ศิตาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของชัชวาลเลย นอกจากรู้เพียงว่ามีลูกสาวหนึ่งคน มื้อค่ำผ่านไปโดยมีแม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้ เจ้าของบ้านอาสาเก็บล้างทำความสะอาด โดยศิตาช่วยยกไปและรับจานที่ล้างแล้วมาเช็ดจนแห้งก่อนจะนำไปคว่ำเข้าที่ หากเป็นยามปกติธรรมดาแล้วได้อยู่ด้วย กันแบบนี้คงจะดีไม่น้อย ศิตาเผลอยิ้มออกมาจนลืมหยิบจานที่ฌาร์มส่งให้มาเช็ด
“ปกติดูทีวีหรือเปล่าคะ” ฌาร์มถาม
“กว่าจะกลับบ้านก็ได้เวลานอน ทีวีกับหนังสือ ซีนเลือกหนังสือนะ” ศิตาบอกแล้วยิ้ม เพราะก่อนหน้าแทบจะไม่ได้คุยกัน ถึงความชอบไม่ชอบแต่อย่างใดคงเป็นเพราะช่วงเวลาที่ได้พบ จนพึงใจในกันและกันค่อนข้างรวดเร็ว จึงทำให้ข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไป
“งั้นก็อาบน้ำ อ่านหนังสือกันค่ะ” ฌาร์มบอกเพราะตัวเองหากกลับบ้านแล้วก็พึ่งพาการอ่านหนังสือก่อนนอนเหมือนกัน
“อาบพร้อมกันไหมล่ะ” ศิตาพูดแหย่และเดินขึ้นชั้นบนไปก่อน
“ปีนเกลียวพ่อมาก่อนหน้าก็บาปจะแย่” ฌาร์มบ่นพึมพำแต่ก็ยิ้มๆ เมื่อถูกยั่วเข้าให้ ความโกรธที่มีเมื่อวันที่บิดาพาศิตามาทำความรู้จักไม่รู้จางหายไปตั้งแต่เมื่อไร หรือเพราะคำว่ารักที่ได้ยินตอนที่ศิตาเมาหลับในวันนั้นว่าแต่ว่ามันจะใช่ความรักจริงๆ หรือ แล้วกับบิดาของเธอ ศิตารู้สึกอย่างไร
กลิ่นหอมของสบู่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ฌาร์มรู้สึกได้จึงรีบเดินหนีเพื่อเข้าไปอาบน้ำ แต่ใช่ว่าจะหนีได้เพราะในห้องน้ำยังคง
มีกลิ่นสบู่ที่ติดจมูกอยู่ทำให้คิดถึงยามได้ใกล้ชิดและอาบน้ำกับศิตา ซึ่งเจ้าตัวนำสบู่กลิ่นเดียวกันนั้นมาใช้ด้วย
“โอ๊ยจะบ้าตาย จะไหวไหมเนี่ย” ฌาร์มแอบบ่นพึมพำในห้องน้ำแทบอยากจะกรีดร้องออกมา แต่ก็ขำตัวเองเพราะไม่รู้เหมือน
กันว่า จะต้องอยู่ไปอย่างนี้อีกนานเท่าไร หรือควรจะรีบบอกบิดาว่าสาวที่พามาให้ดูตัวนั้นสอบผ่านเพื่อที่ว่า ศิตาจะได้กลับไปอยู่บ้าน
ของตัวเองเร็วๆ
ศิตานอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง อยากรู้เหมือนกันว่าฌาร์มจะทำอย่างไร จะเข้ามานอนข้างๆ หรือไม่ ก่อนที่จะมาแอบกังวลใจ
อยู่มากเหมือน กันหลังจากได้รับการเอ่ยปากเชื้อเชิญจากบิดาของฌาร์ม แถมยังกึ่งบังคับให้นอนห้องเดียวกันอีก แต่เมื่อได้ใช้เวลาด้วยกันเมื่อช่วงเย็นที่รับประทานอาหารและเก็บล้างทำความสะอาด เสน่ห์ของผู้หญิงที่ชื่อฌาร์มได้ทำให้ความกังวลใจ ความไม่สบายใจหายไปเพียงแค่ช่วงเวลาไม่นานนัก แถมเจ้าตัวเองไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจเหมือนตอนแรกๆ ที่ได้พบกันในสถานะที่แตกต่าง ซึ่งศิตารู้สึกเจ็บที่เป็นต้นเหตุทำให้ฌาร์มเสียใจ ฌาร์มถือหนังสืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียง แต่เว้นระยะให้ห่างจากศิตา คนที่นั่งอยู่ก่อนแอบยิ้มกับท่าทางเงอะงะทำอะไรไม่ถูก แต่ก็น่ารักในความรู้สึกของคนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งลงข้างๆ ชำเลืองมองจึงทำเป็นนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฌาร์มไม่ได้สังเกตเลยว่า ศิตาอ่านหนังสืออะไรแต่เมื่อมานั่งอยู่ใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าเป็นเล่มเดียวกับที่ก้าวหน้าอ่านเมื่อวันก่อน
“สนุกไหมคะ” ฌาร์มถาม เพราะเห็นหนังสือที่ศิตาถืออยู่ถูกอ่านไปครึ่งค่อนเล่มแล้ว
“สนุกดี ซีนว่าคนเขียนเรื่องนี้ต้องเป็นคนแปลกๆ แน่เลย”
“คิดว่าแปลกขนาดนั้นเลย ทำไมล่ะคะ”
“มีความคิดบ้าบอเยอะมาก ไว้ให้ยืมอ่าน ซีนง่วงแล้ว นอนก่อนนะ” พูดจบศิตาก็เอื้อมไปปิดไฟที่หัวเตียงด้านข้างของตัวเองแล้วล้มตัวลงนอน
ฌาร์มหัวเราะ เพราะตัวเองเป็นคนเขียนหนังสือเล่มที่ศิตาอ่านและถูกวิจารณ์เหมือนเป็นคนไม่ปกติหรือแปลก ภาพของคนที่
นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ ทำให้ฌาร์มยิ้มน้อยๆ เอื้อมปิดไฟหัวเตียงด้านที่ตัวเองนอนอยู่
“ความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทำให้ทุกข์เสมอ” ฌาร์มถอนใจไม่คิดว่าจะมีศิตามานอนอยู่เคียงข้าง หลังจากเมื่อรู้ว่า ผู้หญิง
คนนี้แหละที่เป็นแฟนใหม่ของพ่อ ฌาร์มโน้มตัวไปมองดวงหน้าของศิตาใกล้ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องถอยห่างออกมา ศิตาถอนใจและแอบกลัวใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ถ้าเกิด ฌาร์มก้มมาจูบจะห้ามใจได้ไหมไม่ให้ตอบรับสัมผัสนั้น ศิตาชำเลืองดูคนที่ดึงผ้าห่มแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปนอนอยู่ข้างเตียง ศิตาหัวเราะเล็กๆ รู้สึกสงสารอยู่เหมือนกัน แต่ก็อยากอยู่ใกล้ๆ ถึงแม้ใกล้มากเหมือนที่เคยไม่ได้ แค่ไหล่เบียดกัน ได้กลิ่นหอมๆ จากตัวของฌาร์มบ้างยังดีกว่าที่จะต้องแยกห้องกันอยู่
เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปย่ำรุ่ง ฌาร์มขยับตัวเล็กน้อยรู้สึกเมื่อยไปทั้งตัว แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นดวงหน้าของคนที่ลงมา
นอนอยู่ข้างๆ เมื่อไรไม่รู้ ลืมตาขึ้นมาได้เห็นหน้าศิตาใกล้ๆ ปลายจมูกแทบจะสัมผัสกัน ฌาร์มยิ้ม มองดูคนที่ยังหลับแต่มีรอยยิ้มน้อยๆ
ยามไร้สีสันจากบรรดาเครื่องสำอางทำให้เห็นถึงความงดงามที่แท้จริง ฌาร์มเคยเห็นมาแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้เพ่งพิศเหมือนครั้งนี้ ศิตา
ลืมตาขึ้นรู้สึกตัวตั้งแต่ฌาร์มขยับตัวแล้ว
“ไม่เมื่อยหรือไง ตามลงมาทำไมล่ะ” ฌาร์มถามศิตาที่ยิ้มๆ ให้
“อยากอยู่ใกล้ๆ นอนอยู่อย่างนี้สักครู่ได้ไหม อยากเห็นดวงตาสวยๆ ของชามข้าวน่ะ” ศิตารู้ว่าไม่ควรเอ่ยปากขอร้องอะไร แต่
หัวใจเริ่มรู้สึกถึงความเห็นแก่ตัวขึ้นมา เมื่อได้นอนอยู่ใกล้ๆ ฌาร์ม ความรู้สึกแตกต่างจากที่เคยได้คลอเคลียและกอดกันตลอดคืน
ฌาร์มเอานิ้วเขี่ยเส้นผมที่ลงมาปรกบริเวณหน้าผากของศิตา
“ฌาร์มขอโทษที่บางทีพูดจาไม่ดีไปกับคุณซีน” อารมณ์ที่แปรปรวนเป็นพักๆ ซึ่งควบคุมได้ค่อนข้างยาก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแต่เมื่อมาคิดทบทวนดูก็รู้ทุกคนมีสิทธิ์และมีเหตุมีผลของตัวเอง อีกอย่างฌาร์มรู้ดีว่า บิดาได้รู้จักและคุ้นเคยกับศิตามาก่อน เพราะฉะนั้น
หากรักทั้งบิดาและศิตาตัวเธอนั้นก็ควรจะมีความสุขกับคนทั้งสอง โดยเชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าความรู้สึกที่มีให้ กับศิตาจะเปลี่ยนไป
“อย่าไล่ซีน อย่าผลักซีนออกห่าง ขอแค่ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้ซีนได้ อยู่ใกล้ๆ ฌาร์มบ้าง อย่าไล่ซีนไปไหนนะ” ศิตาพูดเสียง
อ่อยๆ มองดูฌาร์มที่พยักหน้าให้แทนคำตอบ
ฌาร์มบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับสองสาวที่กลายมาเป็นลูกค้าประจำในช่วงเช้า โดยมีแป๋วแหววคอยต้อนรับหากฌาร์มยังมาไม่ถึงเหมือนเช่นเช้านี้ ซึ่งฌาร์มดูแลเรื่องอาหารเช้าให้ศิตาและออกมาทำงานพร้อมกันโดยที่บิดายังไม่ตื่น
“น้าซีนแปลกๆ นะ ปกติเห็นตัดสินใจเด็ดขาดกับทุกเรื่อง แม่เคยเล่าให้ฟังเรียกว่าตัดบัวไม่เหลือเยื่อใย แต่กับฌาร์มกลับเหนี่ยว
รั้งเอาไว้”
“เห็นแก่ตัวหรือเปล่า” พันธุดาพูดโพล่งออกมา
“เบาๆ หน่อย พูดถึงผู้ใหญ่อย่างนั้นไม่ดี” ฌาร์มพูดปรามพันธุดา
“ฌาร์มรู้ใช่ไหมว่าน้าซีนมีเหตุผลอะไรที่ยังไม่ได้บอก” ก้าวหน้าถาม
“ไม่อยากรู้แล้วล่ะ ไม่มีคุณซีน ฌาร์มยังมีก้าว มีแพท ป่วนๆ ช่วยให้หายเหงาได้” ฌาร์มหัวเราะ เมื่อเห็นแป๋วแหววยกเครื่องดื่ม
มาพร้อมขนม
“แปลกไปนะ ใครที่ไหนจะให้ว่าที่แม่เลี้ยงไปอยู่ห้องเดียวกับลูกเลี้ยง ได้ตีกันตายพอดี หนูว่าแปลกทั้งสามคนนั่นแหละ” แป๋ว
แหววพูดขึ้น
“ถ้าเป็นแพทจะบอกพ่อให้รู้แล้วรู้รอดไป” พันธุดาบอก
“บอกแล้วไงต่อ” ก้าวหน้าถาม
“คุณซีนต้องเป็นคนเลือกสิ ไม่ใช่มาคาราคาซังไว้อย่างนี้ เหตุผลคืออะไรก็บอกมา ถ้าชอบพี่ฌาร์มก็หาทางที่จะล้มงานแต่งงาน
แต่ก็นะคนทำธุรกิจบางทีเรื่องผลประโยชน์เป็นเรื่องหลัก พี่ฌาร์มอยู่ในหมวดของความ รู้สึก ว่าแต่โดนคุณซีนกินไปหรือยังล่ะเนี่ย”
พันธุดาหันไปถามและทุกคนหันมาจ้องฌาร์มกันตาแป๋ว
“บ้าทำไมต้องจ้องกันขนาดนี้ด้วย” สามสาวหันมายิ้มให้กัน
“บ่ายเบี่ยง เรียบร้อยไปแล้วล่ะสิ” แป๋วแหววพูดขึ้น ช่วยเรียกเสียงหัวเราะให้กับอีกสองสาวที่นั่งอยู่ด้วย
“ในฐานะแฟนเก่า ในเมื่อคนกลางไม่ตัดสินใจ เราต้องเอาคืน”
“ร้ายกาจนักนะ เราน่ะ” ก้าวหน้าพูดต่อว่าพันธุดา
“ควรกดดันไหมล่ะ มานอนจ้องตาเราอยู่ได้ แตะต้องก็ไม่ได้เป็นแพทล่ะก็ปล้ำไปแล้ว ปีนเกลียวพ่อไปเลย ก็ใส่พานมาให้เองนี่
นา” ก้าวหน้ากับ ฌาร์มเอื้อมไปเขกศีรษะของพันธุดาพร้อมกัน
“ฌาร์มนั่นแหละจะไหวหรือเปล่า น้าซีนเห็นนิ่งๆ ขี้อ้อนนะ ดูวันที่เมาสิขนาดก้าวเป็นหลาน ยังแอบคิดว่า หากอ้อนคนที่เขาชอบอยู่มีหวังหลง รักตายเลย” ก้าวหน้าพูดแหย่ฌาร์มที่ยิ้มอายๆ ตอนศิตาเข้ามาในสถานะแฟนใหม่ของบิดาทำให้รู้สึกไม่สบายใจและกังวลใจ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นเบาบางลงเมื่อได้ยินคำว่ารักในคืนนั้น ถึงแม้เจ้าตัวจะเมาจนไม่ได้สติก็ตาม
“ตกลงอยู่ข้างไหนกันแน่” ฌาร์มถามทั้งสามสาว
“ข้างพี่ฌาร์มนั่นแหละ น้านุชยังไปเรียบเคียงถามพ่อพี่ฌาร์มเลย” แป๋วแหววบอก ซึ่งทำให้ฌาร์มรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้หลาย
คนกังวลใจ
“น้านุช รู้หรือ” ฌาร์มถามเสียงหลง
“หนูยังรู้เลย ผู้ใหญ่อย่างน้านุชจะไม่รู้ได้ไง ไอ้ที่มากันตั้งแต่เช้าน่ะไม่ใช่เพราะเจ้าของร้านหรอกหรือ” แป๋วแหววพูดยิ้มๆ ทำ
เอาสองสาวที่มาประจำหัวเราะ
“ตอนแรกใช่ ตอนหลังกลับตัวแล้วนะ” ก้าวหน้าบอก
“แพทป่าว แค่อยากมาป่วน หมั่นไส้สาวใหญ่แค่นั้นแหละ แต่พอเจอมาพร้อมกับพ่อพี่ฌาร์มเลยไม่อยากป่วนแล้ว ไม่สิก็ยัง
อยากป่วนนะ”
“เอายังไงแน่” ก้าวหน้าถาม
“เอาอย่างนี้ แพทแฟนเก่าสามารถป่วนให้ปั่นป่วนหัวใจได้แน่นอนไม่แน่นะ บางทีอาจจะยอมไปบอกพ่อพี่ฌาร์มตรงๆ ก็ได้ สร้าง
ความเข้าผิดให้แฟนใหม่พ่อพี่ฌาร์มเข้าใจว่า พี่ก้าวน่ะแอบชอบพี่ฌาร์มอยู่ เราก็ป่วนให้คิดไปจนสติแตกไปเล๊ย เชื่อปะไม่เกินสัปดาห์
พี่ฌาร์มโดนว่าที่แม่เลี้ยงปล้ำแน่นอน” พันธุดาหัวเราะยักคิ้วล้อฌาร์มที่ส่ายหน้า แต่เมื่อมองสบตากับทั้งก้าวหน้าและแป๋วแหววที่พยักหน้าให้ถึงกับถอนใจ
“อย่าบอกนะว่าเห็นด้วยกับแพท จอมป่วน” ฌาร์มร้องเสียงหลง
“ไม่เสียหายถ้าจะลอง เรื่องผู้ใหญ่ให้น้านุชจัดการ หนูไม่ได้ให้แย่งแฟนพ่อนะ พี่ฌาร์ม แต่ถ้าคุณซีนเป็นแบบนี้ล่ะก็พ่อพี่ฌาร์มรู้
เข้าที่หลังเจ็บกันสามคนเลย แต่ถ้าคุณซีนย้ายข้าง คนเจ็บก็เพียงแค่หนึ่ง” แป๋วแหววบอก ฌาร์มส่ายหน้าความคิดแต่ละคนเหมือนลืมไปว่า อีกฝ่ายนั่นน่ะ เป็นบิดาของฌาร์ม
“ลงมติแล้ว พวกเราชนะ” พันธุดาหัวเราะ
“ฌาร์มแน่ใจนะว่า แพทน่ะ แฟนเก่าฌาร์มจริง ช่างน่ากลัวมาก” ก้าวหน้ายิ้มๆ หันไปมองสบตากับพันธุดาที่ยักคิ้วให้
“อย่ามาหลงรักเข้าก็แล้วกัน จะหยิ่งซะให้เข็ด” พันธุดายิ้มอายๆ
พันธุดาตามก้าวหน้าเข้ามาที่ทำงาน โดยแวะไปทักทายศิตาซึ่งดูท่าทางสดใส สองสาวที่เพิ่งมาถึงหันมายิ้มให้กัน เพราะรู้ดีว่าศิตาคงยังไม่รู้ว่าฌาร์มได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้ว แม้จะไม่ละเอียดมากนัก แต่ก็มากพอที่จะมาช่วยกันสร้างสถานการณ์บีบบังคับให้เผยใจตัวเองออกมาให้เห็นชัดขึ้น
“ไปไหนกันมา ถึงได้มาด้วยกันได้” ศิตาถามและยิ้มให้พันธุดาถึงแม้จะรู้ว่าเป็นอดีตคนรักของฌาร์ม แต่เมื่อพักหลังเจอกัน
บ่อยๆ และเจ้าตัวไม่ได้แสดงท่าทีกวนประสาททำให้ศิตาลืมเรื่องที่ผ่านมา
“ไปร้านกาแฟกันมาค่ะ ได้เจอหน้าพี่ฌาร์มทุกเช้าก่อนไปทำอะไรดีต่อใจค่ะ เนอะพี่ก้าวเนอะ” ศิตาขมวดคิ้ว
“ทานอาหารเช้ากันค่ะ ฌาร์มเลี้ยงอาหารเช้า ถ้าเราไปกันแต่เช้าตรู่ วันนี้ไม่มีของฝาก ก้าวถามแล้วถามอีก แต่ฌาร์มบอกไม่มี”
ก้าวหน้าหันไปแอบยิ้ม ศิตายังคงนั่งนิ่งๆ ดูเอกสารที่อยู่ตรงหน้า
“มีบอกแพทว่า บ่ายๆ จะมารับ” พันธุดายิ้มๆ
“เออลืม แพทไม่มีรถนี่เนอะวันนี้”
“ตกลงมาหาน้า จะมาเล่าเรื่องคนอื่นให้ฟังอย่างนั้นหรือ” ศิตาทำเสียงเข้มจนรอยยิ้มของสองสาวจางลงทันที
“อ้าวแพทนึกว่าเป็นลูกเลี้ยง ถ้าเป็นลูกเลี้ยงพี่ฌาร์มไม่น่าจะใช่คนอื่นนะคะ หรือพี่ฌาร์มเป็นอย่างอื่น ถ้าเป็นเหมือนครั้งแรกที่
เราเจอกันแพทสู้ตายนะจะบอกให้” พันธุดาเริ่มบทบาทของตัวเอง ก้าวหน้ายิ้มแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว การเสแสร้งแสดงละครยากอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะต้องห้ามตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมา
“แฟนเก่าต่อติดไม่ยากหรอกมั้งคะ” ศิตาเล่นด้วยเลยเข้าทาง
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวเจ้าของไล่กลับล่ะก็แย่แน่” ก้าวหน้าบอก
“ไล่กลับจะฟ้องพี่ฌาร์มเลยคอยดู” พันธุดามองสบตาของศิตาที่จ้องเขม็งเหมือนไม่ยอมกัน
“ฌาร์มน่ะ โสดใครก็จีบได้ ใช่ไหมคะ น้าซีน” ก้าวหน้าทำหน้าซื่อแต่เจ็บปวดมากเสียกว่าพันธุดาจอมป่วนเสียอีกทำเอาศิตาที่มี
ใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่จางหายไปในทันที
“ว่าแต่แพทร้าย พี่ก้าวนั่นแหละตัวดีทำเอาน้าสาวตัวเองจ๋อยเลย” พันธุดาหัวเราะคิกคัก ก้าวหน้าจึงหันไปดูน้าสาวที่ใบหน้าไร้
รอยยิ้มแล้ว
ศิตามองดูสองสาวที่เพิ่งเดินออกจากห้องทำงานของตัวเองไป สิ่งที่ได้ยินเหมือนการเป็นการบอกกล่าวกรายๆ เด็กสองคนสดใสต่างกันคนหนึ่งถึงแม้จะเป็นอดีตคนรักที่เคยทิ้งฌาร์ม แต่พอช่วงเวลาผ่านไปสองสาวกลับ มาสนิทสนมกัน ไม่เหมือนคนเคยมีปัญหากันมาก่อน ส่วนก้าวหน้าที่เคยเปรยๆ เรื่องที่ตัวเองอาจจะไปรู้สึกดีหรือพึงใจกับคนที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งแทบไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใคร แถมก้าวหน้ายังอยู่ในเหตุการณ์ที่เหมือนบิดาของฌาร์มเปิดตัวคนรักให้ลูกสาวได้รู้จักด้วยอีก ถึงแม้หลังจากนั้นจะได้ยินคำพูดอะไรบ้างตอนที่ศิตาเมา แต่เด็กสองคนคงอยากให้ศิตารู้ว่า สองสาวพร้อมจะดูแลฌาร์ทต่อหลังจากนี้
“เนื้อหอมเสียจริง” ศิตาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยพอใจนัก
ฌาร์มเข้ามาตั้งแต่ช่วงเที่ยงโดยมีอาหารกลางวันมาด้วย ศิตายังคุยอยู่กับลูกค้า ฌาร์มยิ้มน้อยๆ มองดูสองสาวที่เอร็ดอร่อยกับ
ข้าวกล่องที่ตัวเองซื้อมาฝาก ส่วนอีกกล่องไม่รู้ว่าเจ้าของจะมีเวลามาทานด้วยไหม
“เป้าหมายมา พร้อมโจมตี” พันธุดารำพึงออกมาเบาๆ ก้าวหน้ายิ้มและมองไปทางศิตาที่คาดว่าคงเดินมาเข้ามาทักทายฌาร์ม
แต่กลับเดินผ่านไปเหมือนไม่เห็นทำเอาคนที่ซื้อข้าวมาฝากหน้าจ๋อย
“โดนโจมตีเสียเอง” ก้าวหน้ารำพึงออกมาเบาๆ แต่เมื่อเห็นพันธุดาลุกขึ้นและถือกล่องเอาไว้พร้อมกับท่าทีทะเล้นเล่นเอา
เหนื่อยใจ ฌาร์มเองไม่รู้เหมือนกันว่า พันธุดาจะทำอะไร
“แพทน่ะ ยอมใครเสียที่ไหน” พันธุดาบอกและเดินตรงไปที่ห้องทำ งานของศิตาพร้อมกล่องอาหารที่ยังคงถืออยู่ในมือ
“แพทยังรักฌาร์มอยู่นะ ก้าวว่า ดูสิเหมือนไปท้าตีท้าต่อยแทนเลย น้าซีนก็ดูใจร้ายไปนะ ทั้งๆ ที่ตัวเองนั่นแหละเป็นฝ่ายผิด”
