“แล้วทำไมพวกคุณไม่บอกพ่อแม่คุณเอง ฝ่ายที่อยากให้มีงานแต่งงาน เป็นฝ่ายคุณนะ”
หญิงสาวบอกเสียงทดท้อ เธอเองก็ถูกบังคับเรื่องนี้เหมือนกันนั่นล่ะ แต่เธอรู้แค่ว่าวีณาอยากหาสะใภ้ให้ลูกคนเล็ก มารดาเธอก็ขอให้ช่วยแต่งงานล้างหนี้ แต่ถ้าเขาอยากแต่งแทน เขาพูดกับแม่เขาไม่ง่ายกว่าหรือ มาบังคับเธอด้วยวิธีแบบนี้ มันใช่ที่ไหน
“เพราะน้องผมไม่มีอำนาจต่อรองกับแม่ มันไปทำผู้หญิงท้องแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของศัตรูแม่ ถ้าแม่รู้เข้าท่านจะเลื่อนงานแต่งงานระหว่างคุณกับมันมาอาทิตย์หน้าแน่นอน ตอนนี้ท่านเอ็นดูคุณ คุณต้องไปบอกท่านว่าอยากแต่งงานกับผม”
“แล้วทำไมคุณไม่พูดเอง”
“ผมบอกแล้วไงว่าเพราะแม่ระแคะระคายว่าไอ้ไวท์ไปยุ่งกับลูกสาวศัตรู เลยอยากให้ไอ้ไวท์แต่งงานกับคนที่ท่านเองพอใจ”
“ถ้าฉันบอก ท่านจะมองฉันเป็นคนยังไงกัน”
“ที่อิดออดไม่อยากบอก เพราะอยากแต่งกับไอ้ไวท์เรอะ” เขาถาม
“ไม่ใช่... ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้น แต่เลือกไม่ได้เข้าใจไหม ไม่ว่าจะคุณ หรือน้องคุณ ฉันก็ทำใจลำบากทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างนั้น มันก็พอมีวิธีที่ทำให้ไม่ต้องลำบากใจ และมีแรงจูงใจอยากแต่งงานกับผม” เขาช้อนอุ้มเธอขึ้นจนตัวเธอลอยหวือ แต่กระนั้นหญิงสาวก็ดิ้นจะลง
เขาอุ้มเธอเดินไปที่เตียงนอนกว้างขวางของหญิงสาว ว่าคนตัวเล็กที่ดิ้นจนเกือบหลุดมือเขาไว้บนเตียง ถ้อยคำด่าของเธอระรัวจนรู้สึกว่ามากกว่าทั้งปีที่เขาโดนใครด่ารวมกันซะอีก
“เงียบก่อน” เขาเอามือปิดปากเธอเอาไว้ “ที่ต้องให้คุณบอกเพราะฝ่ายหญิงบอกเลิกงานแต่ง คุณจะเสียหายน้อยกว่า คุณต้องไปบอกแม่ผมว่าคุณชอบผมมากกว่าไอ้ไวท์”
“แต่ฉันไม่ได้ชอบคุณ” หญิงสาวแหวลั่น ความคิดเขาพิลึกพิลั่นเหลือเกิน
“ถึงไม่ชอบก็ต้องเลือกเอาว่าจะแต่งงานกับผู้ชายโสด หรือว่าผู้ชายที่มีลูกมีเมียแล้ว”
“ถ้าฉันบอกแม่คุณว่าไม่อยากแต่งงานกับลูกชายของท่านทั้งสองคน”
“แม่ผมยอมรับการตัดสินใจของคุณทุกเรื่องเพราะท่านเอ็นดูคุณมาก ดังนั้นคุณควรบอกความต้องการของทุน การที่ท่าเชิญครอบครัวคุณมาพักที่นี่เพราะท่านอยากรู้ว่าคุณจะคิดยังไงกับลูกชายท่าน”
“งั้นก็ช่วยปล่อยฉันด้วยค่ะ ฉันจะบอกท่านเองว่าจะไม่แต่งงาน”
คนที่กำลังจะใช้สิทธิ์สามีล่วงหน้าชะงัก ถ้าไม่แต่ง เขาก็ไม่มีสิทธิ์
ไม่แต่งก็ไม่แต่ง
เขาลุกขึ้นจากตัวยืนมองหญิงสาวที่ตั้งใจจะมาคุยด้วยดีๆ แต่มันลงเอยที่เตียงทุกครั้งคว้าผ้าห่มมาคลุมกาย
เขาเสียดายน้อยๆ กับความงามที่ถูกบดบัง เจ้าของเรือนร่างมองเขาราวกับจงอางหวงไข่ มือหนาๆ เลยลูบผมอย่างหงุดหงิด
“งั้นก็คุณคุยกับแม่ผมด้วยแล้วกัน ผุ้หญิงเป็นฝ่ายพูดจะได้ไม่น่าเกลียด” ถ้าลูกชายคนโปรดของวีณาบอกว่าไม่อยากแต่งงาน ความเอื้อเอ็นดูที่มีต่อศรุตาอาจจะเป็นอื่น นั่นเป็นเหตุผลที่เขามาบอกให้เธอพูดเอง แต่ว่าก็เผลอทำอะไรมากกว่าการบอกกล่าวอยู่เรื่อย
ร่างสูงก้าวออกไป ก่อนจะหันกลับมาอีกจนคนที่กำลังจะถอนหายใจโล่งใจผวาเฮือก
“อย่าป่วยการเมืองอีกล่ะ”
เขาบอกแล้วก็เดินผ่านไป หญิงสาวรีบไปอาบน้ำใหม่อีกรอบลบรอยสัมผัสของเขา นั่งอกสั่นขวัญแขวนตริตรองเรื่องราวต่างๆ อยากให้มารดาอยู่ข้างๆ เหลือเกินในตอนนี้เธอจะได้ปรึกษาท่านก่อนจะไปบอกกับน้าวีณาเรื่องแต่งงาน ก่อนนี้เธอแค่เตรียมใจว่าจะแต่งงานกับลูกชายของท่านเพราะท่านไปขอกับมารดาของเธอเองโดยตรง
หลังจากที่สรีและกลุ่มเพื่อนกลับมาจากการไปเที่ยววันเดย์ทริปแล้วนางก็ขอแยกออกมาดูลูกสาวว่าอาการดีขึ้นหรือเปล่า นางปล่อยให้ชัชชัยไปช่วย บริพัฒน์กับวีณาจัดการปาร์ตี้เล็กๆ สำหรับอาหารมื้อเย็น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มารดาเคาะประตูห้องลูกสาวพร้อมเสียงเรียก ครู่เดียวบานประตูก็เปิดออก สีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่ของลูกสาวทำให้สรีย่นคิ้ว
“ยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอ ไหนหมอเกรย์มาดูให้แล้วไง”
คำพูดของมารดาทำให้เธอหลุดคำว่าหึ อยู่ในลำคอ เขามาแล้วอาการเธอยิ่งแย่ลงน่ะสิ เธอหลอนเขาจนไม่กล้าออกจากห้องทั้งวันได้แต่สั่งอาหารมากินที่ห้อง เครียดจะแย่อยู่แล้ว
“ตกลงหมอนั่นเป็นหมอจริงเหรอคะ แม่แน่ใจเหรอ”
“เอ๊า...” มารดาเอ็ด “น้าวีณาตามน้าบริพัฒน์มาเยี่ยมครอบครัวเรามาตลอดก็บอกว่าลูกชายเรียนหมอทุกครั้ง เราลืมรึ อีกอย่างน้าวีณาก็คนกันเอง จะมาโกหกเรื่องนี้ทำไม ตกลงพี่เขาตรวจแล้วว่าไง”
เขาก็วินิจฉัยว่าหล่อนป่วยการเมืองไงล่ะ แม้ตอนนี้เธอคิดว่าเธอจะป่วยจริงๆ เพราะว่าเริ่มปวดหัวขึ้นมาแล้ว
“ก็โรคเครียดทั่วไป น่ะค่ะแม่ ไม่มีอะไร”
“หืม... โรคเครียด” สรีเลิกคิ้ว ลูกสาวที่ว่าง่าย ยอมรับเรื่องแต่งงานเพราะว่าเจ้าตัวเองก็ไม่มีใคร อีกทั้งเรื่องหนี้สินของครอบครัวที่ทำให้ช่วยตัดสินใจง่ายขึ้นทำให้ศรุตายอมรับเรื่องนี้ได้ดีโดยที่ไม่ต้องกล่อมอะไรมาก แล้วตอนนี้ลูกสาวผู้ว่านอนสอนง่ายจะเครียดอะไรกัน
“ทรายไม่อยากแต่งงานกับพี่ไวท์ แม่ช่วยพาทรายไปบอกน้าวีณาได้ไหมคะ ทรายว่าโครงการใหม่ของคุณพ่อที่เพิ่งลงทุนไปจะทำกำไรมากพอจะจ่ายหนี้ให้ครอบครัวน้าวีณาแน่ๆ”
อยู่ๆ ลูกสาวที่หัวอ่อนของเธอก็เสนอเรื่องนี้ขึ้นมา สรีไม่ไต่ถามว่าเกิดเรื่องอะไรแบบนั้น ได้แต่เล่าความจำเป็นให้ฟัง
“ตาไวท์ดูเจ้าชู้มีแต่ข่าวเสียหายก็จริง แต่น้าวีณาสอนลูกให้เป็นสุภาพบุรุษนะ แม่ว่าแต่งงานไปมันจะดีขึ้น ลูกอาจจะไม่ชอบพี่เขาตอนนี้ แต่วันข้างหน้ารักกันได้ไม่ยากหรอก”
ศรุตาคัดค้านในใจ เชื่อว่าน้าวีณาสอนลูกดี แต่น่าจะเป็นลูกน้าวีณาไม่ค่อยจำคำสอน โดยเฉพาะลูกคนโต!
“แต่ความรู้สึกของทรายมันบอกว่าพี่ไวท์ไม่ใช่นี่คะแม่” เธอบอกไปตามจริง เธอรู้สึกอย่างนั้น ไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งผูกพันกับว่าที่สามี แม้เขาจะหล่อเหลาสาวกรี๊ดกันค่อนประเทศ แล้วก็พูดจาดีกับเธอและสุภาพด้วย ยามอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่เธอก็ไม่เคยคิดเป็นอื่นเลย
“ทราย งานแต่งล่มไม่ได้ หนูรับปากแล้วตอนแรกเปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะลูก เงินที่เป็นหนี้มายี่สิบปีน้าวีณาไม่คิดดอกเบี้ยสักบาท แถมจะยกให้เป็นค่าสินสอด อีกทั้งช่วงนี้บริษัทขาดสภาพคล่อง น้าวีณาก็ให้มาก่อนสิบล้าน พ่อเราเอาไปลงทุนกับธุรกิจอีกนำเข้าที่กำลังบูมจนหมด ถ้าไม่แต่ง นอกจากจะไม่ไม่เงินคืนเร็วๆ นี้ แล้วยังต้องค*****นสิบล้านเลย ธุรกิจพินาศแน่ แม่รู้ว่าทำอย่างนี้เหมือนขายลูกสาวกิน แต่ลูกชายของน้าวีณาก็ไม่เลวร้ายอะไร หน้าตานิสัยประวัติการศึกษาก็ดี แม่คิดว่าแม่หาสามีที่ดีให้ลูกแล้วนะ”
ศรุตาอิดออด เธอไม่ได้เถียงไป เพราะกลัวว่าเรื่องวฤทธิ์ไปทำลูกศัตรูคู่อริท้องเข้าจะถึงหูวีณา เลยได้แต่น้ำท่วมปาก
“หรือว่าเอาอย่างนี้ไหม แม่จะช่วยพูดกับน้าวีณาให้ว่าหนูไม่ได้ชอบพอตาไวท์ แต่จะแต่งกับพี่เกรย์แทน แล้วเรื่องข่าวของพี่ไวท์ค่อยมาช่วยกันหาทางออกทีหลัง”
“ยะ อย่า นะคะแม่ ทรายไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เพราะข้อเสนอของมารดาทำให้ศรุตาไม่พูดเรื่องนี้ต่ออีกแล้วอย่างสิ้นเชิง มาคิดดูแล้วหากต้องแต่งจริงๆ แล้วให้เลือกระหว่างวฤทธิ์ กับ บุรินทร์ แน่นอนว่าเธอไม่เลือกบุรินทร์ เธอจะแต่งงานกับคนที่ไม่สนใจจะแต่งกับเธอแต่แรก
แต่ไม่ได้แต่งจริงจังหรอกนะ เธอคิดว่าจะแต่งหลอกๆ แล้วหาทางหย่าทีหลัง วฤทธิ์ที่มีปัญหารุมเร้าอยู่เพียบตอนนี้ต้องตกลงกับเธอแน่
การที่ไม่แต่งงานไม่ใช่ทางออกของเธอ ศรุตาบอกกับตัวเอง
.............