ราวสามชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางครับ บรรยากาศค่อนข้างดีแต่อาจจะผิดคาดไปหน่อยเพราะฝนตั้งเค้ามืดไปหมด
(ฮัดชิ้ว!!)
เสียงจามเล็ก ๆ ดังขึ้นติดกันสองสามครั้ง เหมือนจะมีเด็กแพ้อากาศครับ
“เป็นภูมิแพ้เหรอ”
“ค่ะ”
“แล้วเอายามาด้วยไหม”
“เอามาสิ ติดกระเป๋าอยู่ตลอดมีความสำคัญพอ ๆ กับเงินเลยนะคะ” น้องว่ายิ้ม ๆ แล้วพูดต่อ “เสียดายที่เพียงฝันไม่มา”
“สนิทกันแล้วเหรอ?” เอ่ยถามด้วยความสงสัยก็อย่างที่รู้ครับว่าเจอหน้ากันเสียงเพลงจะไม่ค่อยกล้าพูด
“น่าจะใช้คำว่าสนิทกันยังไม่ได้นะคะแต่อยู่โรงเรียนก็ทักกันบ้าง”
“อ๋อ แล้ว...”
“อะแฮ่ม! ช่วยถือของหน่อยครับ” กระเป๋าสัมภาระถูกยื่นมาตรงหน้าผมก่อนที่ไอ้เคจะพูดต่อ “เดี๋ยวต้องออกไปซื้อของกินอีกนะ”
“เออ”
บ้านพักที่เราจองกันไว้อยู่ติดริมทะเลพอดีครับ เป็นส่วนตัวพอสมควร
“มีสองห้องนอนผู้หญิงห้องหนึ่งผู้ชายห้องหนึ่งแล้วกันนะ” ไอ้เคเอ่ย
“ผู้ชายมีกูกับมึงแล้วก็ไอ้มิวสามคนเองนะผู้หญิงหกแล้วมึงดูที่นอนมันพอไหม?” พลางเท้าสะเอวมองหน้ามันนิ่ง ๆ
“เออว่ะ”
“งั้นเพลงกับซีมานอนห้องพี่ที่เหลือก็น่าจะนอนกันพอนะ” ไอ้มิวเสนอขึ้น อย่างที่เคยบอกว่ามันห่วงน้องมากนะแต่ไม่รู้ทำไมคืนนั้นถึงทิ้งไว้ได้
“เอาแบบนั้นก็ได้หมอนกับผ้าห่มไม่พอค่อยไปขอเพิ่ม” จบประโยคแก้มมันก็นำเข้าห้องไปพวกเราเลยเข้าอีกห้องหนึ่งบ้าง
“ตรงนี้วิวดีมากเลย” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นก่อนจะเปิดหน้าต่างรับลมทะเล “พี่มิวมานี่ค่ะ”
“หืม?”
“ตรงนั้นน่ารักดีนะคะสเปคพี่เลย คิกคิก” เธอว่าพลางชี้มือไปมุมหนึ่งของชายหาดที่มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังถ่ายรูปกันอยู่ “คนนั้นคล้าย ๆ ซีรีนเลย” เบือนหน้าไปมองบ้างก็แอบคล้ายครับแต่น้องซีรีนจะมีเสน่ห์กว่า
“ทะเล้นนะเราอะ”
“หนูเป็นน้องพี่นะทำไมจะไม่รู้ว่าสาวในอุดมคติพี่เป็นแบบไหน แต่ช่างเถอะตอนนี้หนูสนใจคนที่พี่แอบไปหาบ่อย ๆ มากกว่า” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วยังคงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มแต่เธอจะรู้บ้างไหมว่ากำลังดักทางพี่ชายตัวเองอยู่
“เรื่องของพี่ช่างมันเถอะ เราน่ะคุยกับใครจนดึกดื่น”
“บอกไม่ได้ค่ะความลับ!” ตอบออกไปด้วยความมั่นใจแถมยังไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาให้เห็นอีกด้วย “ซีรีนเราไปเดินเล่นข้างนอกกันดีกว่า” จบประโยคก็กอดคอพากันออกไปทางชายหาดทันทีครับ
“ฝนจะตกแล้วนะ”
“รู้แล้วค่ะ แป๊บเดียวเดี๋ยวมา”
คล้อยหลังทั้งคู่ผมก็มองหน้ากันนิ่ง ๆ ก่อนจะถามออกไปตามประสาเพื่อน
“คนนี้?”
“อืม” ไอ้มิวยอมรับแต่โดยดีครับ “คุย ๆ กันอยูว่ะแต่เสียงเพลงไม่รู้”
“ทำไมล่ะ ทำไมต้องเป็นความลับ” ไอ้เคถามขึ้นมาบ้าง “หรือมึงยังไม่ลืม?”
“ไม่ใช่แบบนั้น แค่ยังไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองเลยคุยกันไปก่อน”
“อย่างนี้นี่เอง จะว่าไปมึงกับน้องเพลงนี่เหมือนกันเลยนะ โกหกไม่เป็น”
“อะไร?”
“เมื่อกี้มึงถามน้องว่าคุยกับใครทุกคืนน้องยังบอกเลยว่าคนในความลับซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครแถมยังไม่โกหกอีก ไอ้คนในความลับที่ว่ามันจะรู้สึกดีบ้างไหมนะ ... ถ้าเป็นกู กูไม่บอกหรอกเพราะยังไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่างทั้งความรู้สึกและความสัมพันธ์แต่นี่น้องมันบอกไงแสดงว่าล็อคเป้าหมายไว้แล้วว่าต้องเป็นคนนี้ซึ่งไม่รู้ว่าใคร? มึงเตรียมตัวต้อนรับน้องเขยได้เลยเพื่อน ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะแสนกวนประสาทดังขึ้นก่อนจะออกไปข้างนอกบ้างทำให้ตรงนี้เหลือแค่ผมกับไอ้มิวสองคน
“มันต้องรู้อะไรมาแน่ ๆ”
“ไม่หรอกมึงคิดมากไปเอง เสียงเพลงเป็นคนยังไงมึงเป็นพี่อะมึงต้องรู้สิ”
“กูรู้แต่ก็ไม่ทุกเรื่องไง รู้แค่ว่าน้องกูเลิกร้องไห้นานแล้วไม่รู้ว่าได้ยาดีอะไร”
“...”
หลังจากจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จก็ออกมานั่งเล่นหน้าบ้านพักครับ ฝนทำท่าจะตกแต่ก็ไม่ตกสักที
“บรรยากาศดีนะคะ” น้ำเสียงใสของใครบางคนเอ่ยก่อนจะนั่งลงข้างผม “ถ้ามีแฟนมาด้วยบรรยากาศจะดีมากกว่านี้อีก”
“งั้นเหรอ?”
“ค่ะ พี่ต้องพามาถึงรู้ เอ๊ะ! หรือว่าพี่ยังไม่มีแฟน?”
“ไม่มี”
“จริงเหรอคะ? ไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ยังไม่อยากมีใครอะ อยากอยู่เฉย ๆ ไปก่อน”
“เชื่อค่ะ ปันเห็นพี่หายเงียบไปพักใหญ่เลย”
“เห็น?”
“ปันติดตามพี่ในโซเชียลน่ะค่ะ” ไม่พูดเปล่าปันปันยังเปิดหน้าจอให้ผมดูอีกด้วย “เพื่อนพี่เคปันรู้จักหมดแหละแต่แค่ไม่มีโอกาสได้เจอเท่านั้นเอง”
“มิน่าล่ะพวกพี่ถึงไม่เคยรู้ว่าไอ้เคมีน้องสาวบุญธรรมด้วย”
“ไม่แปลกหรอกค่ะเพราะปันเพิ่งมาอยู่กับเขาได้ห้าปีนี้เอง”
“กูว่านะเราเช่ารถมอเตอร์ไซม์แล้วไปซื้อของกันดีกว่า” เสียงไอ้แก้มดังจากด้านหลังไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “หรือเราจะเดินไปมันอยู่ตรงนี้เอง”
“เดินไปก็ได้แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้วเพราะฝนพรำแล้ว” เห็นแบบนั้นจึงกวาดสายตาไปรอบบริเวณชายหาด มีเด็กติดฝนอยู่ที่ศาลานั่งเล่นครับ
“เป็นไงซนจนได้เรื่อง” ไอ้มิวเริ่มบ่นแต่ยังไม่ทันไรสองสาวก็วิ่งฝ่าสายฝนมาแล้ว “ตีสักทีดีไหมเนี่ย”
“บ่นเป็นคนแก่เลย”
“เดี๋ยวไม่สบาย”
“ยังสบายดีอยู่ค่ะ”
“ดื้อ!”
“หิวแล้ว” ไอ้มิวถึงกับส่ายหน้าให้ครับเพราะน้องสาวตัวเองไม่ได้สนใจในสิ่งที่มันพูดเลย “อย่าทำหน้าดุแบบนี้สิคะแค่ฝนพรำเอง”
“เฮ้อ... ไปอาบน้ำไปทั้งคู่เลย”
... : ค่ะ
คล้อยหลังทั้งคู่ผมก็แยกตัวออกมานั่งมุมหนึ่งของบ้านพลางหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเพื่อค่าเวลาระหว่างรอฝนหยุด
“บรรยากาศโคตรได้แต่เสือกขาดสุรา” ไอ้จุ้นครับ
“โน่นไงร้านสะดวกซื้อ” ผมว่าพร้อมกับชี้มือไปอีกด้านหนึ่ง
“แล้วมึงสะดวกไปซื้อกับกูไหม?”
“สะดวกก็ได้” ก็คงต้องตากฝนไปซื้อครับ ดีนะแค่พรำไม่ได้ตกหนักอะไร “รอแป๊บนะกูลืมหยิบเงินออกมา”
“โอเคกูรอข้างหน้า”
กลับเข้ามาในห้องตั้งใจจะเอามือถือไปชาร์จแบตด้วยแหละแต่ลืมไปว่าสองสาวอยู่ในห้อง ไม่ทันได้เคาะประตูผมก็พรวดพราดเปิดเข้าไปซะก่อน
“อ๊ะ!”
“โทษที” หันหลังให้แทบไม่ทันครับน้องกำลังจะเปลี่ยนเสื้อพอดี ส่วนซีรีนน่าจะอยู่ในห้องน้ำแล้ว “สายชาร์จอยู่ในกระเป๋าวานชาร์จให้ทีนะ” บอกออกไปแล้วโยนมือถือไว้บนที่นอน “พี่จะไปร้านสะดวกซื้อเอาอะไรไหม”
“เอาค่ะ เอาข้าว เอาเค้ก แล้วก็ซาลาเปาด้วย”
“ครับ” ขานรับอย่างเข้าใจแล้วพาตัวเองออกจากห้องทันที
“จะไปร้านสะดวกซื้อเหรอรอด้วยกูไปเอากระเป๋าสตางค์ก่อน” ไอ้มิวเอ่ยก่อนจะทำทีเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่ผมห้ามเอาไว้ซะก่อน
“อย่าเพิ่ง! น้องมึงเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่”
“มึงรู้ได้ไง?”
“กู...”
“ไอ้ปั้น!!”
“เออกูไม่ทันเห็นอะไรทั้งนั้นแหละ” ต้องรีบอธิบายครับเดี๋ยวจะหาว่าผมโรคจิตเอาได้ “ไม่ต้องเข้าไปเอาหรอกมื้อนี้กูเลี้ยงเอง”
“มีพิรุธนะมึงน่ะ”
“โวะ!”
เลิกสนใจแล้วลากมันออกมาร้านสะดวกซื้อทันที ต่างคนต่างแยกไปคนละโซนครับและไม่ลืมซื้อของกินที่ใครบางคนสั่งไว้ด้วย
“ทำไมซื้อเยอะจังวะมึงจะกินหมดเหรอ” จุ้นห่าวเอ่ย
“อยู่กันตั้งหลายคนซื้อกินคนเดียวได้เหรอ”
“เออเนอะกูก็ลืมคิดไป เดี๋ยวกูไปหยิบขนมมาเพิ่มดีกว่า”
คล้อยหลังมันผมก็จ่ายเงินก่อนครับ ส่วนที่พวกมันเลือกอยู่ค่อยจ่ายอีกรอบ
“คิดเงินรวมกันไหมคะ?”
“ครับ แต่อันนี้แยกถุงต่างหากนะ”
“ค่ะ”
แยกของน้องไว้ต่างหากที่เหลือก็รวมกันไป เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วก็กลับครับ
มาถึงบ้านพักก็วางของกินลงแบ่ง ๆ กันไป ดูท่าทางแล้ววันนี้คงไม่ได้ออกไปไหนหรอกน่าจะเป็นพรุ่งนี้แทน
“คราวหน้าพวกเราควรดูฟ้าดูฝนกันให้ดีนะ” ไอ้แก้มครับ
“ช่างเถอะ เรายังต้องมีกันอีกหลายทริป”
“เออ ว่าแต่มึงซื้ออะไรมา”
“ก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ”
“ไม่น่าจะเหมือนนะ ถ้าเหมือนจะแยกไว้ต่างหากทำไม” ไอ้เคแย้งขึ้นมาบ้าง
“เหมือนเหอะ” บอกออกไปอย่างไม่ใส่ใจมากนักแล้วยื่นให้เสียงเพลงที่เพิ่งออกจากห้อง
“ขอบคุณค่ะ”
“อ๋อ... กูรู้ละว่ามันไม่เหมือนตรงไหน”
“เงียบปากไป!”
“ครับผม! แล้วไอ้มิวล่ะ”
“กูอยู่นี่” น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับก่อนจะยื่นกล่องข้าวให้น้องซีรีน “เดี๋ยวนะ! ของเราอยู่ที่พี่แล้วที่ถืออยู่ของใคร” ประโยคนี้มันหันไปถามเสียงเพลงครับเพราะมันซื้อมาฝากทั้งคู่เลย
“กูซื้อมา”
“ไม่ต้องน้อยใจนะคะข้าวของพี่หนูจะกินทีหลังตอนนี้หนูอยากกินซาลาเปาค่ะ” ก็ยังคงตอบพร้อมรอยยิ้มและไม่ลืมรับของกินที่ไอ้มิวซื้อมาติดมือไปด้วย
“กินจนแก้มเป็นซาลาเปาแล้ว”
“หมายถึงหนูหรือซีรีน?”
“พอกันทั้งคู่นั่นแหละ”
“อ๋อ...”
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเสียงเพลงจะมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย เจ้าเล่ห์กว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ
ระหว่างวันเราก็กินดื่มกันไปตามประสา อยู่กันคนละมุมเลยก็ว่าได้
ติ๊ง!
[ขอบคุณนะคะสำหรับของกิน]
“อ้วน!”
อ่านแล้วครับแต่ไม่ตอบอะไรนอกจากใช้สายตาดุ ๆ ส่งผ่านมาแทน
“น่ากลัวมากเลย”
“ยิ้มเล็กยิ้มน้อยมีความสุขจังเลยครับ” ไอ้เคมีครับ มันนั่งอยู่ใกล้ ๆ ผมนี่แหละ
“กูรู้สึกว่าวันนี้มึงจับผิดกูเหลือเกินนะ”
“เปล่าเลยเพื่อนแต่ช่วงหลังมานี้มึงยิ้มกับหน้าจอบ่อยอะ พบรักกับนางในฝันหรือไง หรือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่รู้กันแค่สองคน”
“เออ! สองคนคือกูกับน้องไม่เกี่ยวกับมึง”
“ห๊ะ!! น้อง... น้องไหนครับเนี่ย”
“...”