สายลมยามค่ำคืนพัดโชยเข้ามาบนตึกสูงใจกลางกรุงที่ถูกเปิดโรงแรมไว้บังหน้าแต่เบื้องหลังคือสถานบันเทิง บ่อนกาสิโนและสิ่งที่พร้อมจะพรากเงินออกจากกระเป๋าของบรรดานักเที่ยวและนักลงทุนที่นำเงินจำนวนมหาศาลมาทิ้งไว้ที่นี่
“เป็นยังไงบ้าง ได้เรื่องหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้ยินฝีเท้าเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหลัง
“นี่ครับ” ธนา ลูกน้องคนสนิทส่งรูปถ่ายใบหนึ่งให้ก่อนจะกล่าวรายงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย “เธอชื่อพะแพง ภคมน ครับ ทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร วันนั้นคนส่งไม่สบายเธอเลยขับรถไปแทน”
“อืม” ดวงตาคมกริบจ้องมองรูปถ่ายในมือ
น่าแปลก...เพียงวินาทีแรกที่ได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของอีกฝ่ายผ่านรูปถ่ายในมือ หัวใจที่แข็งกระด้างของเขากลับกระตุกวูบพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ที่ฉาบขึ้นบนใบหน้าแบบไม่รู้ตัว
“น่ารักดีเหมือนกันนะ”
“ครับ เธอยังเด็กอยู่เลย อายุน่าจะยี่สิบต้น ๆ”
“ถ้าฉันกำจัดเธอ โลกใบนี้คงขาดสิ่งสวยงามไปหนึ่งอย่างเลยนะ นายว่าไหม” เขาละสายตาจากรูปถ่ายเพื่อเอ่ยถามธนา
“เอ่อ...คุณเฟยจะกล้าขัดคำสั่งคุณอัลโดเหรอครับ”
“ฉันว่าฉันมีวิธีจัดการที่ดีกว่านั้น แทนที่จะกำจัด ทำไมเราไม่เอาสิ่งสวยงามนี้มาเชยชมเสียเองล่ะ” เฟลิกซ์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนจะเก็บรูปถ่ายไว้ในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
เขาจ้องมองวิวทิวทัศน์เมืองหลวงยามค่ำคืนอยู่บนดาดฟ้าด้วยสีหน้าที่เหมือนกำลังซ่อนบางอย่างไว้ ริมฝีปากบางพ่นควันบุหรี่พวยพุ่งก่อนจะล่องลอยหายไปในสายลมจนกระทั่งลูกน้องอีกคนขึ้นมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลัง
“นายใหญ่มาครับ รอพบอยู่ที่ห้องทำงาน”
“อืม เดี๋ยวฉันลงไป” เฟลิกซ์ตอบรับแล้วจึงทิ้งบุหรี่ลงบนพื้นใช้เท้าเหยียบจนไฟมอดดับลง แล้วจึงกลับลงไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
“ไง หายหน้าไปเลยนะแก” อัลโด ชายวัยกลางคนสัญชาติอิตาลีผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในทุก ๆ ขั้นของเขากล่าวทักในขณะที่อีกฝ่ายเข้ามาทรุดกายนั่งลงตรงข้าม
“พ่อมาหาผมถึงนี่ มีธุระอะไรเหรอครับ”
“ฉันได้ข่าวว่าไอ้สิงห์มันตามราวีแก ทำไมไม่บอกฉัน” อัลโดเอ่ยถามทำให้เฟลิกซ์หันไปมองหน้าธนาโดยอัตโนมัติ
“ถึงหูพ่อจนได้สินะ”
“ผมขอโทษครับ ผมกลัวว่าคุณเฟยจะตกอยู่ในอันตราย” อีกฝ่ายก้มหน้ายอมรับผิด เป็นความหวังดีที่เขาเองก็โกรธไม่ลง
“ผมไม่อยากให้พ่อลำบากใจน่ะครับ ถึงยังไงไอ้สิงห์มันก็เป็นลูกอีกคน”
“ก็เพราะว่าเป็นลูกไง ฉันถึงไม่อยากให้แกสองคนกัดกันเหมือนหมาแบบนี้” อัลโดกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่แกสองคนก็ถือว่าเป็นลูกฉัน เมื่อไหร่ไอ้สิงห์มันจะเข้าใจสักที”
“พ่อรับมันมาก่อนแต่มาตั้งผมเป็นหัวหน้า มันก็คงจะไม่พอใจ” เฟลิกซ์ให้เหตุผล อันที่จริงเขากับสิงหาต่างก็เป็นเด็กกำพร้า เขามาจากฮ่องกงแต่เดาจากหน้าตาน่าจะมีเชื้อสายยุโรปมาด้วย ส่วนสิงหาเป็นคนไทย ถูกเจ้าพ่อมาเฟียใหญ่อย่างอัลโดชุบเลี้ยงและผลักดันทั้งคู่จนได้ดิบได้ดีจนถึงทุกวันนี้
“คนไม่เอาไหนอย่างมันจะให้ฉันฝากอะไรไว้ได้ล่ะ” อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ขนาดมอบหมายงานให้รับผิดชอบแล้วแต่เหมือนสิงหาเองก็ยังไม่พอใจ เพราะเขาได้แค่สถานบันเทิงยิบย่อยส่วนเฟลิกซ์ได้ทั้งธุรกิจบังหน้าและธุรกิจสีเทาอีกมากมายเบื้องหลัง “มันกล้าข้ามเขตมาแบบนี้ดูท่าคงจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ช่วงนี้แกต้องระวังตัวเป็นพิเศษหน่อย เพราะถ้ามันมีหลักฐานเปิดโปงว่าแกทำธุรกิจสีเทาล่ะก็ ภาพลักษณ์นักบุญของแกไม่เหลือแน่”
“ครับพ่อ ผมจะทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด”
“ไม่ต้องหรอก ระหว่างนี้ฉันจะช่วยดูงานเบื้องหลังให้แกเอง แกก็จัดการงานเบื้องหน้าไปสักพักก็แล้วกัน รอให้ฉันจัดการไอ้ลูกเวรนั่นได้ค่อยว่ากันอีกที”
“ครับ” เจ้าของร่างสูงใหญ่รับปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนที่อัลโดจะเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
“ผมให้ธนาตามหาตัวอยู่ครับ” เฟลิกซ์ตอบด้วยสีหน้าเกรง ๆ ถึงตอนนี้ตำแหน่งของเขาจะอยู่สูงสุดแต่เขาก็ยังรู้สึกเกรงใจอัลโดอยู่ดี
“ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่เจอตัวอีกเหรอ”
“เจอแล้วครับ...” เป็นอีกครั้งที่เขายังคงก้มหน้าไม่กล้าสบตาอัลโด
“งั้นก็แสดงว่าจัดการเรียบร้อยแล้วสิ”
“เอ่อ...ยังหรอกครับ” เฟลิกซ์เอ่ยเสียงแผ่วเบาด้วยความยำเกรง
“กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมไม่รีบปิดปากซะ ถ้ามันปากโป้งเปิดโปงแกขึ้นมาเราจะซวยกันหมด ถึงจะไม่มีหลักฐาน แต่ถ้ามีมูลขึ้นมาคนก็จะยิ่งจับตามอง ขยับตัวทำอะไรก็ไม่ได้ และที่สำคัญมันก็เข้าทางไอ้สิงห์ด้วย”
“ครับพ่อ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดครับ” ชายหนุ่มรับปากแต่โดยดี เขาโค้งกายให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่อัลโดจะออกจากห้องไป ถึงตอนนั้นธนาจึงเอ่ยถามถึงงานที่ได้รับมอบหมายอีกครั้ง
“เอายังไงดีครับคุณเฟย จับคนในบ้านไว้เป็นตัวประกันดีไหมครับ”
“ไม่ต้อง” เฟลิกซ์รีบปฏิเสธ “ทำอย่างนั้นชาวบ้านจะยิ่งตื่นตูม นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าบ้านนั่นคนรู้จักกันทั้งซอย”
“แล้วจะเอายังไงต่อล่ะครับ ปล่อยตัวไปนานขนาดนี้เกิดปากโป้งขึ้นมา คุณเฟยจะลำบากเอานะครับ”
“พ่อคงลืมคิดไปว่าคนของทางการเป็นของเราเกือบครึ่ง มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก” ชายหนุ่มทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานอย่างใจเย็น ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นจับบาดแผลตรงไหล่ที่เริ่มจะหายดีแล้วหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอีกครั้ง “ตามจับตัวมาเงียบๆ เหมือนเดิมนั่นแหละ แล้วอย่าทำอันตรายเธอเด็ดขาด จับเป็นมาเท่านั้น อย่างน้อย...ผู้หญิงคนนั้นก็ได้ชื่อว่าช่วยชีวิตฉันไว้”
“จับตัวมาแล้วคุณเฟยจะทำยังไงกับเธอต่อครับ ยิ่งเธอรู้เรื่องของเรามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอันตรายนะครับ” คนเป็นลูกน้องกล่าวเตือนด้วยความหวังดีเพราะเฟลิกซ์ไม่เคยไว้ชีวิตใครแบบนี้มาก่อน
“ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน”
ครืด...
พูดจบ สายเรียกเข้าจากมังกร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกับอดีตคนรักเก่าอย่างเกวลินที่ตายจากไปก็ดังขึ้นมา ทำให้เขาต้องโบกมือไล่ธนาออกไปเพื่อจะรับสาย
“ว่าไงครับ”
(ป๊ะป๋าอยู่ที่ไหนครับ ดึกแล้วทำไมยังไม่กลับ มังกรไม่อยากอยู่คนเดียว) เสียงออดอ้อนจากปลายสายทำให้เขาต้องปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง
“ป๊าติดงานอยู่ครับ”
(ทำงานอีกแล้ว ทำไมพวกผู้ใหญ่ชอบทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ ตลอดเลย) มังกร ลูกชายวัยห้าขวบตัดพ้อ
“ป๊าทำงาน จะได้มีเงินเยอะ ๆ เอาไว้ซื้อของเล่นให้มังกรไง”
(มังกรไม่อยากได้ของเล่นครับ มังกรอยากได้แม่) คำขอของลูกชายทำให้อีกฝ่ายถึงกับพูดไม่ออก
“ก็มังกรมีแม่ลินแล้วไงครับ”
(แม่ลินตายแล้ว มังกรเลยเก็บแม่ลินไว้ในใจ แต่มังกรอยากได้แม่ที่กอดมังกร พามังกรเข้านอนได้ต่างหากเพราะป๊ะป๋าไม่ว่าง)
“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวพ่อจะกลับไปพามังกรเข้านอนเดี๋ยวนี้เลยครับ” เฟลิกซ์จำเป็นต้องรับปากเพราะฟังดูแล้วมันคงง่ายกว่าการหาแม่ใหม่ให้ลูกชายกว่าหลายเท่า
(มันต้องอย่างนี้สิ มังกรจะรอนะครับ)
ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสอย่างมีความหวังขึ้นมาทันทีก่อนจะวางสายไป ทำให้ชายหนุ่มหยิบรูปถ่ายของภคมนขึ้นมาดูอีกครั้ง ยิ่งได้ยินความต้องการของลูกชายแบบนี้ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นมากที่สุด