บทที่ 3 สอดรู้สอดเห็นจนได้เรื่อง

2144 Words
วันต่อมา ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาของแผนก IT ทยอยกันเข้ามานั่งในห้องประชุมเล็กพร้อมด้วย MacBook คนละเครื่อง รอไม่นานร่างสูงใหญ่ของเจ้านายก็ปรากฏ ก่อนจะปรายตามองพนักงานของตนด้วยสายตานิ่ง ๆ แล้วไปสะดุดตากับมัดมุกที่วันนี้แต่งตัวด้วยกระโปรงสีสันสดใสยาวถึงตาตุ่ม ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว บวกกับใบหน้าที่แต่งแต้มบางเบา ทำให้เธอดูสวยกว่าเมื่อวานหลายเท่า “คุณโจฮันครับ ทุกคนพร้อมแล้วครับ” เลขาฯ กระซิบบอกเจ้านายเบา ๆ เมื่อเห็นโจฮันมัวแต่มองมัดมุก ไม่เริ่มพูดเรื่องงานเสียที ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะเปิดเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า ครู่เดียวเขาก็รู้เรื่องหมดว่าปัญหาตอนนี้มีอะไรบ้าง จากนั้นในห้องประชุมก็คุยแต่เรื่องงานด้วยความเคร่งเครียด ในระหว่างการประชุมมัดมุกได้ลอบมองเจ้านายเป็นพัก ๆ พร้อมกับสังเกตท่าทางของเขาไปด้วย และอดสงสัยไม่ได้ว่าโจฮันเป็นคนอย่างไรกันแน่ บางมุมก็ดูจริงจัง บางมุมก็ดูเป็นกันเอง บางมุมก็ดูแปลก ๆ ชอบกล เพราะมัวแต่สังเกตใบหน้าของเจ้านายทำให้เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ในห้องประชุมกำลังจ้องมาที่ตนเป็นตาเดียว โจฮันตั้งคำถามที่สงสัยกับมัดมุกแต่เธอไม่ตอบ ทำให้ทุกสายตาหันไปมองที่หญิงสาวทุกคู่ เจ้านายจึงเป็นคนเอ่ยเรียกสติหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในอาการเหม่อลอยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดจริงจัง “คุณจะจ้องผมอีกนานไหมครับ คุณมัดมุก” เขาถามพลางขมวดคิ้วมุ่นที่เห็นใบหน้าของเธอฉายแววฉงน “นานค่ะ มุกยังสงสัยอยู่เลย” ตอบเขาด้วยความไม่รู้ว่าตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องทำให้กิตติหน้าซีดฉับพลัน แต่ไม่มีใครกล้าสะกิดเธอเพราะกลัวสายตาของโจฮัน “สงสัยว่า...” ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวด้วยสีหน้าประหลาดใจ คนที่อยู่ในห้องก็เช่นเดียวกัน “ก็...เฮ้ย! ขะ...ขอโทษค่ะ ท่านประธาน เอ่อคือ...มุกใจลอยค่ะ” เกือบตอบออกไปแล้ว แต่โชคดีที่หญิงสาวรู้สึกตัวทันทำให้ความสงสัยไม่หลุดออกมาจากปากสีสวยพลางยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษขอโพยเจ้านายที่ตนมีอาการเหม่อในระหว่างการประชุม “เอาเป็นว่าผมให้ทุกคนไปพักได้ครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยกลับมาประชุม ยกเว้นคุณมัดมุก” “ทะ...ทำไมกันคะ มุกก็อยากพักเหมือนกัน” “เพราะผมอยากคุยกับคุณสองคน มีปัญหาไหมครับ” “ไม่มีค่ะ” หญิงสาวส่ายศีรษะเบา ๆ พลางมองคนอื่น ๆ ที่กำลังทยอยเดินออกจากห้องประชุมด้วยสายตาอ้อนวอนแกมขอร้องให้ช่วยตนด้วย แต่ไม่มีใครกล้าปริปากพูดสักคำ แม้แต่หัวหน้าอย่างกิตติเอง เพราะเกรงกลัวต่อสายตาของโจฮันที่กำลังมองมาด้วยความดุดัน พวกเขาทุกคนจึงก้าวเท้าออกจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ไม่นานในห้องก็เหลือแค่สองหนุ่มสาวเท่านั้น “เอาละครับ ไหนคุณบอกมาซิ คุณสงสัยอะไรในตัวผม ถึงได้จ้องผมแบบนั้น” “เอ่อ คือ มุก...มุกสงสัยน่ะค่ะ ว่าคุณโจฮันโสดไหม เห็นหล่อ ๆ แบบนี้ไม่น่าจะไม่โสด” เพราะคิดอะไรไม่ออกเธอจึงโพล่งออกไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ก่อนจะยิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าตนพูดอะไรออกไป “แล้วถ้าผมโสดคุณจะจีบผมเหรอครับ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนถูกถามใจสั่นเบา ๆ แต่พยายามข่มเอาไว้ไม่ให้เขารู้ นาน ๆ ทีจะมีผู้ชายหน้าตาดีส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ คนโสดก็หวั่นไหวเหมือนกันนะ “ไม่ค่ะ ไม่จีบแน่นอน ถึงมุกจะอยากมีผัว เอ๊ย! อยากมีสามี แต่ก็ไม่อาจเอื้อมไปจีบเจ้านายหรอกค่ะ” “อ้าวเหรอ เห็นคุณสงสัยเรื่องนี้ ผมก็เข้าใจว่าคุณมุกอยากจีบผมซะอีก” “ไม่ใช่แน่นอนค่ะ มุกก็แค่สงสัยเฉย ๆ ค่ะ ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่” “ไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นหรอก ผมแค่แกล้งคุณเล่น” “แกล้งมุกเล่น! เฮ้อ โล่งอก มุกใจหายใจคว่ำหมดเลยค่ะท่านประธาน อย่าแกล้งแบบนี้อีกนะคะ มุกหัวใจจะวาย” “คุณมุกไปพักเถอะครับ เดี๋ยวเข้ามาประชุมอีกครั้งจะได้มีสมาธิมากขึ้น” “ขอบคุณค่ะ งั้นมุกขอตัวนะคะ” หญิงสาวยิ้มร่าด้วยความดีใจที่ได้ออกจากห้องนี้เสียที แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อกระโปรงที่เธอใส่มาไปเกี่ยวกับล้อของเก้าอี้ทำให้เดินสะดุด ร่างบอบบางจึงล้มลงบนพื้นอย่างแรง ก่อนที่ศีรษะจะไปกระแทกกับขอบโต๊ะดังโป๊กแล้วสติก็ดับวูบไป “คุณมัดมุก คุณมุก” โจฮันวิ่งเข้ามาดูอาการของเธออย่างรวดเร็วพร้อมกับเขย่าตัวไปด้วย แต่หญิงสาวแน่นิ่งไม่มีอาการตอบสนอง และมีเลือดออกบริเวณศีรษะ ทำให้เขาตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นแนบอกแล้ววิ่งออกไปจากห้องประชุมทันที จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องพยาบาลที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ห้องประชุมใหญ่ โดยมีเลขาฯ วิ่งตามหลัง มัดมุกได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากพยาบาลที่ถูกจ้างมาให้ประจำห้องพยาบาลของบริษัท ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในเวลาต่อมา โดยมีโจฮันดูแลอยู่ไม่ห่างด้วยความห่วงใยอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อหมอแจ้งว่าคนเจ็บไม่ได้เป็นอะไรมากเขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “น้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้ครับ” “ขอบคุณมากครับคุณหมอ” คุยกับแพทย์ประจำตัวของหญิงสาวเสร็จเรียบร้อย โจฮันก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ เธอพร้อมกับเอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาลูกน้องให้แจ้งเพื่อนร่วมงานของมัดมุกว่าเธอปลอดภัยดี ส่วนเรื่องอื่น ๆ ให้อังเดรจัดการแทนได้เลย อีกเรื่องก็คือให้ลูกน้องเอากระเป๋าสะพายและข้าวของต่าง ๆ ของหญิงสาวมาที่โรงพยาบาลด้วย เพราะเขาจะพาเธอกลับบ้านทันทีหลังจากน้ำเกลือหมดโดยไม่แวะที่บริษัทอีก “วันนี้ดวงซวยแน่นอนเลยเรา” มัดมุกขมุบขมิบปากบ่นด้วยความเซ็งหลังจากที่ตื่นขึ้นมาพร้อมอาการเจ็บจี๊ดตรงศีรษะและโดนบังคับให้กลับบ้านพร้อมเจ้านายหนุ่มที่กำลังตั้งอกตั้งใจขับรถ แต่ฟ้าฝนกลับไม่เป็นใจ ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา อย่างที่รู้ ๆ กันว่ากรุงเทพมหานครมีปัญหาเรื่องน้ำขัง เพียงแค่ฝนตกลงมาไม่ถึงสิบนาทีน้ำก็ท่วมเต็มถนนทำให้การจราจรติดอย่างหนัก รถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ช้ามาก โดยเฉพาะเส้นทางที่จะไปบ้านของหญิงสาว “ผมว่าคุณไปพักที่บ้านของผมก่อนดีกว่า อีกไม่กี่ซอยก็ถึงแล้ว ดูท่าทางคุณจะไม่ไหว เอาไว้ฝนหยุดตกแล้วค่อยกลับบ้าน” โจฮันเห็นใบหน้าซีดเซียวของลูกน้องสาวก็อดสงสารไม่ได้ บ้านของเขากับบ้านของเธอห่างกันไม่มากก็จริง แต่สภาพจราจรอย่างนี้กว่าจะถึงบ้านของเธอคงใช้เวลาอีกนานโข ในขณะที่บ้านของเขาอีกไม่กี่ซอยก็ถึงแล้ว “บ้านท่านประธานอยู่ใกล้บ้านมุกเลยค่ะ” “ใช่ครับ ห่างกันไม่กี่กิโล แต่ผมว่าไปพักที่บ้านของผมก่อนดีกว่า ใกล้ถึงแล้ว ฝนหยุดตกคุณค่อยกลับ” “เกรงใจท่านประธานค่ะ มุกทนได้” ใจหนึ่งเธอก็อยากไป แต่อีกใจก็ไม่อยากไป เธอทั้งเกรงใจและกลัวเขา แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสับสน เพราะรู้สึกว่าร่างกายเริ่มจะไม่ไหวแล้ว ถ้าต้องอยู่ในรถแบบนี้อีกครึ่งชั่วโมงเธอตายแน่ “คุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ไม่ต้องกลัวด้วย ผมไม่ทำอะไรคุณแน่นอน” เขาพูดตรงใจเธอเป๊ะ หญิงสาวจึงเกิดอาการลังเลขึ้นมา ตอนนี้เธออยากล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ๆ มากกว่าการนั่งติดอยู่ในรถคันหรูแบบนี้ “ก็ได้ค่ะ มุกจะพักที่บ้านของท่านประธานก่อน ฝนหยุดตกค่อยกลับ” ตอบตกลงด้วยความจำยอม ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลองดูสักตั้ง อีกอย่าง โจฮันก็ดูเป็นคนดี น่าจะไม่ทำอะไรเธอหรอก คนป่วยคิดในใจก่อนจะตอบตกลง “ผมสัญญา ผมจะไม่ทำอะไรคุณเด็ดขาด ไม่ต้องกลัว” “ค่ะ มุกเชื่อท่านประธาน” “ต่อไปคุณเรียกผมว่าโจฮันเถอะ เรียกท่านประธานมันแปลก ๆ ยังไงไม่รู้” “แต่มุกว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมนะคะ” “ผมไม่ชอบให้ใครขัดใจ คุณเข้าใจไหมครับ” “ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ คุณโจฮัน” เจ้านายเอ่ยขนาดนั้น ลูกน้องอย่างเธอมีเหรอจะปฏิเสธได้ โจฮันจึงยิ้มมุมปาก ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าซอยข้างหน้าซึ่งเป็นทางเข้าบ้านของตัวเอง ชายหนุ่มขับเข้ามาได้ไม่นานก็ถึงบ้านหลังใหญ่ที่ปลูกอยู่บนพื้นที่กว่าห้าไร่ ทำให้มัดมุกอ้าปากค้างตาโต ไม่ใช่ว่าตกใจกับความกว้างของบริเวณบ้าน แต่ตกใจกับความสวยงามของตัวบ้านต่างหาก ที่สร้างได้อย่างมีเอกลักษณ์มาก ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ตมากกว่าที่พักอาศัย ซึ่งแตกต่างจากคฤหาสน์ของตระกูลลอเรนส์โซอย่างสิ้นเชิง เมื่อรถจอดสนิท เจ้าของบ้านก็เดินนำแขกสาวไปยังห้องนอนของตนเอง เพราะห้องนอนอื่น ๆ ไม่ได้ทำความสะอาดเอาไว้ เนื่องจากเขาไม่คิดจะต้อนรับใครอยู่แล้วจึงไม่ได้เตรียม แต่เธอเป็นกรณีพิเศษ อีกอย่างที่บ้านหลังนี้มีการจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดวันเว้นวัน ทำให้เตรียมห้องใหม่ให้ไม่ทัน “คุณพักผ่อนในห้องของผมไปก่อน เดี๋ยวฝนหยุดตกค่อยกลับ” “ขอบคุณมากค่ะ ขออนุญาตนะคะ มุกไม่ไหวแล้ว” “ตามสบายครับ” ชายหนุ่มผายมือไปที่เตียงอย่างเต็มใจ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องใจดีกับเธอด้วย แต่ที่แน่ ๆ เขาทนเห็นมัดมุกอยู่ในสภาพอ่อนแรงแบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ จึงยอมให้หญิงสาวก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว โดยหารู้ไม่ว่าความใจอ่อนในครั้งนี้จะนำหายนะมาให้ตัวเอง มัดมุกไม่รอช้า รีบเดินไปที่เตียงใหญ่แล้วคลานขึ้นไปนอนใต้ผ้าห่มผืนหนาทันทีด้วยความอ่อนเพลีย ครู่เดียวเสียงลมหายใจก็สม่ำเสมอ โจฮันจึงเดินออกไปจากห้องแล้วหายเข้าไปในห้องครัวเพื่อทำอาหารเย็นให้ตนเองและคนป่วยรับประทาน เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง คนป่วยที่นอนหลับสนิทตั้งแต่ช่วงเย็นก็เริ่มรู้สึกตัว เมื่อเห็นว่านาฬิกาบนหัวเตียงชี้ตรงเลขแปดพอดีบ่งบอกว่าสองทุ่มแล้ว เธอก็รีบเด้งตัวขึ้นมา ก่อนจะกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหาโจฮันที่ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน มัดมุกตัดสินใจเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อยเธอก็ตัดสินใจจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อตามหาเขาและขอตัวกลับบ้าน แต่หางตากลับเห็นอะไรแว็บ ๆ ในห้องทางซ้ายมือซึ่งอยู่ถัดจากห้องน้ำ เธอคิดว่าโจฮันต้องอยู่ในห้องนั้นแน่ ๆ ไม่รอช้า ขาทั้งสองข้างของหญิงสาวจึงก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล “นะ...นี่มันอะไรกัน” มัดมุกเอ่ยด้วยความตกใจเมื่อเห็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเขา รวมถึงภาพบนหน้าจอที่กำลังฉายความน่ากลัวของดาวปิตูเรสอย่างน่าสยดสยอง เพราะบนจอมีภาพคนตายเกลื่อนกลาด ตามตัวของคนเหล่านั้นมีตุ่มสีดำพองขึ้นมาจนเธอแทบจะอาเจียน “คุณเข้ามาในห้องนี้ทำไม ออกไป” เสียงดุดันทางด้านหลังทำให้มัดมุกหันกลับไปมองด้วยความรวดเร็ว และเห็นว่าแววตาของเขาแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว ก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางคุกคาม มัดมุกถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนไปชนกับสวิตช์ปิดไฟ ห้องทั้งห้องจึงมืดลงทันที และนั่นก็ทำให้เธอเห็นว่าดวงตาของโจฮันเรืองแสง “คะ...คุณเป็นใคร คุณไม่ใช่มนุษย์” “ผมเป็นมนุษย์ แต่ไม่ใช่มนุษย์บนโลกของคุณ” “หมายความว่า...” “ผมเป็นมนุษย์ต่างดาว” “กรี๊ดดดดดดดดด”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD