน่าสงสารจึงดูแลเป็นพิเศษ”
นางจะไปมีสิทธิ์รู้สึกอะไรได้ แค่เขาไม่เอาเรื่องที่ถูกเปลี่ยนตัวเจ้าสาวก็นับว่าดีมากแล้ว
“ฮูหยินขอรับ บ่าวมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือขอรับ”
“มีอะไรหรือพ่อบ้าน ว่ามาเถิด ถ้าข้าช่วยได้ย่อมทำสุดกำลัง”
“เป็นเรื่องของท่านแม่ทัพ” พ่อบ้านมีสีหน้าหนักใจ แล้วเชิญฮูหยินออกมาสนทนาด้านนอกห้องครัว