งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ทางญาติต่างไม่ได้ติดต่อกันมานานพากันมาร่วม ทรัพย์สินก็แทบไม่มีแต่ละคนทำงานหาเช้ากินค่ำทั้งนั้น เมื่อมีเรื่องของหลานชายมาเกี่ยวข้องจึงมีการถกเถียงกันอย่างหนัก พลอยภัทรามองพี่ชายเพื่อนทั้งน้ำตา เธอเห็นแววตาเศร้าหมองสีหน้าเหม่อลอยราวกับคนไร้ความรู้สึก แม้มีคนมากมายพยายามพูดคุยด้วยแต่พี่เวย์ไม่เอ่ยปากออกมาเลยสักคำ เพื่อนๆ ต่างมาร่วมงาน โดยที่ผู้กำกับรับเป็นเจ้าภาพรวมถึงเพื่อนบิดาที่เคยมายังที่บ้านด้วย
เวธัสชำเลืองมองทางชายร่างสัดทัดพ่อเคยแนะนำว่าเขาคือเพื่อนชื่อเทพ เขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เพียงแค่เดินสติก็ดับวูบลงตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว และข่าวว่าครอบครัวเสียชีวิตทั้งหมด หัวใจเหมือนถูกควักออกจากร่างร้องจนไม่มีน้ำตาเจ็บจนพูดไม่ออกไม่อยากตอบคำถามใครๆ
เสียงผู้คนเริ่มฮือฮาเมื่อชายคนหนึ่งเดินเข้ามา มีการกระซิบกระซาบกันว่าเขาเป็นถึงเจ้าของห้างดัง เศรษฐีระดับต้นของเมืองไทย ชัยเชษฐ์ นฤวัตปกรณ์ หนุ่มวัยห้าสิบสองหน้าตายังคงดูหนุ่มแน่น ท่าทางภูมิฐาน ญาติต่างพากันเชื้อเชิญให้นั่งเก้าอี้สำหรับเจ้าภาพ เวธัสหันมองและสบตากับเขา
“ลูกชายวิรุตม์ใช่ไหม”เขาถามแววตาอ่อนโยน
เวธัสนิ่งครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบรับ
“ทุกคนบนโลกนี้ไม่มีใครไม่ตายหรอกนะ เพียงแต่จะตายเมื่อไหร่เท่านั้นเอง”
เด็กหนุ่มนิ่งเงียบ กัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ภายใน
“เสียใจได้แต่อย่าท้อนะ เรายังมีชีวิตอยู่ อย่าทำให้คนตายต้องเศร้า”
เวธัสพูดไม่ออก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกชื่นชมใครสักคนด้วยใจจริง หากชายคนนี้เป็นเพื่อนพ่อ เขาดีใจไม่น้อยที่ได้รู้จัก จบงานทุกคนพากันแยกย้ายกลับ เวธัสนั่งตรงที่เดิมความเจ็บปวดเดินเข้ามาหาตนเองอีกครั้ง ไหล่เด็กหนุ่มถูกบีบเพื่อให้กำลังใจ
“อดทนนะ”เป็นคำพูดสั้น แต่เวธัสรับรู้ถึงความนัย
เด็กหนุ่มยืนนิ่งเมื่อญาติๆ ต่างพากันช่วยเก็บล้างทำความสะอาด อนาคตต่อจากนี้เขาเองไม่รู้ควรเริ่มตรงไหน จะมีใครรับเลี้ยงบ้างในเมื่อทุกคนต่างมีลูก และต้องรับผิดชอบอะไรหลายอย่าง คิดถึงพ่อกับแม่และน้องสาวมากเหลือเกิน เวธัสฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วผล่อยหลับไปต่อหน้าครอบครัวซึ่งไร้ลมหายใจ
งานคงดำเนินต่อจนถึงวันสุดท้าย ซึ่งเป็นวันเผาเวธัสยืนมองภาพแขกมร่วมงานค่อยๆ วางดอกไม้จันทน์ เด็กหนุ่มยังคงเงียบขรึมไม่พูดจาเหมือนเดิม ความจริงเขาเคยคิดหากจบชีวิตตามครอบครัวไปคงดีไม่น้อยเลย เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นถึงเวลานำหีบศพเข้าสู่เตา ได้ยินเสียงแว่วว่าไม่ต้องทำการเผาอะไรมากเลยเพราะศพนั้นถูกเผามามากพอแล้ว