ก้าวหน้าเอามือทาบทับไปที่มือของฌาร์มเป็นการปลอบโยน โดยลืมไปว่าบริเวณนั้นมีกล้องวงจรปิด ซึ่งศิตาเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะและเห็นได้จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ภาพจากกล้องวงจรปิดทุกจุดถูกนำมาลงโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ของศิตา ซึ่งสามารถทำให้เห็นภาพในทุกจุดของห้องเสื้อแห่งนี้
“พี่ฌาร์มมีข้าวมากฝากค่ะ คุณซีน แต่เมื่อกี้คุณซีนไม่เห็นพวกเรานั่งหัวโด่อยู่ แพทเลยถือมาให้ค่ะ” พันธุดาพูดกระแนะกระแหน
แอบชะเง้อมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วแอบยิ้ม เพราะสีหน้าเรียบนิ่งดูเหมือนพร้อมจะเกรี้ยวกราดใส่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย
ความตั้งใจของพันธุดาเองและจากหน้าจอที่เห็นก้าวหน้ากำลังปลอบโยนฌาร์ม
“ไม่หิว ขอบคุณนะ” น้ำเสียงขุ่นๆ ทำให้พันธุดาพร้อมที่จะเขี่ยเชื้อไฟเพิ่มอีกนิดก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป
“ที่ว่าไม่หิว เฉพาะข้าวหรือคนเอาข้าวมาส่งด้วยค่ะ” หน้าตาแป้นแล้นทำเอาศิตาที่พยายามข่มตัวเองแทบจะทนไม่ไหว
“ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเขามากกว่านะ ว่าจะยอมให้กินหรือเปล่า”
“เข้าใจแล้ว ก็ยังอยากกินอยู่ แต่แอบกินพี่ฌาร์มคงไม่ยอมอีกอย่างมีคนเสนอตัวให้อีกตั้งสอง ไม่นานคงลืมของเก่า” พันธุดาพูดทิ้งท้ายแล้วหันมายิ้มๆ ก่อนจะเดินออกไป แอบถอนใจเพราะบางขณะก็แอบสงสารคนที่คงกลื่นไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เหมือนกัน
“เด็กบ้าเอ๊ย ร้ายกาจเสียจริง” ศิตารำพึงและทำหน้ายุ่งๆ ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน
“ตามไปสิพี่ฌาร์ม แต่ระวังโดนตบนะ แพทจัดไปหนักหนาอยู่”
“น่าจะห้องอาหารชั้นล่าง ไปลองหยั่งเชิงดูระวังเหมือนที่แพทบอกด้วยล่ะ รายนี้น่ะฌาร์มคงรู้ดีว่าร้ายกาจขนาดไหน” ก้าวหน้า
หัวเราะเมื่อหันมามองพันธุดาที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยักคิ้วหลิ่วตาให้ แต่เมื่อได้ยินพันธุดาเล่าเรื่องที่เห็นอะไรและไปพูดอะไรไว้บ้าง
ก้าวหน้าชักแอบหวั่นใจแทนฌาร์มไม่รู้เหมือนกันว่าจะเจออะไรบ้าง
“ตามที่เล่าเลย”
“ตายๆ ฌาร์มจะรอดกลับมาไหมล่ะนั่น”
“นี่แค่น้ำจิ้ม พี่ก้าวคอยดูนะ แพทจะตามไปป่วนถึงห้องนอนเลยคอยดูจะจัดแบบพอแพทกลับคุณซีนปล้ำพี่ฌาร์มเลย จริงๆ นะ
เชื่อมือแพท” ก้าวหน้าถอนใจไม่รู้ที่ร่วมมือกับคนที่นั่งยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างๆ คิดผิดหรือคิดถูกกันแน่า