CHAPTER 1 “เรื่องราวของเค้า”
หมอกยืนมองภาพของหญิงสาวตัวเล็กที่รับช่อดอกไม้จากสมายเจ้าสาวบนเวทีไว้ในมือได้โดยที่ไม่ทันตั้งตัวและยังคงยืนทำหน้าตื่นตะลึงนั้นไม่วางตา ‘แพร’ หญิงสาวที่เซนเพื่อนของเค้ารับเข้ามาอยู่ในความดูแล เพียงเพราะพี่ชายและพ่อของเธอ หวังจะทำร้าย สมาย ที่เปรียบเสมือนดวงใจของมัน
ด้วยความบังเอิญที่พ่อและพี่ชายของเธอติดหนี้คาสิโนของเค้าและพ่อเกือบเก้าสิบล้าน หมอกและเพื่อนจึงทำการยึดหุ้นบริษัท หิรัญวัฒนา และหุ้นของบริษัท นิธิศเท็กซ์ไทล์ ที่สองพ่อลูกมีในครอบครอง มาแทนการใช้หนี้ทั้งหมด รวมถึงให้สองพ่อลูกเซ็นยินยอมที่จะไม่เข้ามาเหยียบประเทศนี้และวุ่นวายกับพวกเค้าทุกคนอีก โดยแลกกับการที่เซนจะดูแลแพรให้มีชีวิตที่ปกติสุขเหมือนเดิม
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หมอกและเพื่อนอีก 4 คน เข้ามาร่วมกันถือหุ้นบริษัท นิธิศเท็กซ์ไทล์ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อินฟินิท อินเตอร์ เท็กซ์ไทล์ และให้แพรเข้ามาดูแลบริษัท ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ภายใต้อำนาจการตัดสินใจของพวกเค้าทั้ง 5 คน
“ไงมึง จ้องน้องคิ้วขมวดขนาดนั้น คิดอะไรอยู่” ฟานเพื่อนสนิทของเค้า เดินมาสะกิดไหล่ถาม
“เปล่า” หมอกตอบกลับไปเสียงเรียบ “เชื่อตายแหละ กูถามจริง ๆ มึงไม่ชอบน้องหรอวะ กูเห็นมึงเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมเรียกน้องเหมือนพวกกู” ฟานเอ่ยขัดแล้วถามเพื่อนกลับ
“มันอดคิดไม่ได้ว่ะมึง ว่าเค้าจะเป็นเหมือนพ่อกับพี่ชายเค้ามั้ย ทำไมพวกมึงถึงได้ไว้ใจเค้ากันจัง” หมอกถามฟาน โดยที่สายตาก็ยังไม่ละจากคนตรงหน้าบนเวที
“มึงก็รู้นะหมอก ว่ากูมองคนขาด และกูเชื่อว่ากูมองคนไม่ผิด ถ้าน้องเป็นคนไม่ดี น้องจะเสี่ยงเอาเรื่องของครอบครัวมาบอกพวกเรามั้ย ไหนจะเรื่องเอกสารโอนหุ้นที่ยอมเซ็น ทั้งที่จริง ๆ น้องไม่จำเป็นต้องโอนให้มึงก็ได้ เพราะน้องไม่ได้ติดหนี้มึง” ฟานอธิบายให้หมอกฟังตามที่เค้าคิด
“กูไม่รู้ กูแค่ไม่อยากไว้ใจใครง่าย ๆ ก็คงต้องรอดูกันต่อไป” หมอกตอบปัด
“ถามหน่อยดิ” ฟานขยับไหล่มาสะกิดเพื่อน “ที่ต้องดูต่อนี่ ต้องการให้ไว้ใจน้องได้ ในฐานะผู้บริหารอินฟินิท หรือ ในฐานะคู่ชีวิตครับเพื่อน” ฟานแซว
“หึ ตลกและ ก็ต้องในฐานะผู้บริหารสิวะ จะไปดูในฐานะคู่ชีวิตเพื่อ” หมอกละสายตาจากเวทีแล้วหันไปตอบฟาน
“แหม แล้วไอ้ที่แอบยิ้มตอนน้องบอกว่าโสดเมื่อกี้ คืออะไร กูเห็นนะ” หมอกหันไปยกยิ้มมุมปากให้เพื่อน ไม่เคยมีอะไรหลุดรอดสายตาของมันไปได้เลยสินะ
“ก็แค่ยิ้ม ไม่เห็นมีอะไร เลิกวอแวกับกูได้แล้ว ไปหาเพื่อนไป” หมอกตอบแค่นั้นแล้วหมุนตัวกลับไปรวมกับเพื่อน ๆ ที่เหลือด้านหลังห้องจัดเลี้ยง
