“ที่นี่ไม่มีผู้อื่นแล้ว พ่อบ้านพูดมาเถิด” จ้าวจื่อรั่วร้อนใจ
“หมอทหารกำชับให้บ่าวดูแลท่านแม่ทัพให้ดี ท่านแม่ทัพกรำศึกมานาน มีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง แต่เรื่องนี้ย่อมให้ผู้อื่นรู้มิได้”
“ข้าเข้าใจ ข้าจะเก็บเป็นความลับ”
ได้ยินดังนั้น พ่อบ้านก็มีสีหน้าดีขึ้นและรีบพูดต่อ
“บ่าวอยากรบกวนฮูหยิน ช่วยดูแลท่านแม่ทัพขอรับ”
“ให้ข้าดูแลท่านแม่ทัพ? ทำอย่างไรเล่า? ปกติเขาไม่เคยเรียกพบข้าด้วยซ้ำ”
หากนางเสนอหน้าไปโดยที่เขาไม่เรียก จะไม่กลายเป็นว่าไปรบกวนสายตาและยังรบกวนเวลาที่อยู่กับแม่นางเฉียวฉู่หรือ?
“ข้าน้อยก็จนปัญญาขอรับ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นเฮือกหนึ่งก่อนพูดต่อ “เป็นหน้าที่พ่อบ้านอย่างข้าต้องดูแลใส่ยาให้นายท่าน แต่ต้องมารบกวนฮูหยินเช่นนี้ รู้สึกละอายใจยิ่งนัก”
“ใส่ยา...”
“ขอรับ นายท่านมีบาดแผลที่ด้านหลัง ใส่เองไม่สะดวก แต่พอข้าเข้าไปที่ไรก็โดนไล่ออกมาทุกที บรรดาหมอทหารก็ส่ายหน้าในความดื้อรัน แต่ทุกคนล้วนเป็นห่วงท่านแม่ทัพ”
“ก็ได้ ข้าจะลองดู” นางพยักหน้ารับ อย่างไรเขาก็เป็นสามี ให้ภรรยาเข้าไปปรนนิบัติก็คงไม่เป็นเรื่องผิดสังเกตใดกระมัง “พ่อบ้านอธิบายมาเถิด ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง”
พ่อบ้านยิ้มกว้างและเริ่มอธิบาย หลังจากนั้นไม่นาน ฮูหยินก็เดินกลับเรือนไป สาวใช้และคนครัวที่แอบอยู่หลังบานประตูจึงโผล่หน้าออกมา
“ท่านพ่อบ้านพูดอะไรกับฮูหยินรึ” เสี่ยวฉู่เอ่ยถาม “มีอะไรก็ให้ข้าไปทำก็ได้นี่”
“ไม่ได้ เรื่องนี้ต้องให้ฮูหยินเป็นคนลงมือ”
“เรื่องใดกัน”
“พวกเจ้าไม่รู้อะไรนั้นก็ดีแล้ว” พ่อบ้านหัวเราะ “เอาล่ะ เสี่ยวฉู๋ เจ้ารีบยกน้ำชาไปให้แม่นางเฉียวฉู่ได้แล้ว”
“ข้าไม่อยากไปเห็นหน้าแม่นางชุดแดงผู้นั้น” เสี่ยวฉู่เบ้ปาก
“รีบไป แล้วคอยอยู่ดูจนแน่ใจว่าแม่นางเฉียวหลับสนิทแล้วค่อยกลับออกมา” พ่อบ้านกำชับ “พวกเจ้าก็คอยดูอย่าให้ใครไปใกล้เรือนของท่านแม่ทัพ”
คราแรกทุกคนทำหน้างุนงง แต่เพียงครู่เดียวก็เข้าใจความหมาย ทุกคนรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่อิดออดอีก พ่อบ้านได้แต่ยิ้มกริ่มแล้วเดินไปตระเตรียม ‘ยา’ ให้ท่านแม่ทัพ
จ้าวจื่อรั่วมีเพียงใจที่ต้องการช่วยเหลือท่านแม่ทัพ พ่อบ้านแนะนำอย่างไร นางก็ท่องจำในใจได้ครบทุกขั้นตอน เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำ แม่ทัพกลับจากค่ายทหารเข้ามาที่เรือนของตน นางจึงถือถาดยาเข้าไปหา
กู้ตงหยางประหลาดใจที่เห็นหญิงสาวเข้ามาในเรือนของเขา เขาจ้องนางเขม็งแต่หญิงสาวยังฝืนยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้
“ใครให้เจ้าเข้ามา”
จะเอ่ยตอบว่าเป็นพ่อบ้านก็เกรงว่าเขาจะเรียกพ่อบ้านมาลงโทษ นางจึงตอบไปว่า
“เป็นข้าเองเจ้าค่ะ” นางยังคงยิ้มน้อยๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะ “ผู้อื่นมีงานล้นมือ ข้าจึงอาสามาปรนนิบัติท่านแม่ทัพ”
