CHAPTER 2 “เรื่องราวของเธอ”

2278 Words
Rarita cafe แพรนั่งรอเพื่อน ๆ อยู่ในร้านกาแฟเจ้าประจำของกลุ่มเธอ วันนี้พวกเธอนัดเจอกันเพื่อที่จะไปเลือกเดินซื้อของด้วยกันต่อในช่วงเย็น หลังจากที่เจ้าโม รุ่นน้องคนสนิทที่ทำงานพิเศษที่ร้านนี้เลิกงานแล้ว “พี่แพร นัดกันกี่โมงเนี่ย ทำไมพี่มุกกับพี่ปิงมาช้า สั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ย” โมรุ่นน้องคนสนิทเดินมาถามหลังจากลูกค้าที่รอออเดอร์ในร้านหมดลง “พี่นัดพวกนั้นบ่ายโมงอ่ะ พี่มาก่อนเวลาเองแหละ ไม่อยากอยู่บ้าน เอากาแฟให้พี่อีกแก้วก็ได้จะได้ตื่น ๆ” แพรตอบคำถามน้อง พร้อมทำหน้าเซ็งกลับไป “อ่ะ เดี๋ยวน้องไปเอามาให้ รอแปป แล้วเดี๋ยวพี่ ๆ มาน้องมานั่งคุยด้วยนะ” โมเดินเลี่ยงไปเตรียมเครื่องดื่ม แพรนั่งฟังเพลงจิบกาแฟแก้วโปรดจนหมดไปเกือบครึ่งแก้ว เพื่อน ๆ ทั้งสองก็เดินทางมาถึง “แพร รอนานมั้ย เราว่าเรามาก่อนเวลาแล้วนะ ยังไม่ทันแกเลย” มุกเอ่ยทัก เมื่อเดินมานั่งโซฟาฝั่งตรงข้าม “รอไม่นานหรอกมุก กาแฟยังไม่หมดแก้วเลย ดูดิ” ไม่ใช่แพร แต่เป็นปิง เพื่อนอีกคนที่เดินตามมุกมาเป็นคนตอบแทน เมื่อสังเกตเห็นแก้วกาแฟตรงหน้าแพร “พี่แพรมาตั้งแต่ 11 โมงแล้วพี่ นี่แก้วที่สอง 555” โมเดินตามมานั่งลงข้าง ๆ แพร เมื่อเห็นเพื่อน ๆ ของแพรอีกสองคนมาถึง “พี่ ๆ เอาไรกัน เดี๋ยวน้องไปจัดการให้” “พี่เอาลาเต้ หวาน ๆ เลย เติมความหวานให้ชีวิตหน่อย” มุกหันไปสั่งเครื่องดื่มกับโม “พี่เอาชาเขียว ไม่หวานมากนะ พี่หวานอยู่แล้ว” ปิงสั่งเครื่องดื่มของตัวเอง แล้วยิ้มหวานให้น้อง “ค่ะ รอแปป เดี๋ยวเอามาให้ อย่าเพิ่งเม้านะ เดี๋ยวน้องมาเม้าด้วย” โมวิ่งไปเตรียมเครื่องดื่มให้พี่ ๆ อย่างไว เพราะกลัวจะเม้าตามพี่ ๆ ไม่ทัน “น้องมันขยันเนอะ วันหยุดก็ยังมาทำงานพิเศษ ได้พักบ้างมั้ยไม่รู้ ยิ่งปี 4 แล้วด้วย” แพรชวนเพื่อนคุยถึงโม “นั่นสิ ถ้าน้องจบแกจะให้น้องมาทำงานด้วยมั้ย” มุกถาม “ก็ดีนะ ทำงานด้วยกันน้องมันจะได้มีเพื่อน” ปิงเสริมมุกอีกคน “เราตัดสินใจไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องถามพี่ ๆ เค้าอีกที” แพรตอบเพื่อนกลับ “อ่าวน้องแพร! มากินกาแฟที่นี่หรอ” ทั้งสามคนหันไปตามเสียงที่ร้องทักแพรมาจากด้านประตูร้าน “สวัสดีค่ะพี่บอย นึกว่าใคร นี่ร้านประจำแพรกับเพื่อนค่ะ พี่บอยนั่งด้วยกันก่อนมั้ยคะ” แพรเอ่ยชวนบอย “ไม่เป็นไร พี่แวะมาซื้อกลับน่ะ มีธุระหน้างานนิดหน่อย ต้องเข้าไปตรวจ ตามสบายนะพี่ขอตัวก่อนนะ” บอยทักทายเพื่อน ๆ แพรในโต๊ะ ก่อนจะขอตัวแยกไปสั่งเครื่องดื่ม เมื่อบอยเดินปลีกตัวจากโต๊ะแพรไป โมที่เดินยกถาดเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพี่ ๆ ก็พุ่งตัวมาถามเรื่องบอยทันที “พี่แพรรู้จักคนนั้นด้วยหรอ ลูกค้าประจำเลยนะคนนั้นน่ะ มาทุกวัน” โมนั่งลงพร้อมเม้าต่อทันที “รู้จักดีเลยแหละ เค้าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ของบริษัทที่พี่ทำงาน” แพรตอบรุ่นน้องไป “โห...หล่อรวย แต่ไม่เห็นใส่สูทเหมือนผู้บริหารคนอื่น ๆ เลยนะ มาทีไรก็เซอร์ ๆ มาตลอด” โมถามกลับ “พี่เค้าเป็นวิศวกรเป็นงานหลัก ถือหุ้นเป็นงานอดิเรกน่ะ” ทั้งสามสาวหันมองหน้าแพรทันทีที่เพื่อนตอบ “ห๊ะ!! คือแก๊งนั้นนอกจากถือหุ้นแล้วทำไรอีกมั่งอ่ะ ชั้นนึกว่าเค้าถือหุ้นบริษัทเราอย่างเดียว” มุกถามกลับ “พี่ ๆ เค้าก็เป็นวิศวกรกันทั้งแก๊งนะ จบมอเดียวกับเรา แก๊งเทพบุตรวิศวะปีสี่ไง ตอนที่เราเข้าปีหนึ่งอ่ะ น้องโมไม่น่าทัน” แพรเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง “นอกจากที่ถือหุ้นบริษัทเรา พี่ ๆ เค้าก็ทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่บริษัทของบ้านพี่ปราบ ส่วนพี่หมอก ที่เข้ม ๆ หน้าดุ ๆ ที่สุดในกลุ่มอ่ะ มีคาสิโนกับผับเป็นของตัวเอง” “โห หล่อรวย ทั้งแก๊งเลยอ่ะ แล้วปกติที่ไม่เข้าบริษัทเรา พี่เค้าก็ทำงานอยู่ที่บริษัทพี่ปราบกันหมดเลยหรอ” ปิงถามเพื่อนต่อ “หมดเลย ยกเว้นพี่เซน พี่เซนเพิ่งออกจากงานวิศวกร มาช่วยพ่อบริหารงานที่บริษัท TWK Supply อ่ะ แล้วก็มีหุ้นในเครือโรงแรมหิรัญวัฒนา ของบริษัทพี่สมายแฟนเค้าด้วย” แพรเล่าต่อ “อ่อ พี่เซนคนที่ขึ้นพูดในห้องประชุมวันที่แกแจ้งการเปลี่ยนแปลงของบริษัทอ่ะนะ” มุกถามพลางนึกตาม “อืม ใช่คนนั้นแหละ พี่เค้าเป็นคนให้เรามาทำงานที่นี่ต่อ จริง ๆ พวกพี่เค้าดีกับเรามากนะ ทั้งกลุ่มเลย ตั้งแต่พ่อกับพี่คินไม่อยู่ ก็ได้พวกพี่เค้าเนี่ยแหละช่วยดูแล” แพรระบายให้เพื่อน ๆ ฟัง “เออ...พวกชั้นก็ว่าจะถามหลายรอบแล้วแต่ไม่กล้า พอจะเล่าได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ ๆ ถึงเปลี่ยนผู้ถือหุ้น เปลี่ยนชื่อบริษัท แล้วไหนจะเรื่องพ่อกับพี่แกอีก” มุกเห็นเพื่อนเกริ่นนำมา เลยเสี่ยงถามเพื่อนออกไป ตั้งแต่เปลี่ยนทีมบริหารเมื่อ 3 เดือนก่อน พวกเค้าก็ไม่กล้าถามอะไรเพื่อนมากนัก อยากให้เพื่อนสบายใจที่จะเล่าให้ฟังเอง “คือเล่าตรง ๆ ไม่อ้อมเลยนะ เราเห็นพวกแกเป็นเพื่อนสนิท แต่อย่าไปเล่าต่อนะ เห็นแก่เราหน่อย” แพรกำชับเพื่อนทั้งสาม เพื่อน ๆ เองก็พยักหน้าให้ แพรจึงเล่าต่อ “พ่อกับพี่คินไปติดหนี้ที่คาสิโนของพี่หมอกอ่ะ ตั้งเกือบเก้าสิบล้าน แถมยังวางแผนจะจับตัวแฟนพี่เซนมาเรียกค่าไถ่แล้วก็ข่มขืนอีก แพรไปได้ยินพี่คินคุยกับพ่อ เลยตัดสินใจไปเล่าให้พี่เค้าฟัง” แพรเกริ่นเข้าเรื่อง “โห...เรียกค่าไถ่เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้พอเข้าใจนะ แล้วข่มขืนนี่พี่คินจะทำไปทำไม” ปิงถามแพรออกไป “คือตอนแรกพ่อจะให้พี่คินกับพี่สมายแต่งงานกัน แต่พี่สมายเค้าไม่ยอม พ่อเลยจะใช้วิธีนี้ เพื่อบีบทางนั้นให้ยอมแต่งอ่ะ พ่อคงคิดว่าถ้าแต่งแล้วจะเข้าไปยึดอำนาจในบริษัทนั้นได้” แพรตอบด้วยเสียงที่เบาลง น้องโมยื่นมือไปบีบไหล่แพร เหมือนปลอบใจอีกคนไปในตัว “พอพวกพี่เค้ารู้เรื่องทั้งหมด เลยยึดหุ้นที่พ่อมีที่หิรัญวัฒนา รวมถึงหุ้นทั้งหมดของนิธิศเท็กซ์ไทล์ เพื่อแลกกับหนี้ที่ติดเค้าไว้ แล้วให้พ่อกับพี่คินย้ายออกจากประเทศไป ห้ามกลับเข้ามาที่ไทยอีก แลกกับการให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนที่ผ่านมา” แพรเล่าให้เรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง “แล้วตอนแรกแกเอาเรื่องที่รู้ไปบอกพี่เค้าทำไม ไม่กลัวพี่เค้าทำอะไรพ่อกับพี่แกหนักกว่านี้หรอ แม้กระทั่งแกเองพี่เค้าอาจจะไม่ปล่อยไปก็ได้นะ” ปิงถามเพื่อนกลับ “ตอนนั้นอ่ะแก เราคิดแค่ว่าไม่อยากให้พ่อกับพี่คินทำผิดไปมากกว่านี้แล้ว พี่คินเคยวางยาพี่สมายเกือบตายมารอบนึงแล้วนะ แต่พ่อกับพี่คินเก็บหลักฐานดี ทางนั้นเค้าเลยเอาผิดไม่ได้ เราแค่อยากหยุดเรื่องที่พ่อกับพี่คินทำ เราเลยตัดสินใจไปบอกพี่เค้าไง” แพรอธิบายให้เพื่อนฟัง “เราเข้าใจแกนะแพร ตอนนั้นคงตัดสินใจยากมากเลยสิ ทางนึงก็พ่อกับพี่ชาย ทางนึงก็ความถูกต้อง แล้วตอนนี้แกพักอยู่ที่ไหนอ่ะ” มุกยื่นมือไปบีบมือเพื่อนอย่างให้กำลังใจ “เราพักที่บ้านเหมือนเดิมแหละ พี่ ๆ เค้าขอพ่อไว้ ขอให้มันเป็นที่คุ้มแดดคุ้มฝนให้เรา พี่ ๆ เค้าดีกับเรามากเลยนะ ถึงจะยึดบริษัทไป เปลี่ยนชื่อใหม่ แต่ก็ยังให้เราเข้ามาทำงาน เราเองก็ได้เงินเดือนจากตรงนี้ มันก็อยู่ได้นะ สบาย ๆ เลยแหละ แค่เหงานิดหน่อยเพราะที่บ้านไม่เหลือใครเลย” แพรระบายให้เพื่อนฟัง “ทำไมพี่แพรไม่เล่าให้พวกเราฟัง ถึงพวกเราจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังรับฟังได้นะ เก็บไว้คนเดียวไม่เครียดตายเลยหรอ” โมกอดแขนแพรไว้ เอาหน้าซบที่ไหล่อย่างอ้อน ๆ “นี่ไง เล่าให้ฟังแล้วเนี่ย ก่อนหน้านี้มันยุ่ง ๆ อ่ะ ไหนจะต้องจัดการทีมบริหารที่บริษัท แล้วยังช่วยพี่เซนกับพี่สมายจัดการเรื่องงานแต่งอีก” แพรตอบทุกคนกลับด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่ยังเหลือเพื่อน ๆ คอยเป็นห่วง “อ่อ ที่แพรบอกว่ามีงานเมื่อวานอ่ะนะ” ปิงถามเพื่อนเมื่อนึกขึ้นมาได้ “อืมใช่ งานเมื่อวานแหละ” แพรตอบ “แล้วแกได้ติดต่อพ่อกับพี่คินบ้างมั้ย ว่าตอนนี้เค้าเป็นยังไงไปอยู่ที่ไหนกัน” ปิงถามเพื่อนต่อ “พ่อก็โทรมาหาเรื่อย ๆ นะ เห็นบอกว่าไปอยู่ฮ่องกง เพราะก่อนที่จะเกิดเรื่องก็ไปที่นั่นบ่อย ไปซื้อห้องไว้ ส่วนพี่คินไม่ได้คุยเลย เห็นพ่อบอกว่าพี่คินไปทำงานกับคนรู้จัก แต่พ่อก็ไม่รู้ว่างานอะไร” แพรตอบเพื่อน “เฮ้อ...แล้วหลังจากนี้ แกวางแผนไว้ยังไงต่อไป เหลือตัวคนเดียวแบบนี้ ขายบ้านแล้วไปซื้อคอนโดอยู่ไม่ดีกว่าหรอ อยู่คนเดียว ค่าใช้จ่ายจะได้ไม่เยอะมาก” มุกเสนอเพื่อน “มันเป็นบ้านของพ่อกับพี่คิน เหมือนพ่อจะเคยเปลี่ยนชื่อเป็นของพี่คินแล้วนะ เราคงขายไม่ได้หรอก” แพรตอบเพื่อนกลับไป “เราก็คงอยู่ที่นั่นต่อไป ค่าใช้จ่ายเราคนเดียวก็พอไหวอยู่อ่ะ ไม่ได้ใช้อะไรเยอะมาก” “มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะแพร แกยังมีพวกเราอยู่” มุกบอกแพร เธอไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกว่าเหลือตัวคนเดียว “ขอบใจนะทุกคน ก่อนอื่นเลย เตรียมตอบคำถามพี่ ๆ ในที่ประชุมประจำไตรมาสนี้ให้ดีแล้วกัน คุณหัวหน้าแผนกการตลาด กำไรไตรมาสนี้ น่าจะยังไม่เป็นที่พอใจเท่าที่ควร แหะ ๆ” มุกทำหน้าขยาดขึ้นมาทันที “พี่มุก ทำหน้ายังกับจะโดนเชือด พี่ ๆ เทพบุตรเค้าโหดหรอ ตอนทำงานอ่ะ” โมถามพี่ ๆ กลับ “เห็นหล่อ ๆ นี่พออยู่ในห้องประชุมอย่างโหดอ่ะ ทุกคนเลย ยิ่งพี่ที่ชื่อหมอกนะ หน้านิ่งแทบจะไม่ยิ้มเลยแหละ” ปิงตอบคำถามโมแทนเพื่อน ๆ “เฮ้อ...แกไม่น่าให้ตำแหน่งใหญ่เราเลย กดดันสุด ๆ นี่ขนาดมีคนคอยช่วยนะ ถ้าไม่มีเพื่อน ๆ คอยช่วย เราไม่ไหวแน่ ๆ” มุกบ่นให้เพื่อน ๆ ฟัง “เอาน่า ค่อย ๆ ปรับตัวไป เราอยากให้แกมีโอกาสโชว์ฝีมือ แกเก่งจะตาย แค่นี้เอาอยู่แน่นอน” แพรเอ่ย “สู้ ๆ นะพี่ ๆ ไว้จบแล้วจะไปสมัครงานที่นั่นมั่ง อิอิ หนูไปช่วยที่ร้านก่อนนะ ไว้แอบมาเม้าต่อ” โมบอกพี่ ๆ แล้ววิ่งออกจากโต๊ะไปช่วยงานที่ร้านต่อเมื่อเห็นว่าลูกค้าเริ่มเยอะ “พรุ่งนี้ก็ประชุมอีกแล้วสินะ ช่วงนี้ประชุมถี่มากการตลาด แทบจะทุกอาทิตย์เลย” ปิงบ่นออกมา “จริง แต่ถ้าพรุ่งนี้พอจะมีแนวทางการตลาดใหม่ ฝากช่วย ๆ กันคิดมาหน่อยนะ อย่างน้อยก็ได้วางแผนก่อนจะเสนอเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น” แพรกระพริบตาปริบ ๆ ให้เพื่อนทั้งสองคน เชิงฝากความหวังไว้ “จ่ะ จะพยายามนะคะท่านประธาน จริง ๆ ก็พอมีไอเดียอยู่ แต่กำลังหาข้อมูล เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาเข้าที่ประชุมทีเดียวเลย ช่วยกันคิดน่าจะดีกว่าให้การตลาดคิดทางเดียว” มุกบอกเพื่อน “มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะแก ยังไงเราก็อยู่ช่วยในแผนกเดียวกัน” ปิงตบบ่าเพื่อน อย่างให้กำลังใจ ทั้งสามคนนั่งคุยกันเรื่องงานบ้าง เม้ามอยเรื่องผู้หญิง ๆ บ้าง สลับกันไป เพื่อรอเวลาให้น้องโมเลิกงาน แพรรู้สึกสบายใจขึ้นมาก จากช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เธอพยายามที่จะปรับตัวให้ชินกับการอยู่คนเดียว พยายามที่จะหาลูกค้าใหม่และเรียกความมั่นใจจากลูกค้าเก่า ๆ กลับมาให้ได้มากที่สุด มันเหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวเองกับทุกคน เธออยากพิสูจน์ให้พ่อได้เห็น ว่าแม้เธอจะเป็นลูกผู้หญิง แต่เธอก็สามารถทำให้บริษัทพัฒนาไปได้ไม่ต่างจากลูกผู้ชาย อีกทั้งยังได้พิสูจน์ให้พี่ ๆ ได้เห็นว่าโอกาสที่เธอได้รับมา เธอจะไม่ทำให้มันเสียเปล่าหรือทำให้พวกพี่ ๆ ต้องเสียใจที่ให้โอกาสเธอแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD