ตอนที่ 1 ชื่อตอน เสี่ยวปิงซวง
ในวัยเยาว์นางนั้นเกียจคร้านนัก สิบศิลปะศาสตร์ทุกแขนง ล้วนศึกษาทุกสิ่งอัน แต่ทำได้มิดีนัก ยามนางปักปิ่น บิดาของนางนั้นมิไว้หน้าองค์ฮ่องเต้บ่อยครั้งนัก องค์ฮ่องเต้จึงพระราชทานรางวัลแด่นาง เรียกตัวเข้าเป็นสนมในวัง
ในยามเข้าวัง นางมีเกี้ยวสิบแปดคนหามสีแดงสง่ามารับถึงประตูจวน บิดาของนางเต้นผาง แต่ลงท้ายก็ทำสิ่งใดมิได้
นามของนางคืออ๋าวปิงซวงที่แปลว่าน้ำค้างแข็ง สกุลของนางคือสกุลอ๋าวผู้เกรียงไกร มีร้อยผู้กล้าและราชาแห่งศาสตร์และศิลป์มากมาย และนั่นล่ะทำให้บิดานางเย่อหยิ่งทะนงตนและฝีปากกล้านัก
ยามเข้าวังหลวงประชุมในท้องพระโรง บิดาของนางนั้นมิเคยไว้หน้าผู้ใดเลย หัวดื้อแถมมีอำนาจในมือจนมากล้นอย่างยิ่งนัก เนื่องเป็นสกุลใหญ่ ผู้คนมากด้วยศาสตร์ทุกแขนง ทั้งวิชาหมอชำนาญยาและยังรั้งตำแหน่งแม่ทัพในสนามรบได้ มีเครือญาตินั่งในกรมกองต่างๆมากมาย คล้ายมีมีกรมใดสกุลอ๋าวอยากสอบเข้าแล้วไปมิถึง
แต่นั่นล่ะนะ ถึงแม้สกุลของนางจะรวบรวมผู้กล้าไว้มากมาย มากล้นนักกวี เปี่ยมไปด้วยเสนาบดีและยังมีฝีมือหมอในสกุลนาง แต่ทว่าสตรีปัญญาทึบเช่นนาง ศึกษาได้ทุกสิ่งแต่ทว่ามิคล้ายจะเชี่ยวชาญซักสิ่งอัน นางมีดีคือกินและนอน อีกทั้งยังเกียจคร้านนัก สิ่งดีๆในร่างนางคือเสน่เย้ายวนตา ใบหน้างดงาม ลือไกลไปถึงสามแผ่นดิน เจ็ดแคว้นข้างเคียงกัน เสียงของนางหวาน แต่ก็มักขับร้องบรรเลงเพลงมิจบเพลงลงได้ซักคราหนึ่ง
นางคือบุตรสาวผู้เดียวในสกุลอ๋าวที่มีบุตรชายถึงเก้าคน ยามราชโองการขององค์ฮ่องเต้ส่งลงมาถึง หน้าเรือนนาง บิดานางแทบชักน้ำลายฟูมปาก พี่ชายทั้งเก้ากรีดร้องร่ำไห้ระงมดังไปทั่วจวน
"โฮ...เสี่ยวปิงซวง เสี่ยวปิงซวงของเก้อเกอ องค์ฮ่องเต้อำมหิต ทรงทำเช่นนี้กับสกุลอ๋าวที่น่าสงสารของพวกเราได้เช่นใด โฮ เสี่ยวปิงซวงของเก้อเกอ โฮ โฮ "
อ๋าวปิงซวงกระพริบตาปริบๆ รับราชโองการมาแล้วก็สะกดตัวอักษรอ่านดังๆ
"เจิ้นฮ่องเต้แห่งฉูหนาน พบอ๋าวปิงซวงที่ตลาดใบหน้างดงาม กิริยามารยาทดีงามผ่องใส จึงมีราชโองการให้แต่งตั้งอ๋าวปิงซวงเป็นนางสนมขั้นเฟย และส่งเกี้ยวมารับพร้อมสินสอดที่เจิ้นคัดเลือกด้วยตนเอง ส่งมาที่สกุลอ๋าวด้วยความรัก จบราชโองการ "
อ๋าวปิงซวงตาเหลือกขึ้นทันใด และอ้าปากค้าง
"นางแทบจะตกใจตายลงให้สิ้นไป ในสาส์นฝ่าบาทบอกว่าพบนางที่ตลาด บิดาของนางในปีนี้ คาดโทษนางไว้มิให้ไปตลาด เพราะเคยมีเหตุวิวาทและตบตีกันยื้อแย่งนางในตลาด ยามนางไปตลาดคราใด ตลาดนั้นคล้ายมีงานประลองยุทธวิชาแห่งบู้ลิ้มทุกคราไป ร้อนถึงพี่ชายทั้งเก้า ต้องคอยออกระงับเหตุ"
" ฝ่าบาทออกราชโองการเช่นนี้ มิเพียงเปิดโปงนางแก่บิดาเพียงเท่านั้น แต่ทว่ายังคล้ายตักเตือนบิดานางว่า นางคือตัวปัญหาในเมืองหลวง หากมินำส่งไปในวัง เมืองหลวงคงยากสงบสุข ในยามนางปรากฎตัวไป ฝ่าบาทจะกล่าวเช่นนี้ เหตุใดมิทรงมาตบหน้านางด้วยตนเองให้รู้กันไปเลยนะ ฮือๆ ฮือๆ "
อ๋าวปิงซวงตาเหลือก อ่านจบล้มลงทั้งยืน เหล่าขันทีเร่งช่วยกันรับไว้ในทันใด ยามรับนางไว้ในกำมือแล้ว ซ่งกงกง หัวหน้าขันทีก็ผลักนางและสาวใช้คนสนิท ยัดเข้าในเกี้ยวแดงสิบแปดคนหามและนำขบวนพาเข้าวังในทันที
อ๋าวปิงซวงตื่นอีกครา ก็มาอยู่ในตำหนักพิสูจน์พรหมจรรย์ และมีผู้คนจับอาบน้ำผลัดผ้า บำรุงผิวพรรณให้ผุดผาดงดงามอย่างเชี่ยวชาญนัก เสื้อผ้าของนางสีสดใสเป็นมันเงา มีดอกไม้ดอกใหญ่ผูกไว้ด้านหลัง มีปิ่นปักผมงดงามด้ามโต โครงหน้าถูกแต่งแต้มผงชาด แป้งผัดหน้าและขีดคิ้วเขียนตาอย่างงดงามนัก
นางเข้ามาก็ถูกยัดเข้าตำหนักใน และนางก็ถูกผู้คนหลงลืมไป นางในฐานะสนมอ๋าว จึงค่อยๆปรับตัวและศึกษาเส้นทางในวังหลวงไปช้าๆและพยายามหลีกเลี่ยง ที่จะพบองค์ฮ่องเต้ให้จงได้
นางเชื่อเหลือเกินว่า ในวังหลังมีสตรีนับพัน ฝ่าบาทแม้จะเรียกนางเข้าวัง แต่ก็เป็นปัญหาทางการเมือง เช่นนี้นางมิพิศวาสองค์ฮ่องเต้ แต่นางมีกินและมีที่นอน เช่นนี้แล้วนางจึงต้องเร้นกาย ในวังหลังให้สงบถึงที่สุด
และเป็นดังคาด ฝ่าบาทรับนางเข้าวังมา ก็มิได้เรียกนางไปปรนนิบัติ แต่ปล่อยนางทิ้งขว้างในวังหลวง ให้ผจญกับสตรีนับร้อยนับพันในวังหลวง เช่นนี้นางจึงคิดแผนลาป่วยการเมือง และอยู่แต่ในตำหนักเสวี่ยอิงของนางอย่างรื่นรมย์
"คิก ฮ่าา ฮาา ฮาา "
ร่างบางนอนอ่านนิยายประโลมโลกและหัวเราะคิกคัก ยกเท้าขึ้นพาดบนโต๊ะน้ำชา วงแขนขาวพิงหมอน นางนอนหัวเราะดังลั่นตำหนักของนาง สาวใช้ประจำกายนางส่ายหน้าไปมาเบาๆ และออกไปที่โรงครัวหลวง นำขนมที่นางชอบมาเพิ่มเติม
ยามนางกำลังหัวเราะคิกคักอยู่นั้น มีเสียงเปิดประตูแผ่วเบาคราหนึ่ง ร่างบางก็ยังคงหัวเราะอยู่ นางยกเท้าและเอนกายตะแคงนอน ผ้าผ่อนมิเรียบร้อยนัก เอวบางคอดกิ่วเป็นรูปร่าง นิ้วเรียวยาวกรีดขึ้นหยิบขนมบิเบาๆ นางหัวเราะคิกคัก และต้องตกใจสุดขีดยาม ใบหน้าคมหอมแก้มนางดังฟอดและรัดวงแขนแน่นหนึบ ดึงนางเข้าในอกแกร่ง และเอนกายลงนอนข้างๆนาง ร่างบางตาโต และค้างแข็งในทันใด
เฮือก !!!!
"อ่านอันใดอยู่หรือสนมรัก เจ้าอ่านให้เจิ้นฟังได้บ้างหรือไม่หืม...สนมรัก "
ร่างบางหันหน้ากลับไปด้านหลังทันใด และเร่งพลิกกายกลับ ใช้มือดันอกแกร่งแรงๆในทันใด
"อ้า...ฝ่าบาท คำนับฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันยังมิได้อาบน้ำ ขอฝ่าบาทเสด็จตำหนักอื่นก่อนเถิดเพคะ !!! "
ใบหน้าคมยิ้มเยาะนาง และดึงนางมารัดเบาๆ ในตำหนักและนอกตำหนักเงียบสงัด ร่างแกร่งดึงนางพลิกลงในฟูกนอนและคล่อมกายขึ้นทับทันใด และแย้มรอยยิ้มบานส่งให้นางเป่าลมเบาๆที่ข้างหูนางทันใด
"สนมอ๋าว เจิ้นคิดถึงเจ้าเสียจริงๆเลย นับแต่รับเจ้าเข้าวังมา เจิ้นติดราชกิจมิได้มาดูแลเจ้า เจ้าอย่าโกรธเจิ้นเลยนะ ราตรีนี้เจิ้นจะมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ดูแลเจ้าไปตลอดราตรีนี้เลยอย่างไรเล่า"
ร่างบางตาโตขึ้นและพยายามผลักออกแรงๆ แต่มือหนารวบมือนางเอาไว้และบดจุมพิตที่ริมฝีปากนาง ร่างบางตาเบิกค้างขึ้น และผลักร่างหนาจนพลิกลงจากเตียงและลุกขึ้นหนีไปที่มุมหนึ่ง ใบหน้าคมแย้มรอยยิ้มบางๆและหัวเราะเบาๆ
"เอาล่ะๆ เจ้าคงยังมิชิน อย่างไรก็ไปอาบน้ำเถิด เจ้าคงกลัวว่าเจิ้นจะเหม็นกลิ่นกายเจ้าซินะ เช่นนี้เจิ้นมิฝืนใจเจ้าแล้ว ไปเถิด เจิ้นจะเรียกคนมาตักน้ำให้ "