โลกบันเทิงในอีกมิติ ที่พาเธอดื่มด่ำไปแสงสีที่เธอโหยหา สาวน้อยนักท่องราตรีขณะพี่ชายทั้งหวงและห่วงน้องสาวเพราะเป็นคนเกลียดแสงสี เกลียดผู้หญิงเที่ยวกลางคืน ธามมักกักบริเวณน้องสาวไม่ให้ออกไปไหน ถึงแม้บางครั้งจะยอมอนุญาตให้ไปแต่ก็ต้องมีคนในไร่คอยตามคุมไม่ห่างทุกครั้ง
มือบางยกขึ้นแตะหน้าอกอิ่มในท่วงท่าเชิญชวน ยั่วยวนช่วงจังหวะที่ดนตรีกำลังเร่าร้อน และเธอก็กำลังสนุกสุดเหวี่ยง มินตราเพื่อนสนิทที่สุดของเธอในกลุ่มห้าคน ก็เดินถือแก้วยิ้มร่าเข้ามาหา
“ดื่มหน่อยนะรษา” มินตรายื่นแก้วสีสดใสให้รษา น้ำเสียงอ่อนหวานที่ถ่ายทอดออกมาเหมือนทุกครั้ง
แต่ทว่าในใจกลับคิดสวนทาง ตลอดเวลาที่คบกันมานานหลายปี ความกดดันที่มินตราทนตกเป็นเบี้ยล่างของคุณหนูขี้วีนนี้มานาน นอกจากจะขี้วีนแล้ว รษายังชอบทำตัวเด่นและกดหัวคนอื่นให้ต่ำลงเสมอ
“ไม่ละ! เธอก็รู้นี่เมนี่ว่าพี่ธามไม่ชอบให้ฉันดื่ม” คุณหนูขี้วีนตอบกลับทันทีด้วยท่าทีหยิ่ง เชิดคอตั้งตามแบบฉบับ แต่ก็ยังคงขยับยักย้ายส่ายสะโพกยั่วยวน ให้หนุ่มสองคนที่อยู่ในโต๊ะและโต๊ะข้างๆ น้ำลายไหลอย่างสนุกสนาน รวมถึงผู้ชายมาดนิ่งอีกคนที่ยืนมองจากห้องทำงานชั้นบนของผับแห่งนี้ และเขาก็มองร่างบางไม่วางตา
เมื่อมินตราเห็นอีกคนไม่สนใจก็เพิ่มดีกรีความพยายามเข้าไปอีก เธอแอบจิกตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนชาย ธีรภาคเพื่อนชายในกลุ่มเดินเข้ามาช่วยมินตราอย่างรู้งาน
“หน่อยเดียวน่า! รษา หรือว่าเธอไม่กล้า เธอบอกพวกเราเองนะ ว่าวันนี้พี่ธามสุดหล่อของเธอไม่อยู่นี่นา เอาน่า นิดนึงนะ ไม่เมาหรอก เราสัญญา” ธีรภาคเพื่อนของมินตรายิ้มกริ่มกระซิบข้างหูรษา และยื่นแก้วค็อกเทลสีสดใสให้หญิงสาวสายด้วยตากรุ้มกริ่ม
“ใช่! เธอก็รู้ดีว่าถ้าพี่ธามสุดหล่อของเธออยู่ละก็ เธอจะไม่ได้สนุกสุดเหวี่ยงอย่างนี้แน่นอน ฉันรับรอง เอ หรือว่าคนอย่างเธอจะไม่กล้าอย่างที่นายภาคบอกนะ” มินตราเสริมแต่งปั่นยั่วอารมณ์สุดขีด ซ่อนยิ้มแววตาเป็นประกาย เพราะรู้ดีคุณหนูขี้วีนอย่างรษาเกลียดการท้าทายมากแค่ไหน
“ก็ได้! แค่แก้วเดียวนะ” รษายกมือขึ้นมารับแก้วจากเพื่อน แต่ก็ไม่วายต่อรอง
“อือได้ แต่ต้องหมดแก้วนะ”
แค่แก้วเดียวก็เกินพอสำหรับแม่นางฟ้าขี้วีน วันนี้แหละเขาจะสอยเธอให้จะตกลงมาจากฟ้าให้ได้ อยากรู้นักเชียว ว่าเธอจะยังชูคอหยิ่งจองหองได้อีกหรือเปล่า ธีรภาคยิ้มร้าย
ค็อกเทลสีหวานแก้วสวยแต่ระดับแอลกอฮอล์ไม่ได้หวานเหมือนสีสันถูกมือบางยกขึ้นดื่ม เธอดื่มจนหมดแก้วรวดเดียวด้วยสายตาท้าทาย
“ว้าว! เยี่ยมมากรษา นี่แหละยัยรษาที่ฉันรู้จัก” มินตราปรบมือบอกรษาอย่างชื่นชม “แต่ถ้าเธอแน่จริง แค่แก้วเดียวคงไม่พอหรอกมั้ง! ว่าไหมทุกคน”
มินตรายังท้าทายต่อ สิ้นเสียงมินตราเพื่อนสาวทั้งกลุ่มก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รษาหันมามองเพื่อนในกลุ่มที่กำลังหัวเราะเยาะหยามหยันเธอ มีสักครั้งหรือ ที่คนอย่างรษาจะยอมให้ใครหัวเราะเยาะอย่างนี้
รษาหยุดวาดลวดลาย ใบหน้าเนียนเริ่มซับเลือดฝาดและแดงก่ำเมื่อถูกเพื่อนหัวเราะเยาะแดกดันเย้ยหยัน เธอหันกลับมามองเพื่อน เพราะเกลียดคำพูดที่ดูหมิ่นเป็นที่สุด ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม เธอก็ไม่เคยยอมสักครั้ง
“ได้ จัดมา! พวกเธอจะได้รู้เสียทีว่าฉันคนจริงแค่ไหน”
คำยั่วยุของเพื่อนพาอารมณ์เธอไปไกลลิบ เผลอหลุดคำพูดออกมาอย่างท้าทาย ค็อกเทลสีหวานไหลผ่านลำคอแก้วแล้วแก้วเล่า คนส่งให้ก็ส่งให้อย่างต่อเนื่อง
“ฉันจะกลับแล้ว”
จู่ๆ รษาก็ผลักอกมินตราออก กระแทกเสียงแข็งใส่หน้าเพื่อนสาว แล้วแหวกวงล้อมออกมาดื้อๆ เพราะรู้สึกฝืดคอกับแอลกอฮอล์สีหวานมีดีกรีที่ดื่มเข้าไปในร่างกายหลายแก้วจนรู้สึกเวียนหัว ร่างกายปั่นป่วนร้อนรุ่มชอบกล อยากอาบน้ำเต็มที โดยเธอไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าอาการปั่นป่วนเกิดมาจากสาเหตุใด
ถึงเมาแทบไม่ได้สติ ทว่าคอยังเชิดตรงเดินเซออกไป คนอย่างเธอไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครอยู่แล้ว
“ฉันละเกลียดนักกับท่าทางจองหองหยิ่งผยองพองขนของเธอ ไม่เคยเห็นหัวเพื่อนสักคน ถ้าไม่มีฉันจะมีใครคบเธอหรือเปล่า” มินตราส่ายหน้าบอกเบาๆ หันไปบอกลาเพื่อนสามคนที่กำลังแดนซ์อย่างเมามันกลางฟลอร์ ก่อนที่จะเดินตามรษาออกไป “ฉันไปส่งนะ”
มินตราวิ่งตามออกไปพยุงเพื่อนบอกอย่างห่วงใย ทว่ารษากลับปัดเหวี่ยงแขนเพื่อนออกสุดแรง ก่อนที่สติสุดท้ายของเธอจะหลุดลอยไปยังดีที่มินตราจับเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มฟาดพื้น มินตรายิ้มให้กับธีรภาค
“ขอบคุณนายมากนะธีรภาค ถ้าไม่มีนายฉันก็ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร” มินตราบอกธีรภาค พร้อมกับส่งร่างบางสะลึมสะลือด้วยฤทธิ์ยาอ่อนๆ ปนดีกรีน้ำเมาให้เขา
“ขอบใจเธอเหมือนกันที่ยอมช่วยฉัน”
ชายหนุ่มวางตัวหญิงสาวลงบนเตียงอย่างเบามือ พร้อมกับปล้ำถอดเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรีบเร่ง ไม่อยากช้าแม้เสี้ยวนาที ชายหนุ่มอีกสามคนเดินตามมาสมทบในห้องที่พวกเขาจงใจใช้ชื่อรษาเปิดเอาไว้
ธีรภาคก้มลงซุกซอกคอ กดเม้มริมฝีปากซอกซอนหนักหน่วงรุนแรงเรื่อยลงมาตรงหัวไหล่ ขบเม้มจงใจสร้างรอยจ้ำๆ ให้ปรากฏบนนวลเนื้อสีชมพู ตามนิสัยชายนิยมความรุนแรง ปลุกเร้าสันดานดิบด้านมืดในตัวเขา
รษาเรียกสติสุดท้ายที่มีในความมึนเมา เธอปรือตาอันหนักอึ้งขึ้นมอง พยายามอ้อนวอน ทั้งดิ้นทั้งผลัก ยกมือผละออกจากมือชายแปลกหน้าที่มองเห็นเพียงเลือนราง
ทั้งที่ร่างกายของเธอร้อนรุ่มสุมทรวง เหมือนถูกไฟลนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ร้อนวูบวาบสลับกับหนาวยะเยือก เธอต้องการการกอดรัด ต้องการปลดปล่อย แต่ทว่ามองเห็นชายหนุ่มสี่คนตรงหน้า พวกเขาย่างสามขุมเดินเข้ามาหา ต่างปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองต่อหน้าเธอ
อารามตกใจกลัวรษาถดถอยหนีจนชิดริมขอบเตียง เธอรับรู้เพียงกลัวจนเสียสติ เธอยกมือพนมอ้อนวอนทั้งน้ำตา เพื่อไม่ให้ชายทั้งสี่ทำอะไรเธอ แต่เสียงร้องขออ้อนวอนของเธอก็ไม่เป็นผล
“มาสนุกกันดีกว่าสาวน้อย รับรองว่าเธอจะได้แตะขอบสวรรค์ทั้งคืน” ไม่พูดเปล่า พวกเขาฉีกทึ้งเดรสตัวสั้นของหญิงสาวอย่างหยาบคาย กักขฬะ
“กรี๊ดด! อย่านะ! กรี๊ดดด!” รษาส่งเสียงเว้าวอน เสียงสุดท้ายกลืนหายเข้าไปในลำคอ ก่อนที่เธอจะไม่มีสติจดจำเรื่องราวใดๆ ได้อีก
รษาเงยหน้าขึ้นมองญาดาอีกครั้งหลังจากที่เล่าจบ ดวงตาบวมช้ำเปื้อนคราบน้ำตาอาบสองข้างแก้ม
“รษาเผลอตัวหลวมใจดื่มจนเมา หลังจากนั้นรษาก็มีอาการร้อนรุ่มแปลกๆ รษาเลยจะกลับบ้าน แต่ในความรางเลือนเหมือนมีผู้ชายหลายคนกำลังจะลวนลามรษาบนเตียงของโรงแรม รษากลัวมากร้องจนสลบไปและก็จำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้อีก พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เจอเขา”
“รษาหมายถึงคุณปรินทรหรือ”