“หนีว่ะ ไอ้หมอก มึงมาตอบคำถามกูก่อนเลย” ฟานเดินตะโกนตามหลังหมอกมาติด ๆ
“เอะอะ อะไรกันพวกมึง เกรงใจเจ้าของงานมั่งมั้ยห๊ะ” บอยถามเมื่อหมอกและฟานเดินมาร่วมวง
“ก็ไอ้หมอก...” / “หยุดเลยนะมึง” ฟานที่กำลังจะตอบบอย โดนหมอกชี้หน้าขัดขึ้นมาซะก่อน
“อ่ะ ๆ มีความลับกับเพื่อนหรอครับ” ปราบชี้หน้าแซวหมอกบ้าง
“ไม่มีเว้ย มึงก็ไปฟังมัน ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ไปหาไอ้เซนไป สนใจเจ้าบ่าวเจ้าของงานหน่อย” หมอกพูดปัดเพื่อน แล้วหันไปชี้นิ้วย้ำ ๆ กับฟาน ไม่ให้พูดมาก
“โถ...ไอ้อ่อน ไม่ต้องตอบกูก็รู้แล้ว 5555” ฟานตะโกนตามหลังหมอกที่เดินหนีไป
“รู้กันสองคนตลอด บอกพวกกูมาเลย” ปราบหันมาเค้นคำตอบจากฟานแทน
“ไม่บอก รอง้างปากมันเองแล้วกัน ไปและ ไปหาเจ้าบ่าวก่อนดีกว่า” ฟานเดินหนีไปอีกคน ทิ้งให้ปราบและบอยยืนสงสัยอยู่ตรงนั้นไป
หมอกเดินหนีการซักไซ้ของเพื่อนมาหาเซนเจ้าบ่าวของงานที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ สมายและแพร หลังจากที่พากันเดินลงมาจากบนเวที
“ไงมึง ขายเก่งเหลือเกิน กลัวจะไม่มีคนมาจีบน้องสาวคนใหม่รึไง” หมอกเดินมาแขวะเพื่อน
“ทำไม น้องแพรโสด เผื่อจะมีคนมาอาสาดูแลต่อจากกูไง จริงมั้ยที่รัก” เซนหันไปถามความเห็นสมาย
“จ่ะ น้องแพรน่ารักจะตาย หนุ่ม ๆ น่าจะตามจีบเยอะ ทำไมไม่มีแฟนซะทีล่ะ” สมายหันไปถามแพร
“แพรไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษเลยค่ะ มีคนมาหยอดบ้างแต่ก็ไม่ได้เข้ามาแบบจริงจัง” แพรตอบกลับมา
“หึ เลือกเยอะไปรึเปล่าครับ ทีพี่ชายคุณเค้ายังกินไม่เลือกเลย ไม่ลองดูบ้างล่ะ” หมอกแขวะแพร
“ก็นั่นพี่คินไม่ใช่แพร ทำไมแพรต้องลองทำเหมือนพี่คินด้วยล่ะคะ แล้วอีกอย่างแพรจะเลือกเยอะมันก็เป็นสิทธิ์ของแพรไม่ใช่หรอคะ” แพรสวนกลับหมอกไป ทำเป็นมาว่าเธอทีตัวเองยังไม่มีแฟนเลย
“เถียงเก่ง!” หมอกบ่นกลับมา “ก็พี่หมอกเริ่มก่อนนะคะ แพรแค่อธิบายไม่ได้เถียง” แพรตอบกลับไป
“เนี่ยแหละเถียง” หมอกเองก็สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “เอ่อ...พอมั้ย มึงก็ไปว่าน้องไอ้หมอก น้องแค่อธิบาย ไม่ได้เถียงมึงซักคำ” เซนพยายามไกล่เกลี่ย
“หึ! เข้าข้างกันแบบนี้ระวังจะเคยตัว” หมอกยังคงบ่นกลับมาเบา ๆ “พี่หมอก!!!” แต่แพรก็ยังคงได้ยิน
“เฮ้ย!! มีอะไรกัน ไอ้หมอกว่าอะไรน้อง” ฟานและเพื่อน ๆ เดินมาสมทบกับทุกคน เอ่ยถามขึ้น
“ทำไมต้องคิดว่ากูว่าวะ เข้าข้างกันเก่งนักนะพวกมึงเนี่ย” หมอกหันไปว่าฟาน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ที่พี่หมอกก็พูดมีเหตุผล ไว้วันหลังแพรจะเลือกน้อย ๆ แล้วลองกินไม่เลือกดูบ้างแล้วกันนะคะ แพรขอตัว” แพรพูดทิ้งท้าย แล้วเดินไปอีกด้านของงาน
