“ฮือ ๆ คุณหนูเจ้าคะ ท่านอย่าทำแบบนี้ แล้วจิ๋นอิ่งจะอยู่กับใคร คุณหนูรีบตื่นเถิดเจ้าค่ะ” สาวน้อยนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ข้างเตียง
มิวที่อยู่ในร่างของดรุณีน้อยนางนั้นพยายามที่จะลืมตาขึ้นมองหาที่มาของเสียงร้องไห้ที่ดังระงมอยู่ ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากเย็นเท่าไรนัก และในขณะที่กำลังกะพริบตาเพื่อปรับสายตาอยู่ จากเสียงร้องไห้ฟูมฟายก็กลายเป็นเสียงตื่นเต้นดีใจแทน
สาวน้อยนางนั้นรีบขยับตัวเข้ามาจับแขนของเธอพลางเขย่าด้วยความดีใจ “คุณหนู! คุณหนูฟื้นแล้ว! คุณหนูฟื้นแล้ว!” จิ๋นอิ่งร้องตะโกนเสียงดัง ทำให้ดรุณีน้อยที่พยายามปรับสายตาอยู่นั้นรีบออกคำสั่งเสียงดังทันที
“หยุดเขย่าแขนฉันเดี๋ยวนี้ เธอจะตะโกนเสียงดังไปทำไมกัน”
มิวที่อยู่ในร่างของฟางลี่ถิงตวาดสาวรับใช้ที่นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยความหงุดหงิดใจ จิ๋นอิ่งรีบหุบปากลงทันที ได้แต่ก้มตัวหมอบวางหน้าผากติดพื้นตัวสั่นเทา เพราะตกใจที่คุณหนูของตนแสดงความโมโหขึ้นมา
“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าดีใจมากไปหน่อยที่คุณหนูปลอดภัย”
จิ๋นอิ่งตอบผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย
มิวที่ปรับสายตาให้ชินได้แล้วก็กวาดตามองไปทั่วห้อง ข้าวของทุกอย่างทำจากไม้ที่ดูเก่าและรูปทรงก็โบราณไปหมด
‘การตกแต่งห้องดูหรูหรามีฐานะ และสาวน้อยที่คุกเข่าหมอบตัวอยู่ตรงหน้าก็แต่งตัวด้วยชุดที่เหมือนในหนังจีนโบราณที่เคยดู’ มิวพิจารณาและวิเคราะห์สถานการณ์ พร้อมกับก้มมองสำรวจตัวเองทันที
‘มือมีผิวขาวซีดอย่างกับสีของกระดาษ แถมรูปร่างก็ผอมบางด้วย หน้าท้องก็ไม่มี แขนขาก็เล็กนิดเดียว หน้าอกก็ดูใหญ่เกินตัว’ มิวยกมือขึ้นจับหน้าอกด้วยความตื่นเต้น เหมือนเด็กที่อยากรู้อยากเห็นกับการสำรวจร่างกายใหม่ของตนเอง
จิ๋นอิ่งที่เห็นคุณหนูเงียบไปนานจึงถือวิสาสะเงยหน้าขึ้นมองดู
“คุณหนูทำอะไรหรือเจ้าคะ แล้วท่านจับหน้าอกตัวเองทำไมหรือ” จิ๋นอิ่งพูดไปหน้าก็ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
....
...
“อะ เอ่อ…ฉันแค่อยากจับดูว่ามันยังอยู่ดีไหม แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ” มิวที่โดนทักอย่างนั้นก็รู้สึกอับอายจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ตอบเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน
จิ๋นอิ่งแปลกใจ
‘ไยคุณหนูถึงพูดจาแปลกไป หรือจะเป็นเพราะอดอาหารและนอนตรอมใจหลายวันจึงเป็นสาเหตุให้สมองกระทบกระเทือน’ เด็กสาวมองคุณหนูของตนด้วยความเป็นห่วง
“ให้บ่าวไปตามท่านหมอมาตรวจดูอาการอีกรอบดีไหมเจ้าคะ” จิ๋นอิ่งลุกขึ้นยืนกำลังจะเดินออกจากห้องไป เมื่อเห็นผู้เป็นนายนั่งเงียบไม่ยอมพูดจา
‘เราข้ามมิติมาเข้าร่างสาวน้อยคนนี้ตามที่ท่านเทพแห่งโชคชะตาบอกไว้ เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ และที่นี่จะต้องเป็นเมืองจีนอย่างแน่นอน แต่ทำไมฉันถึงสื่อสารภาษาจีนได้นะ หรือนี่จะเป็นความสามารถพิเศษ อย่างนั้นเริ่มแรกก็ต้องปรับการพูดเป็น ‘ข้าและเจ้า’ ให้เหมือนกับว่าเรากำลังแสดงหนังจีนอยู่’ ในขณะที่ดวงวิญญาณของมิวมาเข้าร่างดรุณีน้อยที่มีนามว่า ‘ฟางลี่ถิง’ อายุใกล้วัยปักปิ่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าที่กำลังนั่งคิดกับตัวเองแถมยังอมยิ้มคล้ายคนสิ้นสติอยู่นั้น
จิ๋นอิ่งที่ลอบสังเกตดูพฤติกรรมของคุณหนูก็ได้แต่ทำสีหน้าวิตกกังวลใจ และพูดเสียงเบาจนเหมือนกระซิบว่า
“ไม่ใช่ว่าคุณหนูใกล้เสียสติเพราะตรอมใจ เรื่องที่ท่านอ๋องขอยกเลิกการหมั้นหมายหรอกนะเจ้าคะ” จิ๋นอิ่งยืนถอนหายใจอยู่ตรงหน้าประตูห้อง
มิวที่กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยพลางอมยิ้มอยู่คนเดียวนั้นก็หยุดยิ้ม ร่างกายของเธอรู้สึกชะงักค้างไปเพราะได้ยินสิ่งที่สาวรับใช้พูดกระซิบกับตนเองเมื่อครู่ จึงถามออกไปว่า
“เจ้าว่าอะไรนะ ใครจะถอนหมั้นหรือ”
จิ๋นอิ่งที่แอบพูดกับตัวเองอยู่นั้นได้ยินเสียงคุณหนูถามขึ้นก็รู้สึกตกใจที่พูดออกไปโดยไม่คิด จึงรีบเดินมาข้างเตียงและคุกเข่าลงโดยไว
“จิ๋นอิ่งผิดไปแล้วเจ้าค่ะที่พูดเรื่องกระทบจิตใจคุณหนู ข้าสมควรตาย สมควรตาย!” สาวน้อยพูดแล้วก็พลางโขกหัวลงกับพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
มิวตกใจกับการกระทำนั้นเลยรีบลงจากเตียงนอนแล้วเข้ามาพยุงตัวของสาวน้อยไม่ให้เอาศีรษะโขกลงกับพื้น
“อย่าทำอย่างนี้อีก ข้ายังไม่ได้ตำหนิอะไรเลย”
มิวพยุงร่างของเด็กสาวเอาไว้อย่างทุลักทุเลจนนางตกใจกับการกระทำนั้นของผู้เป็นเจ้านาย เพราะไม่เคยได้รับความเมตตาเช่นนี้มาก่อน จึงเกิดความตื้นตันใจจนร้องไห้ออกมา “คุณหนู” จิ๋นอิ่งน้ำตาซึม รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก
มิวที่เห็นจิ๋นอิ่งทำหน้าอย่างนั้นจึงได้แต่เก็บความรู้สึกสงสัยไว้ในใจแล้วถามสาวน้อยตรงหน้าว่า “เจ้าเป็นคนรับใช้ของข้าหรือ” หญิงสาวพูดจบก็เดินไปนั่งลงบนเตียงนอนแล้วหันหน้ามามองบ่าวรับใช้ที่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้า
“ข้าเป็นคนรับใช้ของคุณหนูตั้งแต่อายุเก้าหนาว ถูกขายเข้าบ้านสกุลฟางตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...” จิ๋นอิ่งพูดขึ้นด้วยความน้อยใจ
มิวที่อยู่ในร่างของฟางลี่ถิงได้แต่พยักหน้าเข้าใจ
“หากเป็นเช่นนั้นเจ้าจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงสลบไป” หญิงสาวนั่งมองสำรวจไปทั่วห้องเหมือนกับคนที่จำอะไรไม่ได้
“คุณหนู ท่านจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้หรือเจ้าคะ” จิ๋นอิ่งรู้สึกเศร้าจนอยากร้องไห้อีกหน
‘ท่านเทพสัญญาว่าจะคืนความทรงจำของร่างเดิมให้ข้าได้รับรู้ตั้งแต่เริ่มต้นไม่ใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดตอนนี้ถึงมีแต่ความทรงจำของข้าเพียงผู้เดียว’ มิวตัดพ้อเทพแห่งโชคชะตาอยู่ในใจ และรีบตอบคำถามของสาวรับใช้ทันทีเพื่อไม่ให้มีพิรุธ