“นี่ค่ะป้า ค่าน้ำค่าไฟ” ธนบัตรสีเทาจำนวนสี่ใบวางไว้บนโต๊ะตามจำนวนเงินที่ลำดวนขอไว้เมื่อคืนทำให้อีกฝ่ายรีบหยิบขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ให้มันได้อย่างนี้สิ หลานรัก”
“เป็นหลานรักเฉพาะเวลาให้เงินนั่นแหละ” ภคมนเบ้ปากมองบนก่อนจะสะพายกระเป๋าแล้วหยิบหมวกกับแว่นตาอำพรางใบหน้าไว้เพื่อจะกลับไปทำงานที่ร้านตามปกติ พยายามคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความฝันหรือไม่ก็ขอให้เธอได้ยินผิดไปเพราะถ้าไม่กลับไปทำงาน เธอก็อาจจะอดตาย
“อ้าว พะแพง นั่งวินมาเหรอ พี่บอกให้เอารถไปเมื่อคืนเอากลับมาจอดไว้ทำไม” ทันทีที่มาถึงร้าน แก้วตาก็เอ่ยถามเธอด้วยความแปลกใจ
“จริงด้วย เมื่อคืนหนูลืมรถพี่ไว้...” ภคมนชะงักกึก เมื่อคืนเอาแต่หนีตายจนลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองทิ้งรถของร้านไว้ที่โรงแรมม่านรูด
“เมื่อคืนกลับมาที่ร้านอีกรอบเหรอ ถึงว่าทำไมรถถึงจอดไว้ที่นี่” แก้วตาอธิบายต่อพลางชี้ให้ดูรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หลังรถยนต์ “ลืมขับกลับไปล่ะสิ พี่มาตอนเช้าเห็นเสียบกุญแจไว้ ดีนะไม่ถูกขโมยไป”
“มาได้ไง” หญิงสาวชะงัก รีบวิ่งไปดูรถให้แน่ใจว่าใช่คันเดียวกันหรือเปล่า “นี่มันอะไรกัน รถมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ก็เมื่อคืนฉันลืมไว้นี่”
“มีอะไรหรือเปล่าแพง” แก้วตาตะโกนถามมาจากในร้านพร้อมกับหยิบกุญแจรถขึ้นมาให้เธอดู เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะวิ่งมาถอดกุญแจ “พี่ถอดกุญแจมาแล้ว อยู่นี่ไง”
“เอ่อ...ค่ะ” ภคมนเกาหัวแกรก เธอกวาดสายตามองไปรอบตัวด้วยความหวาดกลัวว่าคนที่เธอเจอมาเมื่อคืนจะตามมาถึงที่นี่ “เมื่อเช้าตอนพี่แก้วมา รถมันจอดที่นี่จริง ๆ เหรอคะ”
หญิงสาวรีบวิ่งกลับเข้ามาในร้านเพื่อถามแก้วตาให้แน่ใจอีกครั้ง
“ใช่จ่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ...ปละ...เปล่าค่ะ” เธอรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ใครรู้
“เออนี่ เดี๋ยวช่วยพี่เปิดร้านเสร็จไปส่งออเดอร์ให้พี่หน่อยนะ”
“ได้ค่ะ ที่ไหนเหรอคะ”
“ก็ที่เดิมนั่นแหละ สั่งชุดใหญ่กว่าเมื่อวานอีกนะ”
“คะ!?” ภคมนชะงักกึก เธอลอบกลืนน้ำลายเหนียวฝืดลงคออย่างยากลำบาก สีหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด “ใช่ออเดอร์สุดท้ายก่อนที่ร้านจะปิดหรือเปล่าคะ”
“ใช่ เมื่อวานบริการดีล่ะสิ วันนี้เขาถึงได้กำชับว่าอยากให้คนส่งเป็นเราน่ะ”
“โอ๊ย!” พอแก้วตาพูดจบ คนตัวเล็กก็ยกมือจับท้องตัวเองไว้ทันทีแล้วแกล้งร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บปวด “ปวดท้องจังเลยค่ะพี่แก้ว”
“เป็นอะไร เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย”
“หนูปวดมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะพี่ สงสัยอาหารเป็นพิษ งั้นวันนี้หนูขอลาป่วยนะคะ โอ๊ย ปวดมากเลยค่ะ” พูดจบ หญิงสาวก็รีบวิ่งกลับออกมาจากร้าน กระชับหมวกกับแว่นตาไว้แล้วใส่เกียร์หมามุ่งหน้ากลับไปที่บ้านอย่างไม่คิดชีวิต
“อ้าว นังพะแพง มึงไม่ไปทำงานเหรอ” ลำดวนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเธอวิ่งผ่านร้านกลับเข้าไปในบ้าน
“ไม่ค่ะป้า ปวดท้อง ขอลาหนึ่งวัน”
ปัง!
พูดจบ เสียงปิดประตูก็ดังขึ้นตามมาทำให้คนสูงวัยกว่าถึงกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“เป็นอะไรของมัน ปกติบ้างานไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านด้วยซ้ำ”
“สงสัยจะไม่สบาย เดี๋ยวฉันไปดูให้นะ” ทองดีขันอาสา ยังไม่ทันลุกก็ถูกเมียจิกหูลากกลับไปเสียก่อน “ไม่ต้องหวังดีขนาดนั้นหรอก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าไอ้แก่อย่างมึงน่ะต้องการอะไร”
“โอ๊ย เจ็บ เจ็บนะเว้ย!”
