ตอนที่ 7
ติณภพรับรู้ความหวังดีที่หญิงสาวมอบให้ จนเขาอยากจะบอกไป ‘ฉันไม่เป็นไรหรอกพระจันทร์’ แต่เขาพูดไม่ออก ความเจ็บปวดรวดร้าวจากการเดินทางไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางยังไหลพล่านอยู่ในเรือนกาย ใบหน้าคมคร้ามซบซุกกับสองเนินทรวงอวบอิ่มที่กำลังขยับไหวเป็นจังหวะ
หญิงสาวลูบไล้มือไปบนแผ่นหลังกว้างขึ้นไปจนถึงศีรษะทุย อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเกี่ยวพัวพันกับเส้นหนาและนุ่ม แต่เพราะช่วงนี้คร่ำเคร่งอยู่กับการทำรายงานและอ่านหนังสือสอบ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก็ทำให้เธอรู้สึกเพลีย ลมหายใจอุ่นร้อนเริ่มเป็นจังหวะ ดวงตากลมโตหรี่ลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ปิดสนิท
ภายในห้องนอนใหญ่เต็มไปด้วยความเงียบงัน จนเวลาพ่านพ้นไปครู่ใหญ่ ติณภพถึงได้ละใบหน้าจากสองบัวตูมเต่งตึง ก่อนรอยยิ้มแต้มบนใบหน้าเข้ม เมื่อเห็นแม่สาวน้อยพระจันทร์เนื้อหวานหลับใหลทั้งที่เขาแนบชิดอยู่
ชายหนุ่มลุกเดินไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำใส่ให้หญิงสาว ก่อนจะช้อนร่างโปร่งบางเดินออกไปส่งที่ห้องนอน ด้วยไม่อยากคนในบ้านบางคนตื่นมาเห็น แล้วนำเรื่องไปบอกมารดา เพราะกลัวว่าจะสร้างความไม่สบายใจและลำบากใจให้กับศศิกานต์ จนเธอท้อไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขามากไปกว่านี้
“อือ...” ศศิกานต์พลิกตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ร่างโปร่งบางบิดส่ายไปมาด้วยไม่อยากที่จะตื่นจากนิทรารมย์อันแสนสุข แต่ก็จำใจลุกอย่างไม่สบอารมณ์ด้วยเพราะยังมีงานรออยู่
หญิงสาวขยับลุกขึ้นนั่งพร้อมบิดขี้เกียจทั้งที่ดวงตายังคงปิดอยู่ มือเล็กก็ยกขึ้นปิดปากกลั้นอาการหาวนอนที่เกิดขึ้นตามมาเป็นระลอก เท้าเล็กก้าวลงจากเตียงนอน แต่เพียงแค่เท้าแตะพื้นเท่านั้นแหละ ความทรงจำที่ขาดหายไปช่วงหนึ่งก็หวนกลับคืนมา
ใบหน้าขาวนวลเห่อร้อนผ่าวลามเลียไปจนถึงใบหูและลำคอ ศีรษะทุยค่อยๆ โน้มลงมองเรือนกายตัวเองแล้วก็ค่อยผ่อนลมหายใจออกจากปอดเบาๆ เมื่อเห็นว่าถึงแม้จะไม่อยู่ในชุดเดิมที่ใส่เมื่อคืน แต่ก็อยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำที่สามารถปกปิดเรือนกายไม่ให้อุจาดตา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงและเร็วจนมือเล็กต้องรีบยกขึ้นจับไว้ไม่ให้มันเต้นแรงจนทะลุออกมาจากทรวง
“บ้าจริงๆ เรานี่คิดอะไรก็ไม่รู้”
ศศิกานต์บ่นพึมพำกับตัวเอง ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ให้คลายความคิดถึงติณภพและเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วยกระดากอายแต่แอบซุกซ่อนไว้ด้วยความอบอุ่นและเป็นสุข ก่อนลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่าออกจากเรียวปากนุ่ม ป่านนี้ชายหนุ่มอาจลืมไปแล้วก็ได้ เรื่องที่จะพาเธอไปเที่ยวและติวหนังสือให้ด้วย เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มงานหนักขนาดไหน คงไม่หนีงานสำคัญมากับเด็กกะโปโลที่อาศัยอยู่ในบ้านอย่างเธอหรอก
ศศิกานต์รู้สึกปวดร้าว ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาคลอเบ้า ฟันสีขาวขบกัดริมฝีปากอวบอิ่มจนห้อเลือด คิดแล้วก็อดที่จะเศร้าใจไม่ได้ สองเท้าเล็กๆ ยกขึ้นไปวางบนเตียงนอน ใช้สองแขนเล็กเรียวโอบรัดบอบลำขา วางใบหน้าบนเข่ามน
ใจที่เคยคิดว่าอยู่กับตัว มารู้ตัวอีกทีว่าได้หายไปอยู่กับใครบางคนเสียแล้ว เขาคนนั้นก็เผอิญอยู่สูงจนเกินเด็กมีปมด้อยอย่างเธอจะเอื้อมมือไขว่คว้าถึง
หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ เอนร่างโปร่งบางนอนทาบไปกับความยาวของเตียงนอน แม้ไม่อยากจะคิดก็ต้องคิด ไม่ใช่อยากจะดูถูกตัวเอง แต่ต้องยอมรับกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นให้ได้
ขนาดว่าพ่อกับแม่แท้ๆ ยังทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ ปล่อยให้เธอต้องระหกระเหินกลายเป็นเด็กไร้บ้านอยู่หลายปี จนยายจับพลัดจับผลูได้เข้ามาเป็นคนใช้ในบ้านติณภพนั่นแหละ เธอถึงได้พลอยมีชีวิตที่สุขสบายไปกับยายด้วย
ถ้าในวันนี้ เธอยอมที่จะเดินตามความสัมพันธ์ที่ติณภพมอบให้ ถ้านิจอาภาไม่ยอมรับในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นล่ะ ถึงติณภพจะบอกว่ารักเธอ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างผู้หญิงที่รักกับแม่บังเกิดเกล้า ชายหนุ่มย่อมที่จะต้องเลือกมารดาอยู่แล้ว เมื่อนั้นเธอก็จะเป็นคนอกตัญญูกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ยังจะกลายเป็นหลานอกตัญญูทำให้ยายต้องพลอยทำบากไปด้วย
เข่าเล็กๆ ค่อยขยับขึ้นไปจนแนบชิดกับอกกว้าง พลางโอบด้วยสองแขนกลมกลึง ไม่ว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนเรื่องของเธอกับติณภพมองไปแทบไม่เห็นอนาคตข้างหน้าเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดศีรษะจนต้องยอมแพ้ หญิงสาวลุกจากเตียงไปคว้าผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่ห้อยไว้หน้าตู้เสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาของตนเอง
ติณภพเห็นทุกในบ้านต่างก็มัวง่วนอยู่กับหน้าที่ของตัวเอง ก็รีบเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนศศิกานต์ โดยไม่ลืมที่จะกดล็อกห้อง เพื่อป้องกันไว้ก่อน หากมีใครเข้ามาเห็นหรือรับรู้เรื่องที่เขาดอดแอบเข้าหาสาวน้อยในบ้านตัวเอง นำเอานี้เรื่องไปฟ้องมารดาให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ก่อนที่เขาจะได้เคลียร์กับมารดาให้เรียบร้อย
ชายหนุ่มกวาดมองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นเจ้าของห้องที่เขาพามาส่ง ก่อนรอยยิ้มจะแต้มบนใบหน้าคมคร้าม เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลดังออกมาจากห้องน้ำ
ชายหนุ่มเดินไปเอนตัวนั่งบนเตียงนอน แต่เปลี่ยนใจเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า เก็บเอาของที่อยู่ข้างในพร้อมข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋าใบเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ชั้นล่างของตู้จนเรียบร้อย โดยไม่ลืมหยิบชุดน่ารักๆ ให้ศศิกานต์ใส่เดินทาง ก่อนเขาจะเดินกลับไปเอนตัวนอนบนเตียงเล็ก
ติณภพนอนรอจนเกือบจะหลับ ศศิกานต์ถึงออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับความสดชื่น ดวงตาคมวาวมองกวาดไปทั่วร่างโปร่งบาง ความทรงจำที่มีเมื่อคืนย้อนกลับมา ทำเอาชายหนุ่มถึงกับหายใจหอบแรงด้วยความปรารถนาที่ลุกโชติช่วงเหมือนกับเปลวไฟ เกือบจะลุกขึ้นไปดึงร่างศศิกานต์ลงมานอน แล้วนำพาหญิงสาวไปสุดสายปลายรุ้งอย่างรวดเร็ว แต่จำต้องกัดฟัดระงับเอาไว้ก่อน
“อุ๊ย!! คุณอิฐ เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แล้วเข้ามาได้ยังไง” ศศิกานต์ถามเสียงสั่น เท้าเรียวยาวก้าวถอยไปด้านหลังเล็กน้อย เมื่อครู่เธอเพิ่งตัดสินใจได้ระหว่างที่กำลังยืนอาบน้ำอยู่นั่นแหละ ตัวเองจะต้องถอยห่างจากติณภพไปเสีย แต่เมื่อได้เห็นชายหนุ่มนอนเอกเขนกในห้องนอน ที่สำคัญคือบนเตียงนอนเล็กอันอบอุ่นของตัวเอง ก็ทำเอาความตั้งใจที่มีเริ่มเลือนหายไปจากความคิด
ยามเธอสบสายตากับดวงตาคมเป็นประกายหวานเชื่อม หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าขาวร้อนผ่าวรีบหลบสายตาคมอย่างเอียงอาย
เพียงแค่เขายื่นมือออกไปเท่านั้นแหละ แม้จะยังมีกลัวอยู่บ้าง แต่ศศิกานต์ก็เดินเข้าไปหาอย่างเต็มอกเต็มใจ
น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ดังเป็นระยะ คอยปลอบประโลมให้คลายความหวาดกลัว ที่ทำให้กล้าเดินเข้าไปกรงแห่งไฟพิศวาสของเสือตัวใหญ่
“ทำไมอาบน้ำช้านักล่ะพระจันทร์ รู้ไหมฉันคอยจนจะหลับแล้วนะ” ติณภพเอ่ยถามน้ำเสียงนุ่มและเว้าวอน ลากไล้มือไปตามเรือนกายขาวนวล ค่อยๆ แกะปมผ้าขนหนูที่พันร่างโปร่งบางเอาไว้ออกไป เพื่อเขาจะได้ยลสองบัวตูมนูนเด่นและสวยงามชัดกระจ่างตาอีกครั้ง
ชายหนุ่มจับหมอนหนุนใบเล็กรองแผ่นหลังในท่าทางที่จะทำให้ตัวเองได้สัมผัสกับทรวงอวบอิ่มสล้างขาวอย่างถนัดถนี่ เขาช้อนทรวงขาวผ่องขึ้น ก่อนปลายนิ้วจะหยอกเย้ากับปลายยอดถันสีเข้มแผ่วเบา
“คะ...คุณอิฐ...” ศศิกานต์รีบขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่มสะกดกลั้นเสียงหวานและแหบพร่า เมื่อความร้อนผ่าวเหมือนเพลิงไฟเริ่มก่อตัวขึ้นจากกึ่งกลางของเรือนกายอีก ใบหน้าขาวสวยเห่อร้อนลามไปจนถึงลำคอระหง ดวงตากลมโตฉายแววหวานเชื่อมเป็นประกายเว้าวอน