“ปรนนิบัติข้า?” เขาทำเสียงดูแคลน เอาเถอะ นางอยากทำก็ให้ทำไป หากเห็นรอยแผลบนกายเขาก็คงขยาดหวาดกลัวไม่กล้ามาอีก
จ้าวจื่อรั่วมองร่างสูงที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกางแขนออก นางจึงเข้าไปช่วยถอดเสื้อของเขาออกที่ละชั้น การเคลื่อนไหวเงีบบเฉียบเรียบร้อยตามลำดับขั้นตอนดูแล้วสบายตาไม่ขัดเขิน เขามองนางเพลินจนกระทั่งท่อนบนเปลือยเปล่า เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วเรียวแตะโดนบริเวณแผลของเขา
“ท่านแม่ทัพจะอาบน้ำเลยไหมเจ้าค่ะ น้ำอุ่นเตรียมพร้อมแล้ว”
“อืม” เขาตอบรับแล้วเดินไปหลังฉากกั้น เพียงครู่เดียวก็ถอดกางเกงออกแล้วลงไปในอ่างน้ำ “หากไม่เข้ามาถูหลังให้ข้าก็ไสหัวออกไป”
หญิงสาวสะดุ้งแล้วตั้งสติครู่หนึ่งก่อนเดินไปหลังฉากกั้น แม้เป็นหญิงออกเรือนแล้วแต่นางไม่เคยใกล้ชิดบุรุษเต็มวัยเช่นนี้มาก่อน ที่ผ่านมาก็แค่ดูแลน้องชายทั้งสอง แต่นั้นก็เพียงแค่เด็กชายเท่านั้น นางพยายามข่มใจม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อหยิบผ้ามาถูแผ่นหลังให้เขา
นางไม่ได้กลัวรอยแผลเป็นน้อยใหญ่บนร่างกายเขา กลับรู้สึกเห็นใจและ...เอ่อ...สงสาร... ใครเลยจะรู้ว่าการชนะศึกสงครามมานับครั้งไม่ถ้วนต้องแลกกับสิ่งใดบ้าง บางแผลเหล่านี้อาจเล็กน้อยเท่านั้นหากเทียบกับชีวิตที่สูญเสียไป
สิ่งที่นางรู้สึกนั้น กู้ตงหยางย่อมไม่รู้ และเข้าใจไปว่า นางก็เป็นเช่นสตรีอื่นที่เห็นบาดแผลของเขาแล้วหวาดกลัว แรงกดที่บีบนวดไปตามเนื้อตัวทำเอาเขาแทบหลุดเสียงคราง ร่างกายแข็งเกร็งขึ้นมาจนจ้าวจื่อรั่วรู้สึกได้
“เจ็บหรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าจะเบามือ”
นางถามอย่างกังวล พ่อบ้านบอกว่ามีแผลที่ด้านหลัง แต่แผ่นหลังของท่านแม่ทัพ นอกจากแผลเป็นที่มีมาแต่เดิมแล้ว นางยังไม่เห็นแผลใหม่ที่ใดอีก นางพยายามเพ็งตามองให้ถ้วนทั่ว หรือพ่อบ้านจำตำแหน่งผิด น่าจะเป็นด้านหน้าเสียกระมัง ที่หน้าอกมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ เป็นรอยเหมือนถูดดาบฟัน นางเผลอยื่นหน้ามองข้ามไหล่มาด้านหน้า ลืมไปกว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของตนอยู่ใกล้กับใบหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่
รวดเร็วจนไม่ทันกะพริบตา จ้าวจื่อรั่วถูกจับเหวี่ยงลงอ่าง ร่างเล็กตะเกียดตะกายขึ้นจากน้ำ ทว่ามือใหญ่กดไหล่นางไว้ หญิงสาวสำลักน้ำเพียงแค่อึดใจสั้นๆ มือใหญ่ก็ดึงร่างนางขึ้นมา นางไอโขลกๆ พลางยกมือขึ้นทุบแผ่นอกของเขาอย่างไม่รู้ตัว
“คนเลว!”
จ้าวจื่อรั่วเผลอตวาดออกไป นางเป็นอะไรไปไม่สำคัญ ถ้าหากจมน้ำตายไปจริงๆ น้องชายสองคนจะอยู่อย่างไร! นางจะพบหน้าท่านแม่ในปรโลกได้อย่างไร คำสั่งเสียสุดท้ายของมารดาคือดูแล น้องชายทั้งสองให้ดี ที่ผ่านมานางก็ ‘พยายาม’ และ ‘พยายาม’ อย่างที่สุด หากชีวิตนางไม่มีเฟยฉี และ เฟยหลิง น้องชายสองคนนี้ นางคง...
น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักราวเม็ดฝนและทำให้เสียงหัวเราะของชายหนุ่มหายไปในทันที.