ทิพยุพาเดินเข้ามาในครัว เมื่อออกมาทันเห็นว่า 5 สาวรุ่นน้องพากันพรวดพราดออกไปจากร้าน โดยไม่รอเมนูใหม่ที่เพิ่งสั่งมากับศิลากานต์หมาดๆ ด้วยซ้ำ
“ว่าไงอ่ะหิน ลูกค้าพี่ทนความหล่อของหินไม่ไหวถึงกับเช็คบิลหนีกันเลยเหรอ” ทิพยุพาเย้าถามน้องชาย ก่อนจะก้มมองของที่ ศิลากานต์ถืออยู่ในมือ
“โธ่! แรงนะครับพี่ แต่สงสัยจะจริงอย่างที่พี่ทิพย์ว่านั่นแหละ พวกเธอหนีกันไปหมดเลยครับ”
“สรุปแล้ว... ถูกใจคนที่พี่แนะนำมั้ย”
“อืม... ก็โอนะครับ แต่เธอชิ่งหนีไปเสียก่อนสิ ทิ้งแต่นี่ไว้ดูต่างหน้า อะ! พี่ทิพย์ดูไม่ได้นะ”
ทิพยุพาทำท่าจะคว้าถุงผ้าใบโตที่เขายกขึ้น แต่ศิลากานต์ไวกว่าจึงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้พี่สาวจับได้
“อ้าว! ขอดูหน่อยไม่ได้เหรอหิน อะไรอยู่ในนั้นอ่ะ”
“เป็นสิ่งที่พี่ทิพย์ยังไม่สมควรใช้ครับ เพราะ... เอ่อ... ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช้”
หัวคิ้วขมวดเข้าหากันของพี่สาวทำให้เขาต้องอธิบาย แต่ก็ได้เพียงแค่นั้นเพราะให้พูดมากกว่านี้ก็คงจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร แม้ว่าทิพยุพาจะเป็นพี่สาวที่เขาสนิทสนมมากก็ตาม เพราะเป็นลูกคนสุดท้องกับรองสุดท้องของแม่ ที่คนโบราณเรียกกันว่า ‘หัวปีท้ายปี’ เขากับเธอจึงเป็นเหมือนเพื่อนกันเสียมากกว่า แต่เมื่อเธอเป็นพี่ เขาก็พร้อมจะให้ความเคารพ และที่สำคัญเขาก็มีหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ 6 สาวของบ้านเสียด้วย
“อะไรที่ยังไม่ถึงเวลาเหรอหิน พี่น่ะสามสิบสองแล้วนะ หินคิดว่ายังมีอะไรที่ยังไม่ถึงเวลาอีกเหรอ พี่ว่ามันช้าไปแล้วมั้ง แต่เอาเหอะ หินเป็นหัวหน้าครอบครัวหนิ หินพูดอะไรพี่ก็ต้องเชื่ออยู่แล้ว จริงมั้ยจ๊ะที่รัก”
ทิพยุพาพูดติดตลกปะปนกับเหน็บแนมน้องชายเล็กๆ แต่แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นซบหน้าลงกับต้นแขนเต็มแน่นไปด้วยมัดกล้ามของน้องชายพร้อมกับทำน้ำเสียงออดอ้อนน่ารัก
“ขอดูหน่อยไม่ได้เหรอ... นะ... นะ... นิดเดียวเอง เขาอยากดูอ่ะ นะตัวเองนะ”
“ไม่ได้ และก็ไม่ได้เด็ดขาด”
“ทำไมล่ะ มีเหตุผลมั้ย อะไรที่สาวนั่งคานอย่างพี่จะดูไม่ได้ ขอดูหน่อยนะ นะ... นะหินนะ... นะที่รักขอดูหน่อยนะ”
“มันเป็น... เฮ้อ!” ถอนหายใจกับความดื้อของพี่สาว ก่อนจะส่ายใบหน้าหล่อๆ ไปมา เพราะเขาแพ้ทางน้ำเสียงอ้อนๆ นี้ทุกที “หนังสือปกขาวครับ”
“ฮะ! หนังสือปกขาว”
เสียงร้องตื่นเต้นก่อนทิพยุพาจะรู้ตัวรีบป้องปากตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าดังเกินไป เพราะพนักงานหลายคนมองตรงมาอย่างยิ้มๆ กับความน่ารักของสองคนพี่น้องมักจะมีให้เห็นเสมอหากศิลากานต์มาที่นี่
“ขออ่านบ้างดิ อยากรู้อ่ะ”
“จะรู้ไปทำไม ยังไม่ถึงเวลา”
“ใครว่ายะ! ว่ายังไม่ถึงเวลา เลยแล้วสิไม่ว่า นะหินจ๋า... รู้ก่อนไม่ได้เหรอ ว่าแต่หินไปเอามาจากไหน”
“ก็แม่สาวราศีกันย์ที่แสนจะน่ารักของพี่ทิพย์ไงครับ ถ้าอยากจะดูให้ดูแป๊บนึงก็ได้ แต่ห้ามชักออกเด็ดขาด”
ศิลากานต์อ้าปากถุงให้ทิพยุพาชะโงกเข้ามาดู ซึ่งทิพยุพาถึงกับอ้าปากหวอเมื่อได้เห็นจำนวนหนังสือและสันปกบ่งบอกถึงชื่อเรื่อง
“โอ๊ะ! แม่เจ้า... ทิวลิปเขาจะเอาไปต้มกินหรือไงนะ ถึงได้ซื้ออะไรมากมายขนาดนี้ ว่าแต่... เยอะแบบนี้ แบ่งเล่มนึงเหอะนะ นะหินนะ แบ่งพี่เล่มนึงนะ เดี๋ยวพี่บอกทิวลิปเอง นะ... นะ...”
“ไม่ได้ครับผมจะเอาไปด้วย ถ้าเธอมาถามหา พี่ทิพย์ก็บอกเธอไปละกันว่าผมเอาไป ถ้าอยากได้คืนก็เชิญที่ร้านละกัน นะครับ คุณพี่สาว” ศิลากานต์พูดพลางปลดผ้ากันเปื้อนให้พี่สาวรู้ว่าเขากำลังจะกลับ
“มันจะดีเหรอหิน”
“พี่ทิพย์ก็รู้นี่ครับ ว่ามันจะดี”
ใบหน้าหล่อหันมายิ้มอย่างรู้กันในคำตอบทำให้ทิพยุพาต้องส่ายศีรษะไปมา แต่ก็อดไม่ได้จะยิ้มตอบน้องชายเพียงคนเดียวของเธอ เพราะเห็นทีครั้งนี้สาวที่เธอแนะนำให้กับศิลากานต์จะถูกใจจริง... หรือเปล่านะ?
คำถามพร้อมสายตามองตามเบื้องหลังแกร่งสมชายชาตรีของน้องชาย รูปร่างสูงสมส่วนและหล่อเสียจนสาวๆ ต้องเหลียวหลัง แต่ก็แปลกที่ศิลากานต์ไม่ได้มีทีท่าที่จะชอบพอสาวใดเป็นพิเศษเลยสักคน ตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่นจนเกือบจะเป็นหนุ่มใหญ่อยู่รอมร่อ เขาก็ไม่เคยมองใคร แล้วเพราะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะ 6 สาวในบ้านที่รวมตัวเธอเข้าไปด้วย
ความทรงจำย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ศิลากานต์เพิ่งมีอายุได้ 11 ปี ซึ่งก็ไม่ต่างกับเธอแค่ 12 เมื่อบิดาผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวมาจากไปอย่างกะทันหันเพราะโรคมะเร็งลุกลามเกินจะเยียวยา เสียงร้องไห้ของพี่สาวทั้ง 4 แทบจะดังไปทั่วทั้งโรงพยาบาล เมื่อคณะแพทย์ต่างพยายามยื้อลมหายใจของผู้เป็นพ่อให้คงอยู่แต่ก็ไม่สามารถทำได้ สายตาของพ่อและคำพูดสุดท้ายที่มองศิลากานต์เธอยังคงจำได้ดี
‘หิน... ดอกไม้ทั้งหกของพ่อ คงต้องฝากหินดูแล ดอกตูมพ่อไม่ค่อยห่วง หึหึ... แต่แม่ดอกบานนั้น พ่อห่วงเหลือเกิน’
คนเจ็บหัวเราะแต่ว่าน้ำตากลับรินไหลจากปลายหางตาทั้งสองข้าง สร้างความสะเทือนใจให้กับทุกคน แม้แต่คุณหมอที่เป็นเพื่อนรักกับบิดาก็ยังไม่อาจจะกลั้นน้ำตาได้ ทิพยุพายังจำความรู้สึกนั้นได้ดี ยังจำได้ว่าพี่สาวทั้ง 4 นั้นต่างกอดกันร้องไห้ แต่เธอเองก็ได้แต่ยืนมองอึ้งๆ เท่านั้น ทว่าแม่ดอกบานที่พ่อกล่าวถึง กลับไม่ร้องไห้เลยสักแอะ แม่กลับยืนยิ้มพร้อมจับมือของพ่ออยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าที่มีความสุขนัก