อยู่ ๆ ก็มีแสงสว่างจ้าสาดเข้ามาส่องร่างกายของฉัน
‘แสบตาจัง! ใครเปิดไฟแยงตาฉันนะ’ (ได้ข่าวว่าแกอยู่คนเดียวนะมิว) ในขณะที่มิวกำลังงัวเงียตื่นขึ้นจากการนอนหลับไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม ‘หงุดหงิดชะมัด’ ร่างบางยกมือทั้งสองขึ้นมาบังดวงตาจากแสงสว่างจ้าที่ส่องเข้ามา พร้อมกับหยีตาเพื่อปรับโฟกัสให้สามารถมองเห็นที่มาของแสงสว่างนั้น เมื่อตั้งสติได้ มิวก็ลุกขึ้นจากเตียงนอนและพยายามมองไปยังทางที่แสงส่องเข้ามา
‘ก่อนเข้านอน ฉันก็เดินไปปิดประตูห้องเรียบร้อยดีแล้วนะ’ มิวคิดขณะเดินไปยังประตูห้องที่เปิดกว้าง
อยู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดมหาศาล
วูบ
...
..
ผลจากแรงดึงดูดนั้นทำให้ร่างของมิวลอยหายเข้าไปยังประตูทางเข้าห้องนอน หญิงสาวรู้สึกตกใจอย่างมากจึงรีบคว้าขอบประตูเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถเกาะขอบประตูเอาไว้ได้เพราะร่างกายของเธอโปร่งแสงคล้ายวิญญาณ มิวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
แล้วแรงดึงมหาศาลนั้นก็ดูดร่างของเธอหายเข้าไปในประตูมิติ พร้อมกับแสงสว่างที่ค่อย ๆ จางลงพร้อมกับประตูห้องนอนที่ปิดสนิทเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสงสว่างนั้นพาร่างบางมาโผล่ที่แห่งหนึ่ง ทั่วทั้งบริเวณมีแต่สีขาวเต็มไปหมด ทุกอย่างขาวโพลนจนสุดลูกหูลูกตา
“ที่นี่...ที่ไหนกัน” มิวมองไปรอบบริเวณก็ไม่พบใครสักคนเดียว เจอเพียงความว่างเปล่า พอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น เธอก็ยกมือขึ้นมากอดอกโดยไม่มีสาเหตุ ‘ทำไมโชคชะตาของฉันถึงอาภัพอย่างนี้ วิญญาณหลุดออกจากร่างแทนที่จะได้ไปนรกหรือสวรรค์ แต่กลับมาอยู่ที่แห่งไหนก็ไม่รู้ แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว’ มิวได้แต่ตัดพ้อกับตัวเองในใจอย่างท้อแท้
ทันใดนั้นก็มีเสียงปริศนาพูดขึ้นมาว่า
“เหตุใดเจ้าถึงคิดเช่นนั้นเล่า…แม่นาง”
“ใครคะ?” มิวตะโกนถามออกไปแล้วก็หันมองรอบตัว แต่ก็ไม่เห็นจะเจอใครเลยสักคนเดียว
“คุณเป็นผีหรือเปล่าคะ” หญิงสาวทำใจกล้าถามถึงสิ่งที่มองไม่เห็นออกไปด้วยความกลัว
“ไยเจ้าถึงคิดเปรียบเทียบข้ากับผีสางชั้นต่ำเช่นนั้นกัน” เสียงปริศนานั้นตอบกลับมาคล้ายกับว่ารู้สึกไม่พอใจ
มิวเริ่มหมดแรงจึงทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพร้อมกับหลับตาลงและตอบกลับเสียงปริศนาที่ไม่มีที่มาออกไปว่า
“คุณเป็นใคร ออกมาคุยกันดี ๆ ได้ไหมคะ ฉันเหนื่อยแล้ว” พอมิวพูดจบก็นั่งเหยียดขาตรงพร้อมกับใช้แขนขวาทุบไปที่ขาทั้งสองด้วยความเมื่อยล้า
“เจ้าวิญญาณเร่ร่อน กล้าสั่งเราอย่างนั้นหรือ ข้าเห็นแก่ว่าเจ้าเดินทางมาจากที่อันไกลโพ้น จะเมตตาบอกก็ได้ว่าข้าคือใคร” เสียงปริศนานั้นพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“ข้าคือเทพแห่งโชคชะตา และสาเหตุที่ข้าพาเจ้าเดินทางมาที่นี่ก็เพราะความปรารถนาอันแรงกล้าของเจ้าที่อยากพบเจอรักแท้ ข้าจึงหยิบยื่นโอกาสนี้ให้วิญญาณเร่ร่อนเช่นเจ้าได้มีโอกาสพบกับสิ่งที่ต้องการ” เสียงปริศนานั้นบอกเหตุผลที่เธอได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่
เมื่อได้ฟังประโยคนั้นของเทพแห่งโชคชะตา หญิงสาวจึงถามกลับไปด้วยความสงสัยว่า “ท่านคือเทพแห่งโชคชะตาหรือคะ และอยากให้ฉันไปเกิดใหม่” มิวลืมตาขึ้นเพื่อมองหาคู่สนทนาที่เรียกตนว่าเทพแห่งโชคชะตา แต่ก็ไม่พบใคร เจอเพียงความว่างเปล่าดังเดิม
“ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเกิดใหม่ แต่จะให้ไปเข้าร่างดรุณีน้อยนางหนึ่งซึ่งตอนนี้เพิ่งสิ้นอายุขัย ข้าจะให้ทางเลือก ถ้าหากว่าเจ้าปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ก็จะประทานร่างดรุณีน้อยผู้นั้นให้ แต่ต้องแลกกับการทำภารกิจให้สำเร็จ” เทพแห่งโชคชะตากล่าวจบก็ยกมือขึ้นลูบเคราของตนเอง
มิวนั่งอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง จึงรีบตะโกนถามกลับไปอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น
“ฉันสามารถมีชีวิตต่อได้จริงหรือคะ” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ และรีบถามคำถามต่อด้วยความกระตือรือร้น
“แล้วภารกิจคืออะไรคะ”
เทพแห่งโชคชะตารับรู้ได้ถึงความคิดและความรู้สึกที่มุ่งมั่นของวิญญาณตรงหน้า จึงกล่าวต่อว่า “ภารกิจที่จะให้ทำนั้นไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่เจ้าจะต้องทำให้สำเร็จ นั่นก็คือทำให้คู่หมั้นของดรุณีน้อยผู้นั้นรักและยอมแต่งงานกับนางให้ได้”
เทพแห่งโชคชะตาพูดจบก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย พอมิวได้ทราบถึงภารกิจที่ตัวเธอต้องทำให้สำเร็จนั้นก็รู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เลยอยากขอพรบางอย่างเพื่อสามารถทำภารกิจให้สำเร็จ
“ท่านเทพ ฉันอยากจะขอให้ท่านช่วยประทานพรให้ได้ไหมคะ” มิวลองพูดในสิ่งที่ต้องการออกไป
เทพแห่งโชคชะตายินดีจะประทานพรให้นาง แต่ก็อยากลองใจหญิงสาวว่านางจะขอพรอันใด จึงกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าลองขอพรมาสักสามข้อ แล้วข้าจะรับพิจารณาดู” เทพแห่งโชคชะตายิ้มเล็กน้อยอย่างนึกเอ็นดูในความมีไหวพริบของนาง
“ข้อหนึ่ง ฉันอยากได้ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมทั้งหมด ข้อสอง ฉันขอเก็บความทรงจำของฉันเอาไว้ทุกอย่าง และข้อสาม ยังคิดไม่ออกค่ะ ค่อยขอทีหลังได้ไหมคะ” มิวหัวเราะออกมาในความโลภของตัวเอง เทพแห่งโชคชะตาได้ยินอย่างนั้นจึงหัวเราะเสียงดังลั่น...“ฮ่า ๆ”
“ข้าจะประทานพรที่เจ้าต้องการให้ตามที่ขอ แต่ข้อสามนั้นข้าจะเลือกให้เจ้าเอง นั่นก็คือให้ร่างกายของเจ้ามีกลิ่นกายหอมเย้ายวน พร้อมกับมีรูปโฉมงดงามปานล่มเมืองกว่าเดิม และสุดท้าย จะประทานสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดให้เจ้า จะได้สามารถแก้ปัญหาเองได้โดยที่ไม่ต้องคิดสั้นฆ่าตัวตายอีก” เทพแห่งโชคชะตากล่าวจบก็โบกมือร่ายพรสามหน
หญิงสาวที่ได้ยินคำพูดเหน็บแนมนั้นก็เกิดความโมโห แต่ไม่ทันจะโต้ตอบเป็นคำพูดเพราะเธอมัวแต่คิดอยู่ในใจว่า ‘ฝากเอาไว้ก่อนเถอะเทพแห่งโชคชะตา!’ มิวทำหน้าบึ้งตึง รู้สึกไม่พอใจท่านเทพอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“เจ้าหรือจะทำสิ่งใดข้าได้” เทพแห่งโชคชะตาที่ได้ยินความคิดทุกอย่างของหญิงสาวก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู ดวงตาเรียวยาวจ้องมองไปในลูกแก้วสามมิติที่กำลังปรากฏภาพดรุณีน้อยที่เดินทางมาจากมิติอื่น และเหตุผลที่นางได้รับเลือกให้ทำภารกิจในรอบหนึ่งพันปีสวรรค์ก็เพราะมีวาสนาต่อกัน
เมื่อเทพแห่งโชคชะตาประทานพรเสร็จ ชั่วอึดใจเดียวก็เกิดแสงจ้า มิวทำได้เพียงยกแขนขึ้นบังแสงสว่างที่แยงตานั้น ฉับพลันทั้งร่างของหญิงสาวก็ถูกดูดหายวับไป
...
..
‘พรึบ’
..
...
วิญญาณของมิวถูกเหวี่ยงออกมาจากมิติที่ว่างเปล่า พริบตาเดียววิญญาณของเธอก็ลอยหายเข้าร่างดรุณีน้อยนางหนึ่งที่นอนหลับอยู่บนเตียงโดยที่มีเสียงสะอึกสะอื้นของสาวน้อยอีกคนที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ด้านข้าง