“ไอ้เชี่ยหมอก มึงไปว่าอะไรน้องอีกเนี่ย เบา ๆ มั่งเหอะมึงอ่ะ เกลียดอะไรเค้านักหนา พ่อกับพี่เค้าแล้วก็น้องมันคนละคนเว้ย แยกแยะหน่อย” บอยหันมาว่าเพื่อน เมื่อเห็นแพรโกรธจนเดินหนีไป
“เอ้า ทำไมมาลงที่กูวะ ก็แค่ถามเฉย ๆ เองป่ะ” หมอกตอบปัด “หึ ระวังคะแนนติดลบก่อนเริ่มนะครับเพื่อน” ฟานกระซิบเพื่อนให้ได้ยินกันสองคน และก็ได้รับคำอวยพรจากหมอกกลับไป “ไอ้สัส” ฟานไม่ได้โกรธเพื่อน แต่หัวเราะลั่นทันที ที่เพื่อนอวยพรจบ
“พวกมึงสองคนหัดมีความลับกับพวกกูนะ อย่าให้พวกกูจับได้ กูจะเค้นให้ละเอียดเลย คอยดู” ปราบขู่หมอกและฟานทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจกับคำขู่ของปราบ
ทั้ง 5 หนุ่มรวมถึงจีนแฟนปราบ และสมายเจ้าสาวของเซน ดื่มฉลองกันต่ออีกนิดหน่อย ก่อนจะปล่อยให้ เซนและสมายไปเข้าห้องหอฉลองคืนวิวาห์กันสองคน
หมอกเดินลงมารอรถด้านหน้าโรงแรม หลังจากที่โทรศัพท์บอกให้ลูกน้องคนสนิทขับรถวนมารับเพื่อเดินทางกลับบ้าน ยืนรอไม่นานรถตู้สีดำประจำตัวก็เคลื่อนมาจอดอยู่ตรงหน้า
“นายน้อยจะกลับคอนโดหรือบ้านครับ” แทนลูกน้องคนสนิทที่เป็นคนขับรถให้ในวันนี้ถาม
“กลับบ้านเลย” หมอกตอบกลับไปสั้น ๆ แล้วหลับตาลง “วันนี้หมวยเล็กเข้าคาสิโนมั้ย” หมอกถามถึงน้องสาวคนเล็ก
“วันนี้คุณหนูไม่ได้เข้าคาสิโนครับ” ขุนลูกน้องคนสนิทอีกคนหันกลับมาตอบคำถาม
“อืม” หมอกทำเพียงตอบกลับในลำคอเบา ๆ แล้วเงียบไป เป็นสัญญาณให้ทั้งขุนและแทนรู้ว่าเจ้านายต้องการพักผ่อนแล้ว
“วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ไปพักเถอะ พรุ่งนี้ชั้นน่าจะไม่ได้ไปไหน ถ้ามีอะไรเดี๋ยวจะเรียกอีกที” หมอกบอกลูกน้องทั้งสองคนเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เมื่อสั่งเรียบร้อยเค้าก็เดินลงจากรถตรงเข้าบ้านไป
“อ้าว...เฮีย ทำไมกลับเร็วจัง” เหมย น้องสาวคนเล็กเอ่ยถามเมื่อเค้าเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“อยู่ดึกมากไม่ได้ เจ้าบ่าวมันอยากเข้าห้องหอแล้ว ระริกระรี้เชียว” หมอกตอบน้องสาวกลับ “แล้วเราล่ะทำไมวันนี้ไม่เข้าคาสิโน” หมอกถามน้อง
“ขี้เกียจอ่ะเฮีย เมื่อวานเพิ่งตรวจบัญชีไป วันนี้เลยพักวันนึง ที่ผับก็ไม่มีอะไรอยากพักหูมั่งไปทุกวันหูจะพังเอา” เหมยตอบพี่ชายกลับมา
ธุรกิจคาสิโนและผับเป็นธุรกิจของครอบครัวเค้า มีสาขาใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งจะมีคุณพิชัยพ่อของเค้าและหมากน้องชายคนรองช่วยพ่อดูแลอยู่ นาน ๆ ถึงจะกลับมาหาเค้าและน้องสาวที่ไทยที
ส่วนคาสิโนและผับที่ไทย พ่อยกให้เค้าเป็นเจ้าของและคอยดูแลเอง แต่หมอกเป็นคนไม่ชอบงานบริหาร เลยให้เหมยน้องสาวคนเล็กที่ชื่นชอบงานบริหารและธุรกิจด้านนี้มาช่วยดูแลแทนหลังจากที่น้องเรียนจบ
“ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่มั้ย ช่วงก่อนที่เฮียขอดูรายชื่อลูกหนี้ เห็นมีค้างหลายรายอยู่” หมอกถามน้องกลับ
“เหมยจัดการได้เฮีย สบายมาก” เหมยตอบพี่ชายด้วยความมั่นใจ หมอกเองก็เชื่อมั่นว่าน้องต้องจัดการได้ แม้จะเป็นลูกสาวคนเดียว แต่ก็เข้มแข็งไม่แพ้พี่ชายทั้งสองคน
ด้วยความที่พวกเค้าเกิดมาในครอบครัวของผู้มีอิทธิพลใหญ่ในฮ่องกง หรือที่ทุกคนเรียกกันว่ามาเฟีย ทำให้สามพี่น้องต้องเรียนการต่อสู้ และการป้องกันตัว รวมถึงการใช้อาวุธแทบทุกชนิด เพื่อเป็นการป้องกันตัวในยามเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น แม้ว่าแต่ละคนจะมีบอดี้การ์ดหรือลูกน้องคนสนิทคอยติดตามอยู่ก็ตาม
“ดีแล้ว เฮียจะได้ไม่ต้องห่วง ช่วงนี้เฮียอาจจะไม่ค่อยได้เข้าไปดูบ่อยนะ เฮียต้องจัดการบริษัทใหม่ให้ลงตัวก่อน ไหนจะงานที่บริษัทไอ้ปราบอีก” หมอกบอกน้อง เอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างเหนื่อย ๆ
“เฮียก็พักบ้าง ที่คาสิโน่ไม่ต้องห่วง เหมยเอาอยู่” เหมยบอกพี่ชายด้วยความเป็นห่วง
“แต่ถ้ามีอะไรที่มันเกินการควบคุมที่เราจะจัดการได้ก็ต้องบอกเฮียนะ รู้มั้ย อย่าดื้อจัดการเอง” หมอกย้ำน้องสาวอีกครั้ง “ครับผม!!” เหมยทำท่าตะเบะรับคำสั่ง ล้อเลียนพี่ชายกลับมา
“แก่นเกินผู้หญิงไปเยอะนะเรา เฮียไปพักและ เหนื่อยมาทั้งวัน เราก็รีบนอน นาน ๆ จะได้หยุดก็พักผ่อนเยอะ ๆ” หมอกบอกน้องสาว แล้วลุกเดินขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง
ปกติแล้วหมอกจะพักที่คอนโด เพราะใกล้กับบริษัทของปราบเดินทางไปทำงานได้สะดวก แต่ช่วงหลังมาตั้งแต่ที่เค้าตามสืบเรื่องของคุณภาค และ ภาคิน พ่อและพี่ชายของแพร เค้าก็มานอนที่บ้านเป็นหลัก เพราะสะดวกในการจัดการและสั่งงานลูกน้องมากกว่าอยู่ที่คอนโด
อีกทั้งช่วงหลังมา ที่คาสิโนก็มีปัญหาลูกค้าขอยืมเงินเล่นแล้วไม่ค่อยคืนเยอะขึ้น จะปล่อยให้น้องสาวที่เป็นผู้หญิงจัดการคนเดียวก็ดูอันตราย เค้าจึงมาอยู่บ้านเป็นหลักเพื่อคอยสแตนบายรอหากน้องต้องการความช่วยเหลือกะทันหัน
หมอกทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายเรียบร้อย พลางคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จากคนที่เคยทำงานเป็นวิศวกรออฟฟิตธรรมดาชิว ๆ หลังเลิกงานก็สังสรรค์กับเพื่อนบ้างเป็นครั้งคราว กลับต้องมาเป็นผู้บริหารถือหุ้นบริษัทร่วมกับเพื่อน ๆ และไหนจะคาสิโนและผับที่พยายามหนีมาตลอด ก็ต้องเข้ามาช่วยน้องดูแล เพราะจะปล่อยให้น้องสาวจัดการคนเดียว บางครั้งก็เกินกำลังผู้หญิงคนนึงจะจัดการได้ สงสัยว่าเค้าคงจะหนีงานพวกนี้ไม่พ้นจริง ๆ แล้วสินะ