ตอนที่ 6

1468 Words
ตอนที่ 6 ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้มกระจ่างสดใส เรื่องเที่ยวนะไม่ขัดอยู่แล้ว ยิ่งได้กูรูผู้รู้ช่วยแนะนำแล้วก็สอนสั่งให้ด้วยก็ยิ่งเป็นการดี “ได้ซิคะ พระจันทร์แล้วแต่คุณอิฐค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างไม่รู้ว่าได้กระโดดเข้าไปในกับดักของหมาป่าตัวใหญ่และช่ำชองที่คอยจ้องจะกินเนื้อลูกแกะตัวหวานนุ่ม “ตอบอย่างนี้ชื่นใจจริงๆ น่ารักที่สุดเลยพระจันทร์” ติณภพยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชายหนุ่มโน้มหน้าไปประทับริมฝีปากบนเรียวปากอวบอิ่ม กดคลึงและแยกเรียวปากนุ่มด้วยปลายลิ้นสากร้อน ล่วงล้ำเข้าไปภายใน ซอกซอนเกาะเกี่ยวเลาะลิ้นไรฟัน กระพุ้งแก้มนุ่ม สอนด้วยความชำนาญกว่าให้พระจันทร์ดวงน้อยค่อยๆ เกี่ยวกระหวัดกวัดไกวลิ้นเล็กเข้ากับปลายลิ้นหนาใหญ่และขยับเคลื่อนตามติดปลายลิ้นสากระคายเข้ามาในโพรงปากหนานุ่ม มือใหญ่ขยับเคลื่อนไปตามผิวกายเนียนนุ่ม ริมฝีปากหนาร้อนถอดถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามลำคอระหง แอ่งชีพจรและประทับบนเนินเนื้อข้างหนึ่งซึ่งไหวกระเพื่อมตามแรงหายใจ ปลายยอดทรวงสีเข้มสวยนูนเด่นไหวระริกเรียกร้องให้ต้องรีบกลืนกิน ปลายลิ้นสากระคายตวัดวนไล้ปลายยอด ฟันขาวสะอาดขบเม้มปลายยอดทับทิมสีเข้มอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล “คะ...คุณอิฐขา...” ลำตัวโปร่งบางแอ่นโค้ง ปลายนิ้วยาวเรียวสอดแทรกเข้าไปพัวพันกับเส้นผมหนานุ่ม จิกทึ้งสลับกดรั้งให้แนบชิดสองบัวตูมตามแรงปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าขึ้นจนเป็นเหมือนเพลิงไฟร้อนแรงเผาไหม้กายน้อยๆ จนทุรนทุรายด้วยความเสียวซ่านและรัญจวนใจ “จ๋า...เรียกฉันทำไมล่ะพระจันทร์” ติณภพยังแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ปากหนาอุ่นร้อนและปลายลิ้นสากระคายตวัดไล้หยอกล้อและกลืนกินเชอร์รี่ทั้งสองผลไปมาอย่างไม่ยอมหยุดนิ่ง ปลายยอดทรวงศศิกานต์ช่างหวานและหอมเหมือนผลไม้ทิพย์ก็ไม่ปาน ชายหนุ่มเคลื่อนมือไปตามเรือนกายนุ่มแผ่วเบาและนุ่มนวล ค่อยๆ สอดเข้าใต้สะเอวเล็กคอดและเกลี่ยไล้ดึงทึ้งกางเกงนอนออกจากเรือนกายโปร่งบางโดยที่เจ้าตัวแทบจะไม่รู้สึก เพราะหลงอยู่ในวังวนแห่งความปวดร้าวและเสียวซ่านที่เกิดขึ้นตรงกลางระหว่างอกและช่องท้อง “คะ...คุณอิฐ...” ศศิกานต์ร้องเสียงแผ่ว เมื่อพบกับสัมผัสร้อนผ่าวราวกับไฟที่ลามเลียไปทั่วกายา อยากให้ชายหนุ่มนำพาไปสุดเส้นทางสายปรารถนาก็ยังมีความรู้สึกกึ่งกล้ากึ่งกลัวอยู่ เธอทำได้เพียงแค่สอดมือเข้าไปพัวพันและจิกทึ้งเส้นผมหนานุ่ม ลำตัวแอ่นโค้งเหมือนคันศร สองปทุมถันไหวกระเพื่อมแรงและเร็วตามลมหายใจ ติณภพแนบจุมพิตไปบนผิวกายนุ่มหอมหนักหน่วงจนผิวกายสีขาวเริ่มจะกลายเป็นสีแดงช้ำๆ เรียวลิ้นสากระคายกระเซ้าเย้าแหย่ไปในช่องสะดือบุ๋ม ปลายนิ้วกรีดไล้ไปตามรอยแยกของกลีบบุปผานุ่มจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้งเฮือก ผวาตัวกดกอดร่างหนาแนบชิด “ไม่ต้องกลัวนะพระจันทร์ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเธอเกินไปกว่านี้” ติณภพปลอบประโลมน้องน้อยเสียงนุ่มทุ้มและอ่อนโยน เขาขบเม้มจุมพิตบนปทุมถันอวบอิ่ม กลืนกินทับทิมผลนุ่ม ขณะมือก็ยอมเคลื่อนออกจากกุหลาบดอกโต เพื่อให้หญิงสาวไม่อายและกลัวเกินไปนัก เมื่อเห็นว่าศศิกานต์เริ่มที่จะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเพลิงพิศวาสที่เขามอบให้ กายใหญ่จึงแทรกกลางลำขาเรียวยาว ริมฝีปากหนาขบเม้มเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมเบิกกว้าง กลืนน้ำลายลงคออย่างติดๆ ขัดๆ เมื่อได้ยลความสวยของดอกรักสีขาวนวล “สวย...สวยมากพระจันทร์...” ไม่รู้ว่าเขาจะเอ่ยชมความสวยงามที่ได้เห็นยังไงดี ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ไปบนเนินกุหลาบอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล “พระจันทร์จ๋า...ขอฉันนะคนดี” ติณภพไม่รอให้ศศิกานต์อนุญาต เขาแนบริมฝีปากลงไปบนกลีบดอกไม้แสนสวย ชิวหาร้อนผ่าวแต่งแต้มไปบนรอยแยกของกลีบบุปผาและลากไล้ไปถึงเกสรนุ่มแผ่วเบาและนุ่มนวล แต่ถึงกระนั้นร่างโปร่งบางก็ยังสะดุ้งไหว สะโพกงามงอนขยับส่าย พร้อมน้ำเสียงหวานๆ ดังแผ่วพลิ้วมาจากลำคอระหง สองมือขยำจิกกดสลับดึงรั้งศีรษะทุยให้ออกห่าง “คะ...คุณอิฐ...” ศศิกานต์ร้องเรียกเสียงแผ่วเบา เรือนกายโปร่งบางส่ายไหว เหมือนกับกิ่งไผ่ยามต้องลมพายุร้าย เท้าเล็กเรียวขยับเคลื่อนถูไถกับผ้าปูเตียงผืนน้อยจนหลุดลุ่ยออกจากปมที่ได้ซ่อนไว้ แผ่นหลังเนียนนุ่มแอ่นสูงจากพื้นเตียง เพื่อให้สองปทุมถันอวบอิ่มได้แนบชิดกับมือใหญ่ที่เฝ้าวนเวียนกดคลึงปลายยอดทับทิมผลหวานนุ่มสลับไปมาทั้งสองผลอย่างไม่ยอมให้ข้างหนึ่งข้างใดต้องน้อยอกน้อยใจ ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าวตวัดกดคลึงหยอกล้อกับเกสรฉ่ำนุ่มสลับกับสอดแทรกแยกกลีบบุปผานุ่มเข้าไปกวาดไล้เนื้อในฉ่ำหวาน ถึงแม้ปากจะบอกว่ายินยอมแล้ว แต่เมื่อไม่เคยต้องมือชาย ศศิกานต์ยังมีอาการเขินอายและขลาดกลัว ติณภพต้องจับล็อกขาเรียว เพื่อให้ได้ชิมรสน้ำผึ้งฉ่ำหวานอย่างถนัดถนี่ “พระจันทร์จ๋า...คนดีของฉัน” ติณภพร้องครางเสียแผ่ว ขณะเติมไฟพิศวาสใส่ศศิกานต์อย่างไม่ขาดตอน ไฟพิศวาสร้อนผ่าวลามเลียไปทั่วเรือนกาย เสียงหวานเชื่อมไม่ได้ห่างหายจากลำคอระหง กายโปร่งบางสั่นเหมือนเรือลำน้อยที่ล่องลอยอยู่ในท้องทะเลซึ่งมีพายุใหญ่โหมกระหน่ำสาดซัดเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า มือเล็กที่วางอยู่บนศีรษะทุยได้รูปอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จะดึงทึ้งให้ไฟร้อนผ่าวนั้นห่างหายไป หรือว่าจะกดรั้งให้ศีรษะทุยแนบชิดกับกายบอบบางและอ่อนไหวต่อไปดี ติณภพสอดเรียวลิ้นสากระคายเข้าไปกวาดไล้เนื้อในฉ่ำหวาน ขณะจัดท่วงท่าเพื่อให้ได้แนบชิดกับกลีบกายบอบบางและหวานฉ่ำอย่างถนัดถนี่ ก่อนขยับปลายนิ้วสอดแทรกเข้าไปเคลื่อนไหวในความอบอุ่นและฉ่ำร้อน “อือ...” ความอ่อนหวานและซาบซ่านเริ่มห่างหายไปและกลายเป็นความอึดอัดและปวดร้าวนิดๆ ที่แผ่ซ่านจากกุหลาบดอกน้อยทำให้ศศิกานต์รีบดึงกายหนี แต่ก็ติดติณภพที่ยังคงฟอนเฟ้นและมอบความสุขทางกายให้อย่างต่อเนื่อง “พระจันทร์จ๋า...ไม่ต้องกลัวนะคนดี...” ชายหนุ่มปลอบประโลม มือใหญ่ฟอนเฟ้นบัวตูมเต่งตึง เคล้าคลึงปลายยอดถันสีชมพูเข้าทั้งสองฟากฝั่งสลับไปมา ปลายลิ้นสากระคายกระเซ้าเย้าแหย่กดคลึงปุ่มสวาท ปลายนิ้วขยับซอกซอนเข้าไปสัมผัสกับความอ่อนเยาว์อย่างเชื่องช้า ก่อนหยุดชะงักกับสิ่งกีดขวางที่ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แม้จะอึดอัดแต่ในความรู้สึกนั้นก็ยังมีความอบอุ่นและเสียวซ่านแทรกอยู่ ปลายนิ้วเรียวยาวซอกซอนพัวพันกับเส้นผมหนานุ่ม ขาเรียวยาวจิกเกร็ง เรือนกายโปร่งบางแอ่นโค้งเหมือนกับคันศร น้ำเสียงครวญครางหวานนุ่มดังจากริมฝีปากอวบอิ่มเป็นระลอก “คะ...คุณอิฐ...” ศศิกานต์ถึงกับหวีดร้องออกมาเสียงดังลั่น เมื่อไฟปรารถนาโอบล้อมรอบเรือนกายและแผ่ซ่านไปตามกระแสเลือด รู้สึกว่าตัวเธอล่องลอยอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน เรือนกายเบาหวิวเหมือนกับปุยนุ่นและตกลงไปในกระแสน้ำที่เย็นฉ่ำชื่นใจเพราะความสุขที่ได้รับ แม้ความปวดร้าวจะแล่นพล่านไปทั่วกาย เมื่อต้องหยุดทุกอย่างเพียงแค่นั้น ชายหนุ่มซบใบหน้ากับผิวเนื้อนวลนุ่มหอมอยู่ครู่ใหญ่ เพื่อปรับเรือนกายให้เข้าที่ ก่อนที่ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนจะขบเม้มไปตามผิวกายเนียนนุ่ม “คะ...คุณอิฐ...” ศศิกานต์เองก็รับรู้ถึงความปวดร้าวที่ชายหนุ่มมี เพราะหูได้ยินลมหายใจแรงๆ ที่ออกจากกายใหญ่ ทำให้สงสาร อยากให้ติณภพเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างที่เธอได้เดินทางไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ครั้นจะพูดออกไปก็ยังกระดากปาก จึงได้เพียงแค่ขยับมือใหญ่ลากไล้บีบนวดไปตามกล้ามเนื้อแข็งแกร่งด้วยคิดว่าอาจช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดและเมื่อยล้าได้บ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD