บทที่3

1480 Words
คะนึงนิจได้งานในวันนั้นด้วยการสัมภาษณ์ของเจ้าของไร่ที่ลงทุนสัมภาษณ์เธอด้วยตัวเอง ก่อนที่หญิงสาวจะขอเริ่มงานในอีกสามวันให้หลัง ซึ่งปริญก็ไม่ขัดข้องต่อคำขอที่ว่านี้ แม้ว่ามันจะเป็นสามวันที่ทำให้เขาต้องออกมาชะเง้อคอรอการมาของเธอทุกๆ สามชั่วโมงไม่เป็นไร นานกว่านี้เขาก็เต็มใจรอ ความสนิทสนมของเธอกับเขาเติบโตอย่างช้าๆ แม้จะขัดใจผู้เป็นพ่อไปบ้าง แต่เมื่อเธอให้เหตุผลว่าไม่อยากทำให้เขาสงสัย อยากให้ทุกอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ท่านจึงไม่ได้ว่าอะไร นั่นทำให้เธอมีเวลาได้อยู่กับเขามากขึ้นอย่างที่ใจต้องการ แต่ใครเลยจะคิดว่าความรู้สึกที่เขามีให้กันนั้น มันจะเกินกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้องได้อย่างง่ายดายโดยที่เธอแทบไม่ต้องพยายามอะไรนอกจากเป็นตัวเอง “เลิกงานแล้วไปทานข้าวที่บ้านพี่นะ แม่บ่นคิดถึง อยากเจอหนูนิด”ภาพเจ้านายที่มักจะแวะมารับพนักงานใหม่ที่สำนักงานบ่อยๆ กลายเป็นภาพที่ทุกคนเห็นจนใครต่อใครเชียร์ให้คู่นี้ลงเอยกัน “วันนี้นิดอยู่นานไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพ่อว่า” คนฟังยิ้มรับก่อนจะเฝ้ารอจนถึงเวลาเลิกงาน ถึงได้อาสาช่วยน้องถือกระเป๋าไปที่รถ จุดหมายคือบ้านใหญ่ ที่อยู่ห่างจากสำนักงานเพียงสามกิโลเท่านั้น คุณเอื้องพรถึงกลับลอบยิ้มเมื่อเห็นภาพลูกชายกับใครอีกคนเดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน มันทำให้นางอดนึกถึงสามีผู้จากไปขึ้นมาไม่ได้ คุณถนอมคงดีใจไม่น้อยหากได้รู้ ว่าตอนนี้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขากำลังมีความรัก และดูเหมือนปริญจะจริงจังกับรักในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งนางเองก็รู้สึก ‘เอ็นดู’ คนรักของลูกชายไม่น้อย เพราะอีกฝ่ายเป็นเด็กน่ารัก “มากันแล้วเหรอลูก หนูนิดมานั่งตรงนี้กับป้ามา ส่วนเราเลิกทำตัวเกาะแกะน้องสักทีได้ไหมตาลม! แม่เห็นแล้วเวียนหัวแทน” คำพูดนั้นเรียกรอยยิ้มแก่คนที่ต้องห้ามทัพระหว่างสองแม่ลูกอยู่บ่อยๆ ได้แทบจะทันที ไม่นานคะนึงนิจจึงเดินอ้อมไปนั่งข้างๆ ท่าน “ผมเป็นห่วง กลัวว่าน้องจะสะดุดล้ม จริงไหมครับนิด พี่ไม่ได้ทำตัวเกะกะนิดสักหน่อย” เป็นปริญที่แก้ต่างให้ตัวเองพร้อมรอยยิ้ม มั่นอกมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วน้องจะยอมเออออไปกับเขาเหมือนทุกที “นิดอยู่ข้างคุณป้าค่ะ” แต่หนนี้เขาคิดผิดเพราะนอกจากน้องจะไม่ยอมอยู่ข้างเขาแล้วนั้น เธอยังเดินไปนั่งลงข้างๆ แม่เขาอีกด้วย นั่นบอกให้รู้ว่าเขากำลังถูกคนทั้งคู่หักหลังเข้าแล้ว “โถ หนูนิด! พี่งอนแล้วนะ” คนถูกงอนเพียงแต่ยิ้มรับเท่านั้น รู้ดีกว่าใครว่าเขางอนเธอได้ไม่เกินห้านาทีเดี๋ยวก็หาย “มาทานข้าวกันดีกว่า วันนี้ป้าทำแต่ของโปรดของหนูนิดทั้งนั้นเลย ทานเยอะๆ นะลูกนะ หมู่นี้เหมือนหนูจะผอมลงรึเปล่า” คุณเอื้องพรเอ่ยขัดเพราะกลัวอาหารที่ทำไว้จะเย็นชืดเสียหมด ไม่นานทั้งสามก็ทานอาหารเย็นร่วมกันท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งก็หนีไม่พ้นบทสนทนาโต้เถียงกันของสองแม่ลูกเจ้าของบ้าน ส่วนแขกอย่างคะนึงนิจก็ทำได้แค่คอยเป็นกรรมการให้ เธอรักครอบครัวนี้ รู้สึกอบอุ่นที่ทุกคนให้การต้อนรับอย่างไม่นึกรังเกียจ ที่รู้ว่าเธอคือลูกนอกสมรสของพ่อ ยิ่งทุกคนทำดีกับเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเองมากขึ้นไปเท่านั้นกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่หากจะให้ถอยหลังกลับไปแก้ไขอะไรในตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสายไปแล้ว เธอมาไกลเกินกว่าที่จะเลิกล้มทุกสิ่งแล้วปล่อยให้ตัวเองมีความสุขกับเขา สายเกินไป.... ที่สารภาพความผิดบาปที่ตัวเองกำลังทำ! หลังจากอยู่ทานข้าวจนดึกปริญจึงขับรถมาส่งที่คนรักที่บ้านเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับเลือกที่จะรั้งเธอไว้ด้วยกันฉุดเบาๆ ที่ต้นแขนเพราะมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่อยากจะบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ “พี่รักนิด!” “พี่ลม!” คำว่า ‘ตกใจ’ ยังน้อยไปด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาเธอยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ไม่แม้แต่จะใช้มารยาอย่างที่พ่อสั่ง! “มันอาจฟังดูไม่น่าเชื่อนะ แต่ว่าพี่...หลงรักนิดตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน นิดเป็นรักแรกพบของพี่ พี่คิดมาตลอดว่าหลังจากกลับมาจากอังกฤษจะลองเข้าไปทำความรู้จักกับนิดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวดู ไม่คิดว่าเราจะได้มาเจอกันก่อน พี่เคยเสียโอกาสไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้...พี่ไม่อยากเสียมันไปอีก พี่รักนิดนะครับ” เขาไม่เคยรู้สึกมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแบบนี้มาก่อน แม้ที่ผ่านมาจะมีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิต แต่ก็ไม่มีใครทำให้รู้สึกอยากใช้ชีวิตด้วยอย่างที่เขารู้สึกกับคนตรงหน้านี้เลยสักคน นั่นยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเขารักผู้หญิงคนนี้ รักมาก รักเธอ...อย่างที่ไม่เคยรู้สึกรักใครมาก่อน “นิด...” มีความลังเลบางอย่างจากดวงตาคู่สวย ทำให้ปริญต้องพูดขึ้นอีกครั้ง เพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้น้องไปมากกว่านี้ “นิดยังไม่ต้องตอบพี่ตอนนี้ก็ได้ พี่รอได้ พี่แค่ไม่อยากเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้กับตัวอีกแล้ว เผื่อว่าวันหนึ่งพี่อาจไม่มีโอกาสได้บอก...” คำพูดที่เหลือถูกหยุดไว้ทันทีที่คนตัวเล็กเอื้อมมือไปปิดปากเขาเอาไว้ไม่ชอบฟังคำพูดแบบนี้เอาเสียเลย “อย่าพูดอะไรเป็นลางแบบนี้สิคะ! นิดไม่ชอบเลย พี่ลมห้ามพูดแบบนี้อีกนะคะ” แต่เขาชอบ ชอบที่ได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเธอ มันทำให้นึกถึงภาพที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน นึกไปถึงลูก...ว่าจะน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน และแม่ของเขาเองก็คงมีความสุขที่จะได้อุ้มหลานอย่างที่ใจฝัน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว อย่าหวังว่าเขาจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป “พี่ดีใจที่นิดเป็นห่วงพี่ พี่รักนิดนะครับ รักมากด้วย...” คำว่ารักของเขาว่าหวานแล้ว ยังเทียบไม่ได้เลยกับริมฝีปากหนาที่แนบลงมาโดยไม่บอกกล่าว จูบแรกในชีวิตเป็นไปด้วยความอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด และเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจมันเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกราวกับมีผีเสื้อนับร้อยโบยบินอยู่ในท้องน้อย ส่งผลทำให้เธอเผลอตอบสนองกลับไป แม้จะไม่ประสา แต่มันก็สร้างความสุขเล็กๆ ได้ทันทีที่เขาถอนจูบออก “พี่ขอโทษ...แต่พี่อดใจไม่ไหวจริงๆ นิด...น่ารักเกินไป” เหตุผลนั้นทำเอาใบหน้าอ่อนหวานของคนที่เพิ่งจะสูญเสียจูบแรกให้กับชายอันเป็นที่รักถึงกับแดงซ่าน เธออับอายเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ และจะบอกเขาอย่างไรดี ว่าเธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสของเขาเลยสักนิดกลับกันเธอชอบมัน ชอบมากๆ “พี่ยังรอฟังคำตอบของนิดอยู่นะครับ” “พี่ลมให้เวลานิดอีกหน่อยนะคะ นะ..นิดตั้งตัวไม่ทัน” แม้ไม่ได้ตอบตกลง แต่คนรักก็ไม่ได้ปฏิเสธ นั่นทำให้รู้ว่าเขายังมีหวังในเรื่องนี้อยู่บ้าง และก็เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วหัวใจของเขากับน้องน้อยจะตรงกัน “ครับ พี่รอได้ นานแค่ไหนพี่ก็จะรอ ดึกแล้วนิดรีบเข้าบ้านเถอะเดี๋ยวจะถูกคุณพ่อดุ” หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะพาตัวเองเดินลงจากรถ และไม่ลืมหันกลับไปโบกมือให้คนรัก เฝ้ารอจนแน่ใจว่ารถของเขาค่อยๆ หายไปในความมืดถึงได้หุบยิ้ม “วันหนึ่งถ้าพี่ลมรู้ความจริงขึ้นมา...พี่ลมจะยังรักนิดอยู่ไหมคะ” นี่คงเป็นคำถามที่เธอไม่กล้าถามออกไปตรงๆ เพราะกลัวคำตอบ ที่อาจจะทำให้รู้สึกตายทั้งเป็นเมื่อไหร่ก็ได้ที่ได้ยิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD