รษาตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในวันต่อมา ตลอดหลายวันเธอรู้สึกสะลึมสะลือ เพียงรับรู้บางอย่างรางเลือน อาการเจ็บแปลบและขมปร่าในปากก็ลดลงไปมาก อาการของคนถูกล้างท้องทรมานอย่างนี้นี่เอง
หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบห้อง ใบหน้าคมเข้มที่เธอตื่นขึ้นมาเห็นทุกครั้งยังส่งยิ้มละมุนให้เธอ พี่ชายที่ยืนอยู่อีกข้างฝั่งเดียวกับญาดา รวมไปถึงคณาธิปอีกคน
“ตื่นแล้วหรือ หิวน้ำหรือเปล่า” ปรินทรกุลีกุจอหยิบแก้วน้ำ พร้อมกับช้อนใต้คอเธอยกขึ้น ส่งหลอดเข้าปากให้คนป่วย เธอจำต้องยอมดื่ม ทว่าความปวดแสบในลำคอทำให้เธอหน้าแหยและฝืนกลืนไปได้เพียงคำเดียว
“อีกนิดสิ หมอให้คุณดื่มน้ำเยอะๆ” ปรินทรยังคงคะยั้นคะยอต่อ ไม่ยี่หระกับสายตาอาฆาตแทบเผาไหม้ของพี่ชายคนป่วยฝั่งตรงข้ามสักนิด คนป่วยส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาถึงยอมปล่อยให้เธอนอนลงเหมือนเดิม
เป็นครั้งแรกที่พ่อเลี้ยงหนุ่มเห็นน้องสาวตื่น เพราะงานยุ่งและรษานอนแทบตลอดทั้งวัน และทุกครั้งที่เขามาเยี่ยมก็จะถูกขวางทางด้วยแฟ้มและอุปกรณ์ทำงานของอีกคนจนอึดอัด
“รษาเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหน ทำไมเราถึงทำอย่างนี้”
รษาส่ายหน้าแรงพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาอาบลำคอ อยากอธิบายความเข้าใจผิด แต่พอจะขยับริมฝีปากและพยายามเปล่งเสียงออกมา ทว่ามันกลับไม่มีเสียงอย่างที่เจ้าตัวตั้งใจ ได้แต่มองหน้าพี่ชายนิ่งเหมือนขอโทษเท่านั้น
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย พี่ไม่ได้ว่ารษานะ พี่รักรษา ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ” ธามก้มลงโอบกอดน้องสาวบนเตียง
รษายกมืออีกข้างแตะไหล่พี่ชายสะอื้นฮักกับแผงอกอุ่นของเขา ทั้งที่ทุกคนยังเข้าใจผิดว่าเธอคิดฆ่าตัวตาย และเธอก็ยังไม่สามารถอธิบาย แต่เมื่อทุกอย่างผ่านมาด้วยดีทุกคนไม่ได้กล่าวโทษเธอ หญิงสาวก็ปล่อยให้เรื่องราวมันผ่านไป
“รษาอยากเข้าห้องน้ำ” รษาพยายามเปล่งเสียงออกมาให้พี่ชายได้ยิน ปรินทรขยับตัวจะพาเธอไป แต่ธามมองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อและผลักอกเขาออก เข้าไปประคองน้องสาวลุกขึ้นเอง
“ให้ญาดาพาไปดีกว่า ธามต้องไปพบลูกค้าที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่หรือ ไปเถอะเดี๋ยวตกเครื่อง ทางนี้ญาดาจะช่วยดูแลให้เอง”
ญาดาเสนอตัวห้ามทัพสองหนุ่มที่กำลังแยกเขี้ยวใส่กันกลายๆ อาสาเฝ้าไข้ให้พร้อมกับเดินมาประคองรษาเข้าห้องน้ำ เพราะคนป่วยอาจจะมีอาการหน้ามืดอยู่
เพราะเป็นนัดสำคัญที่ไม่อาจเลื่อนได้ พ่อเลี้ยงหนุ่มจึงจำยอมต้องไป เขาต้องดูแลอีกหลายร้อยชีวิตที่อยู่ด้านหลัง พ่อเลี้ยงหนุ่มหันมามองเพื่อนสาวอย่างขอบคุณ
“ถ้าอย่างนั้นฝากรษาด้วยนะ วันมะรืนตอนเย็นพี่จะรีบกลับมาหานะรษา หายเร็วๆ เราจะได้กลับไร่กัน” เขายกมือขึ้นยีศีรษะน้องสาวบอกก่อนที่จะเดินออกไป
หลังจากพาคนป่วยเดินออกจากห้องน้ำมา คล้อยหลังพ่อเลี้ยงหนุ่มกับคณาธิป ญาดาก็หันมาบอกกับชายหนุ่มอีกคนที่ยังอยู่ในห้อง
“คุณปรินทรเองก็ควรจะกลับไปพักบ้างนะคะ ญาดาเห็นคุณอยู่เฝ้าน้องรษามาหลายวันไม่ได้พักเลย วันนี้ญาดาขอดูแลเธอแทนสักวันนะคะ” ปรินทรอึกอักมองหน้าคนป่วยอย่างลังเล
“เอ่อ”
“น้องรษาดีขึ้นมากแล้ว ผู้หญิงอยู่ด้วยกันคงจะสะดวกกว่า เอาเป็นว่าพรุ่งนี้คุณค่อยมาดีกว่านะคะ”
“ครับ” ปรินทรจำต้องรับคำ แต่ก็ขยับก้าวเดินเข้าไปหาคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียง
“คุณกลับไปเถอะ” คนป่วยบอกเสียงเบาแหบระโหยเพราะยังแสบคอ ทั้งที่เธอตื่นมาเจอเขาทุกครั้งในช่วงที่สะลึมสะลือ และเขาก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ความรู้สึกโกรธที่ฝังอยู่ในใจก็ไม่อาจลบเลือนไปได้ง่ายๆ เช่นกัน
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือซีดไร้สีเลือดของเธอ ทอดสายตามองอย่างอ่อนโยน
“ถ้างั้นผมกลับไปทำงานก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมจะแวะมาหาแต่เช้า คุณอยากทานอะไรหรือเปล่า ผมจะให้เชฟที่โรงแรมทำมาให้”
หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ชายหนุ่มยกมือลูบผมของเธอพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“ถ้าคืนนี้คิดถึงคนเฝ้าไข้สุดหล่ออย่างผม ก็โทรไปบอกตามเบอร์นี้ได้นะ” ชายหนุ่มไม่วายเย้าต่อ วางนามบัตรของตัวเองไว้บนหัวเตียง คราวนี้เขาได้รับค้อนวงใหญ่จากคนป่วยกลับมาเป็นคำตอบแทน เรียกเสียงหัวเราะนุ่มในลำคอของชายหนุ่มที่เดินหันหลังออกจากห้องไป
ญาดาเดินไปรินน้ำมายื่นให้คนป่วย หลังจากชายหนุ่มเดินออกจากห้องไป
“รษาดื่มน้ำก่อน คุณหมอให้ดื่มน้ำเยอะๆ ตอนนี้ยังเพลียอยู่ไหม”
หญิงสาวรับแก้วน้ำในมือญาดามาดื่มอย่างว่าง่าย “ขอบคุณค่ะพี่ญาดา รษาดีขึ้นมากแล้วค่ะ แต่ยังเจ็บคออยู่ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการถูกล้างท้องมันจะทรมานขนาดนี้”
“คราวหน้ารษาอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ทุกคนรักและเป็นห่วงรษามาก ถ้าไม่กล้าเล่าให้ธามฟังก็เล่าให้พี่ฟัง พี่ยังเป็นพี่สาวที่รักและหวังดีกับรษาเสมอ เราจะได้ช่วยกันแก้ไข รษาจะได้ไม่ต้องมาทนแบกรับปัญหาไว้คนเดียวอย่างนี้”
“รษาไม่ได้คิดสั้นนะคะ” หญิงสาวรีบบอก นั่นทำให้อีกคนร้องออกมาอย่างแปลกใจ
“อ้าว แล้วเรื่องมันเป็นยังไง”
รษาโผเข้ากอดญาดาร้องไห้สะอื้นฮักๆ เป็นนานกว่าที่เธอจะตัดสินใจเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ญาดาฟัง
“รษาผิด รษาเครียด รษาแค่ทานยาและอยากนอนพัก ไม่อยากคิดถึงเรื่องราวนั้นอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าจำนวนที่เทมันมากไปจนร่างกายรับไม่ไหว”
“ไม่เป็นไร คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ ทุกคนเป็นห่วงรษามาก”
“ค่ะ ต่อไปนี้รษาจะลุกขึ้นมาเผชิญกับทุกปัญหา”
“เล่าเหตุการณ์ที่ผับวันนั้นให้พี่ฟังได้หรือเปล่า แต่ถ้ารษาไม่สบายใจก็ไม่เป็นไรนะ” ญาดาถามหยั่งเชิง
รษาพยักหน้าเบาๆ เธอเช็ดน้ำตาตัวเองออกก่อนจะเริ่มเล่าเรื่อง
“วันที่พี่ธามไปกรุงเทพฯ รษาแอบหนีออกไปเที่ยว” จากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างที่รษาจำได้ก็พรั่งพรูออกจากปากสาวน้อยทั้งน้ำตา
ซีสผับสถานบันเทิงสุดหรูชื่อดังใจกลางเมืองเชียงราย ผับที่เนรมิตชั้นใต้ดินของโรงแรมปางวิมานให้กลายเป็นสวรรค์บนดินของนักท่องราตรีในอดีต ก่อนที่ปรินทรเข้ามาบริหาร ผับทุกแห่งในเครือจะรวบรวมความบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น สุรา นารี ดนตรี หรือแม้กระทั่งยาปลุกเซ็กซ์ ที่สำหรับเสริมกำลังวังชาบรรดาเสี่ยอ้วนตัณหากลับทั้งหลาย ถึงแม้ตอนนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ความเชื่อเดิมก็ยังหลงเหลืออยู่มาก
แสงมิเรอร์บอลเลเซอร์หลากสีส่องสะท้อนไปทั่วห้องกว้างสีสันสวยงาม ร้อนแรง บรรดาชายหญิงนักท่องราตรี ขยับยักย้ายส่ายสะโพกยวนยั่ว กลิ่นบุหรี่ผสมกับกลิ่นเหล้าฉุนจัดคละคลุ้งฟุ้งกระจาย จังหวะเสียงดนตรีมันๆ ทำให้นักท่องราตรีทั้งหลายขยับขาออกมาแดนซ์กันอย่างสนุกสุดเหวี่ยง บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมึนเมา ของดีกรีแอลกอฮอล์ที่ร้อนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
รษาน้องสาวสุดหวงวัยยี่สิบเอ็ดของพ่อเลี้ยงธาม สาววัยใสในชุดเดรสสั้นแค่คืบสีเปลือกมังคุดขับกับผิวขาวผ่องอมชมพูของเธอ คนร่างเล็กบอบบางกำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับเสียงเพลง เธอโยกพลิ้วตามจังหวะและขยับตามเสียงดนตรี อวดเรียวขาเพรียวผ่องชวนมอง ผ้าผืนน้อยที่ห่อหุ้มกายกระถดสั้นขึ้นไปอีก จนแทบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรรำไรอยู่ข้างในนั้น บรรดาชายหนุ่มข้างๆ ที่มองตาม ต่างจินตนาการไปนานา เขยิบเข้ามาใกล้ตรงที่เธอกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่