“ไอ้หัวงู แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
เสียงทะเลาะกันดังเอะอะโวยวายที่หน้าบ้าน เงียบหายไปทันทีเมื่อทองดีหันไปเห็นชายฉกรรจ์สามสี่คน สวมชุดสูทดูภูมิฐานเดินเข้ามาในซอยเล็ก ๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าร้าน
“มีคนมาน่ะแม่ลำดวน”
“ใครวะ” ลำดวนรีบปล่อยมือแล้ววิ่งออกไปหน้าร้านเพราะเข้าใจว่าคนมาใหม่เป็นลูกค้า “รับอะไรดีคะ”
“ฉันไม่ได้จะมาซื้อของแต่มาหาคน” ประโยคนั้นทำให้ภคมนที่นั่งอยู่ในห้องได้ยินเต็มสองหู เธอจึงลุกออกมาแง้มประตูดู พอเห็นว่าเป็นลูกน้องของเฟลิกซ์ ดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที
“ตามมาถึงนี่เลยเหรอ บ้าจริง” หญิงสาวโอดครวญ เธอไม่มีเวลาให้ครุ่นคิด รีบหยิบเสื้อผ้าในตู้มายัดใส่กระเป๋าลวกๆ เอาแค่ของใช้ที่จำเป็นติดตัวมาแล้วปีนหน้าต่างหนีออกจากบ้านไปหัวซุกหัวซุน
“มาหาใครเหรอคะ” ลำดวนถามต่อด้วยความอยากรู้ ดูจากภายนอก คนพวกนี้ไม่ต่างไปจากแก๊งเงินกู้ที่มาทวงหนี้เลยสักนิด
“นี่ใช่บ้านของพนักงานส่งอาหารที่ชื่อภคมนหรือเปล่า”
“หือ...รู้จักยัยพะแพงด้วยเหรอคะ”
“แสดงว่าใช่สินะ” ธนา ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของ เฟลิกซ์กระตุกยิ้มอย่างพอใจ รีบสั่งให้ลูกน้องที่ตามมาบุกเข้าไปในบ้านทันทีจนลำดวนต้องรีบขวางเอาไว้
“รู้จักน่ะใช่ แต่ยัยนั่นไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ไม่ได้อยู่ได้ยังไงแม่ลำดวน ก็มันเพิ่งกลับเข้าห้องไปเมื่อกี้นี้เอง” ทองดีชี้ไม้ชี้มือไปที่ประตูก่อนจะหยิบเหล้าในแก้วขึ้นมากระดกเข้าปากทำให้ลำดวนอดไม่ได้ที่จะตบศีรษะของสามีเข้าเต็มแรง
“มึงไปบอกเขาทำไมไอ้แก่!”
“แสดงว่าอยู่ในห้องสินะ” ธนาคลี่ยิ้มแล้วจึงบุกเข้าไปในบ้าน ลำดวนเห็นท่าทีไม่น่าไว้ใจจึงเข้ามาขวางเอาไว้อีกครั้ง
“อย่าเข้าไปนะ พวกแกเป็นใครมาเข้าบ้านคนอื่นมั่ว ๆ แบบนี้ได้ยังไง”
“หลบไปป้า ถ้าไม่อยากสมองกระจุย” คนมาใหม่ยกปืนขึ้นข่มขู่ทำให้ลำดวนชะงักรีบวิ่งไปหลบด้านหลังทองดี เปิดทางให้ธนาทันที
“ข...เข้าไปเลยค่ะ มันอยู่ในห้องนั่นแหละ”
ปัง!
พอพูดจบประตูห้องก็ถูกกระชากเปิดออกเต็มแรง แต่พอเข้าไปในห้องกลับพบแต่ความว่างเปล่ามีเพียงหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ มองเห็นร่างบางที่กำลังวิ่งลัดเลาะไปตามซอกซอยเล็ก ๆ ในสลัม
“หนีไปอีกแล้ว รีบตามไปด้านหลังเร็ว” ธนาหันไปสั่งลูกน้องให้วิ่งตามภคมนออกไป ส่วนตัวเองก็หยิบธนบัตรขึ้นมาส่งให้ลำดวนเพื่อเป็นค่าปิดปาก “ถ้าไม่อยากเดือดร้อน รับเงินนี่ไว้แล้วปิดปากเงียบซะ”
“ค่ะ ได้เลยค่ะ จะปิดปากให้เงียบที่สุดเลย” คนเห็นแก่เงินตาเบิกโพลงด้วยความดีใจที่เห็นเงินหมื่นกองอยู่ตรงหน้า รีบเก็บมันไว้ในกระเป๋าทันทีก่อนที่ธนาจะวิ่งตามลูกน้องออกไปเพื่อตามหาตัวภคมนต่อ
“เจอหรือเปล่า”
“ไม่เจอเลยครับ เมื่อกี้ยังเห็นหลังไว ๆ อยู่เลย พอมาถึงนี่ก็หายไปแล้ว” ลูกน้องที่ล่วงหน้ามาตอบด้วยเสียงหอบเหนื่อย
“งั้นวันนี้เรากลับกันก่อน เดี๋ยวชาวบ้านจะแตกตื่น” ธนาออกคำสั่งก่อนจะพากันกลับไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าปากซอยโดยไม่ลืมทิ้งลูกน้องให้เฝ้าอยู่ที่นี่อีกสองคนเผื่อว่าภคมนจะกลับมาที่บ้าน