เวธัสน้ำตาซึมมองดูควันลอยออกจากปล่องด้วยความอาลัย ในวัยเพียงแค่นี้เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร หากปราศจากครอบครัวอันเป็นที่รัก ศีรษะถูกลูบอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลม
“ไปอยู่กับลุงไหม ไปอยู่ด้วยกัน”
เด็กหนุ่มนิ่งเงียบ มองสบตาชายคนนี้
“ทำไมล่ะครับ ทำไมถึงอยากให้ผมไปอยู่ด้วย”
“เพราะลุงเป็นเพื่อนพ่อเวย์ยังไงล่ะ ลุงเคยได้รับการช่วยเหลือจากพ่อเวย์มาก่อน”
“จะดีเหรอครับให้ผมไปอยู่ด้วย”เวธัสถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ดีสิเวย์ ไปอยู่กับลุงเถอะ ถ้าหากไม่มีใคร ลุงจะรับเวย์เป็นลูกบุญธรรมเองนะ”
เขาพยักหน้าช้าๆ เป็นการตอบรับ การได้อยู่กับเพื่อนพ่อคนนี้คงดีกว่าอยู่กับญาติที่เคยเห็นหน้ายามทุกข์ยากมาขอยืมเงินพ่อ พ่อดีแล้วหนีหาย ได้ยินถึงการถกเถียงเกี่ยวกับการนำเขาไปเลี้ยง หากไปอยู่กับเพื่อนพ่อคงตัดปัญหาทั้งหมดได้
เมื่อถึงเวลาจัดเก็บเถ้ากระดูก เวธัสนำโกศสามอันมาวางเรียงคลองพวกมาลัยอย่างสวยงาม ก่อนนำเถ้าที่เหลือไปลอยยังแม่น้ำ แววตาเด็กหนุ่มเศร้าหมองเขาต้องพยายามอดทนต่อสู้กับความเจ็บปวดรวดร้าวของตนเอง ไม่อยากทำให้คนตายต้องมาทุกข์ใจ จะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อรอวันนั้นวันที่ความจริงเปิดเผย
ในวันที่เกิดเรื่องเขารับรู้ทุกอย่างแต่ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะช่วยเหลือครอบครัวได้ เห็นผ่านสายตาครอบครัวไม่ได้จบชีวิตเพราะอัคคีภัยแต่มันเป็นการฆาตกรรมต่างหาก พวกมันทั้งหมดต้องชดใช้ต่อครอบครัวเขา รออีกหน่อยไม่กี่ปีเขาจะกลับมาและเอาคืนทั้งหมด
เด็กหนุ่มกลับมาจากการลอยอังคารเห็นเครือญาติยืนเกาะกุมรวมตัวกัน เวธัสพยายามเลี่ยงทางอื่นแต่กลับถูกดักญาติพี่น้องกรูกันมายืนข้างหน้า
“เวย์ ไปอยู่กับอาเถอะลูก อาจะส่งเรียน”เด็กหนุ่มถูกรั้งแขนทันที
“ผมไม่ไปครับ”เวธัสปฏิเสธทันที
“งั้นมาอยู่กับน้าดีกว่า ไปอยู่ที่บ้านสวนกัน”ป้าที่เคยมาหยิบยืมเงินพ่อเป็นคนบอก เด็กหนุ่มรู้สึกเอือมระอา
“ผมไม่ไปกับใครทั้งนั้น!”เขาตะโกนลั่นจ้องมองบรรดาเครือญาติสีหน้าไม่พอใจ
ในใจรู้ดีว่าคิดอะไร พ่อรับราชการเสียชีวิตมีเงินมากมายรออยู่ แถมเงินประกันอีกหลายล้านบาท มีหรือญาติจะไม่รุมตอมเขาราวกับเหยื่ออันโอชะ แต่เขาไม่ได้โง่โตพอจะรู้อะไรเป็นอะไร พอสูบจนหมดสุดท้ายก็คงปล่อยเขาเผชิญชะตากรรมเพียงคนเดียว
“ถ้าหลานไม่ไปอยู่กับพวกน้า พวกอา พวกป้า แล้วหลานจะไปอยู่กับใคร!”
