Rrrrr…
แจ้งเตือนสายเรียกเข้าปลุกผมแต่เช้าตรู่ ปกติจะปิดเสียงครับแต่จำได้ว่าเมื่อคืนบอกให้ไอ้มิวโทรตามก็เลยเปิดเสียงไว้
“อื้อ!”
(จะเจ็ดโมงเช้าแล้วนะคะ) ได้ยินแบบนั้นถึงกับต้องรีบมองหน้าจอครับ ปลายสายเป็นเบอร์ไอ้มิวแต่คนที่พูดกลับไม่ใช่ (ตื่นได้แล้วค่า...)
“ครับ”
(ครับแล้วก็ลุกด้วยค่ะ)
“ลุกแล้ว”
(มันรับไหมมาพี่คุยเอง) มีเสียงแทรกเข้ามาก่อนที่ปลายสายจะพูดขึ้นอีกครั้ง (ตื่นได้แล้วบ้านไฟไหม้แล้วโว้ย)
“สัส!”
(ฮ่า ๆ เร็ว ๆ ให้เวลาห้านาที)
“เออ” เหลือบมองนาฬิกาหกโมงครึ่งแล้วครับ
หลังจากวางสายก็จัดการทำธุระส่วนตัวให้แล้วเสร็จก่อนจะรีบออกจากบ้านซึ่งนัดรวมกันที่บ้านไอ้มิวครับ
“ผมไปก่อนนะ” เอ่ยบอกพ่อที่กำลังจัดร้านอยู่
“เอารถไปเหรอ”
“เปล่าครับจอดไว้ที่บ้านไอ้มิวแล้วไปรถตู้กัน”
“อืม นี่ค่าขนม” เงินจำนวนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าผม
“ผมยังมีแม่ให้ไว้เมื่อวานครับ”
“ก็เรื่องของเมื่อวาน” บอกออกมาอย่างไม่ใส่ใจมากนักก่อนจะยัดเงินใส่กระเป๋าเสื้อผม “เที่ยวให้สนุกนะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
ออกจากบ้านก็ตรงไปยังบ้านไอ้มิวทันที มาถึงก็เห็นไอ้แก้มรออยู่ก่อนแล้ว
“คนอื่นล่ะ”
“กำลังมา”
กวาดสายตาไปรอบบริเวณก่อนจะเห็นไอ้มิวถือกระเป๋าสัมภาระมาสองใบแต่กลับไม่เห็นใครอีกคน
“แล้วน้องมึงล่ะ”
“ไปรับเพื่อน นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี” เบือนหน้าไปมองก็เห็นรถไอ้มิวกำลังขับเข้ามาครับ
“ขับรถยนต์เป็นด้วยเหรอ”
“ไม่ได้ขับเป็นอย่างเดียวนะขับเก่งด้วย ตากูบอกว่าหัดไว้ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย แล้วอีกอย่างบ้านซีรีนก็อยู่ซอยถัดไปใกล้แค่นี้เองกูเลยให้ไป”
“ซีรีน?”
“เพื่อนเขาแหละ” ปากมันพูดกับผมก็จริงแต่สายตาเอาแต่จ้องมองไปยังใครอีกคนที่เพิ่งลงจากรถ ถ้าจำไม่ผิดคนนี้แหละที่เจอกันตอนไปดูหนัง
“ท่องไว้ในใจนั่นเพื่อนน้อง”
“สัส!”
“ฮ่า ๆ” ไม่ต้องบอกก็รู้ครับ แต่เสียงเพลงรู้หรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ
“พี่ ๆ สวัสดีค่ะ”
“ครับ”
แค่เพียงไม่นานไอ้เคมีกับจุ้นห่าวก็มาและยังมีผู้ติดตามมาด้วยอีกสองคน
“นี่คะนิ้งกับปันปัน” ไอ้เคมีเอ่ยแนะนำขึ้น
“คะนิ้ง?” ทวนชื่ออีกครั้งแล้วใช้ความคิดไปด้วย ผมเคยได้ยินมันพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ครับ
“น้องสาวกูครับส่วนปันปันน้องสาวบุญธรรมของกู”
“มึงมีน้องสาวบุญธรรมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เออนั่นดิ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานกูไม่เห็นรู้เลย” แก้มเสริมขึ้นมาบ้าง น้องสาวแท้ ๆ พอรู้อยู่ครับแต่ไม่เคยเจอเพราะมันไม่เคยพามาเลยครั้งนี้ครั้งแรก
“นานแล้วครับก็โตมาด้วยกันเนี่ย”
“ช่างเถอะ ว่าแต่ครบแล้วใช่ไหม?”
“ครบแหละไม่มีใครแล้วนี่”
“งั้นก็ไปกัน”
ทั้งหมดเก้าคนครับก็ทำความรู้จักกันไป สาว ๆ รุ่นเดียวกันหมดยกเว้นปันปันที่โตกว่าหนึ่งปี ผมนั่งข้างไอ้มิวและแถวหน้าผมก็คือเสียงเพลงกับซีรีน
“ส่องผู้ชายอีกแล้วเห็นนะ!”
... : ฮ่า ๆ ๆ
เสียงหัวเราะดังขึ้นก่อนที่เสียงเพลงจะหันมาพูดกับไอ้มิว “แฟนที่ดีคือแฟนทิพย์ค่ะหนูจะมีกี่คนก็ได้”
“งั้นสงสัยพี่ต้องมีแฟนทิพย์บ้างแล้วเผื่อจะตื่นเต้นมากขึ้น”
“อย่างพวกพี่ไม่มีหรอกค่ะ มีแต่คุยไปเรื่อย”
“อ้าว! ทำไมเหมารวมพวกพี่ล่ะ” ไอ้เคมีที่ฟังอยู่พูดแทรกขึ้นมาบ้าง “คุยไปเรื่อยไอ้ปั้นโน่น มันคนเดียวเลย”
“กูไม่ได้คุยกับใครแล้วเถอะ”
“เออเนอะกูก็ลืมไปว่ามึงเคลียร์ตัวเองแล้ว ขอโทษได้ไหมล่ะ”
“ไม่ได้! มึงจะไม่ได้รับการให้อภัยจากกูอีก”
“เคลียร์ตัวเองอะไรวะ มึงมีสาวน้อยในใจแล้วเหรอ” คำถามของไอ้มิวทำเอาผมเงียบไป “กูว่าแล้วทำไมถึงตัดขาดพี่เอยขนาดนั้น ที่แท้มียาวิเศษนี่เอง”
“ยาวิเศษอะไรมึงก็พูดไปเรื่อย”
“ฮ่า ๆ กูจะรอดูครับ”
ระหว่างทางก็จะมีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของเสียงเพลงกับซีรีนที่กำลังดูซีรี่ย์อยู่ คนอื่นก็เล่นมือถือไปเพื่อค่าเวลาครับยกเว้นไอ้มิวที่ตอนนี้หลับไปแล้ว
ติ๊ง!
[นอนดึกเหรอคะเหมือนพี่ยังไม่ค่อยตื่น]
“ถ้ายังไม่ตื่นจะมานั่งอยู่ตรงนี้เหรอ”
[คิกคิก]
บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้ก่อนที่คนด้านหน้าจะหันมายิ้มให้
“ปั้น มึงไม่ชวนน้องเพียงมาด้วยวะ” จุ้นห่าวครับ
“เข้าค่ายกิจกรรมอะไรไม่รู้ที่มีเรื่องตอนนั้นไง”
“อ๋อ... ว่าแต่เรื่องอะไรมึงรู้หรือยัง”
“ไม่อะ น้องไม่บอกกูก็ไม่เซ้าซี้เดี๋ยวอยากเล่าให้ฟังเมื่อไหร่เจ้าตัวเขาจะพูดเอง”
“ช่างเป็นพี่ที่แคร์ความรู้สึกน้องมาก กูอยากรู้จริง ๆ ว่านอกจากเพียงฝันแล้วจะมีผู้หญิงคนไหนอีกที่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากมึง”
“ไม่รู้ดิ อบอุ่นยังไงกูยังไม่เข้าใจเลย”
“คุยทีละหลาย ๆ คนแบบนั้นมึงไม่มีทางเข้าใจหรอก”
“...”
“กูไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแฟนนะ คือมึงต้องคุยเป็นคนคนไปอะ คนคุยก็คือคนคุยไอ้ที่เต๊าะไปเรื่อยนั่นไม่ใช่ มึงลองดูแลแค่คนเดียวสิแล้วมึงจะรู้เอง มึงอาจจะไม่รู้ตัวแต่คนที่ถูกดูแลเขารู้นะ”
“จุ้นมึงพูดเหมือนกูคุยเยอะอะ”
“แล้วมึงคุยอยู่กี่คน?”
“...”
“ใครสั่งสอนให้ใช้ความเงียบแทนคำตอบวะ เนี่ย! ก็มึงมันเป็นแบบนี้ไงเป็นคนไม่ชอบอธิบายคนอื่นเขาก็เข้าใจไปแบบนั้น กูถามว่ามึงคุยอยู่กี่คนกูไม่ได้ถามว่ามึงกำลังคุยกับใครสักหน่อย”
“คนเดียว”
“ก็แค่นี้ แต่ความจริงมึงไม่ต้องบอกกูก็พอเดาออกอยู่ รู้สึกว่าคนนี้จะพิเศษกว่าคนอื่นเพราะสามารถทำให้มึงสนใจเขาแค่คนเดียวได้ ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใครถ้ามึงอยากให้พวกกูรู้เมื่อไหร่มึงก็จะมีวิธีบอกในแบบของมึง”
ตลอดการสนทนาเหมือนจะมีแค่ผมกับมันสองคนนะแต่ความจริงไม่ใช่หรอกทุกคนได้ยินหมดแค่ทำเป็นไม่สนใจเท่านั้นเอง
“ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องมึงแล้วกูขออนุญาตเสือกสักเรื่องสิ” ไอ้แก้มพูดขึ้นมาบ้างหลังจากเงียบอยู่นาน ผมบอกแล้วว่าพวกมันฟังอยู่
“ว่ามา”
“มึงกับเจน?”
“ไม่ได้เป็นอะไรกันกูถอยให้กันสักพักละ”
“ที่มึงหงุดหงิดวันนั้นเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?” ไม่พูดเปล่ามันยังหันจอมือถือมาทางผมอีกด้วย ในนั้นคือสถานะความสัมพันธ์ของเจนกับใครคนหนึ่งครับ
“ไม่ใช่ ก็บอกอยู่ว่าเพื่อนกูไม่ได้คิดอะไรกันนี่ ใครอยากรักใครก็ไปได้เลยตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันปกติ เพื่อนที่เป็นเพื่อนจริง ๆ” หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยครับมีบ้างที่กดไลก์ไปมาในโซเชียล
“อ๋อ... กูเชื่อแล้ว” น้ำเสียงเป็นกันเองเอ่ยแต่แก้มมันไม่ได้พูดกับผมหรอกครับ มันหันไปทางไอ้เคโน่น
“กูบอกแล้วว่ามันเคลียร์ตัวเอง ไม่รู้หรอกว่าสาวน้อยในใจเป็นใครเอาเป็นว่าพวกกูไม่รู้ไม่เห็นอะไรแล้วกัน ถ้ามึงคิดจะรักเมื่อไหร่อย่าลืมบอกกูคนแรกนะ”
“คิดจะรักเหรอ?”
“เออ ความรักที่ไม่ใช่ความลับน่ะ”
“...”
“ความลับอะไรวะ มึงรู้อะไรไอ้เค”
“ไม่รู้ ๆ ๆ กูไม่รู้อะไรเลยแก้ม”
“ความลับเยอะนะมึงสองคนน่ะ”
เลิกสนใจมันสองคนแล้วหันมาสนใจแชทของใครอีกคนที่ค้างไว้แทน
[พวกพี่เขารู้ไหมคะ]
“ไม่ ความลับนะ”
[เข้าใจแล้วค่ะ]
เสียงเพลงคือคนแรกที่กลายเป็นความลับของผม อาจจะง่ายกว่านี้มั้งถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวไอ้มิวนะ แล้วก็เป็นคนแรกที่ยิ้มรับเสมอไม่ว่าผมจะหยิบยื่นอะไรให้ก็ตาม ถึงตอนนี้คำพูดของแม่เริ่มลอยมาแล้วครับ... ไม่รู้ว่าที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ผมเอาตัวเองเข้าไปในชีวิตของน้องหรือว่าน้องกันแน่ที่เข้ามาในชีวิตของผม