“ผมจะไปอยู่กับเพื่อนพ่อ”
บรรดาญาติเงียบกริบ หันมองทางชัยเชษฐ์ที่ก้าวเข้ามายืนเคียงข้าง แล้วโอบไหล่เด็กหนุ่มไว้
“ผมจะรับเวย์เป็นลูกบุญธรรมครับ”
“ลูกบุญธรรม!”ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียว
“ใช่ครับ คุณวิรุตม์มีบุญคุณต่อผม ผมต้องการตอบแทนเขา ผมขอรับเลี้ยงเวย์เอง”
“แน่ใจแล้วเหรอเวย์”ทางญาติยืนยันอีกครั้ง
“ผมแน่ใจแล้ว”
“ก็ตามใจ”ทุกคนพากันแยกย้ายออกไป
เวธัสยกท่อนแขนปาดน้ำตา สุดท้ายไม่ได้มีใครรักเขาจริงเลยสักคน หวังเพียงผลประโยชน์จากการเลี้ยงดูเท่านั้น เพื่อนพ่อยังดีกว่าเสียอีก อย่างน้อยก็คงไม่หวังอะไรจากตัวเขาเหมือนคนอื่น
พลอยภัทราสะอื้นมองดูพี่เวย์ จากนี้พี่คงไม่ได้พูดุคุยกับเธออีกแล้ว คงเดินทางไปอยู่ที่อื่น ยิ่งคิดน้ำตายิ่งไหลรินออกมา ความเศร้าถาโถมเข้าหาเรื่องราวมากมายยากจะรับได้จริงๆ มันทรมานเหลือเกิน
ร่างเล็กวิ่งหนีจากจุดนั้นออกมาด้านนอก ภาพความทรงจำอันแสนสุขหมุนวนเข้ามา เสียงฝีเท้าด้านหลังทำให้เธอยกมือเช็ดน้ำตาแล้วหันมอง เห็นชายร่างสันทัดกำลังเดินอยู่กระเป๋าเงินร่วงหล่น พลอยภัทรารีบหยิบขึ้นมาแล้วเดินตรงไปหาเขา
“คุณน้าคะ”เธอเรียกไว้
ชายคนนั้นหันมา ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“อะไรเหรอหนู”
“คุณน้าทำกระเป๋าเงินหล่นค่ะ”
“อ๋อ ขอบใจมาก”เขารับมา
จังหวะนั้นมือซ้ายเธอเผลอโดนปลายนิ้ว ภาพทั้งหมดหมุนวนเข้ามา ไฟโหมกระหน่ำ รอยยิ้มเหี้ยมเกรียม การถกเถียงและคราบน้ำตา รวมถึงเลือดสีแดงฉานไหลรินออกจากร่าง
พลอยภัทราเกิดอาหารกระตุกดวงตาเหลือกขึ้น ร่างเล็กผงะล้มลงกองกับพื้น ยกมือปิดหูน้ำตาไหลพรั่งพรูไม่หยุด
“กรี๊ด! ไม่! คุณป้า คุณลุง ริน ทำไมต้องฆ่าเขา ทำไมต้องฆ่า!”
เทพยุทธชะงักดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เด็กคนนี้พูดจาอะไรออกมา
“นังเด็กบ้าแกพูดอะไรออกมา!”