ตอนที่ 5
“อุ๊ย! คุณอิฐ...” กายบอบบางสั่นไหวกับความร้อนที่เป่ารดเนินทรวง ไฟร้อนลามเลียจากเนินทรวงอวบอิ่มไปถึงปลายยอดทับทิมสีเข้ม ลมหายใจหอบพร่าแรงและเร็ว ความปั่นป่วนและเสียวซ่านแผ่ไปตามกระแสเลือดจนทั่วทั้งกายา ปลายนิ้วจิกลงไปบนบ่ากว้าง เธอขยับถอยห่างแต่ติดแขนใหญ่ที่โอบกอดไว้
“ว่าไงจ๊ะพระจันทร์...” ติณภพถามแนบชิดบัวตูมเต่งตึง อีกข้างก็ปล่อยให้มือใหญ่กอบกุมและฟอนเฟ้นหนักเบาตามตามแรงปรารถนาที่เอ่อล้นขึ้นมา
“พอแล้วนะคะ พระจันทร์...เอ่อ...” ศศิกานต์พูดไม่ถูก มันปั่นป่วนเหมือนกับมีลูกไฟย่อมๆ หมุนวนอยู่กึ่งกลางสองบัวตูมที่ถูกสัมผัสอย่างหนักหน่วงสลับอ่อนโยน
“ทำไมหืม... ฉันขอแค่ชื่นใจแค่นี้พระจันทร์ก็ให้ไม่ได้เชียวหรือ ฉันน้อยใจแล้วนะ” ติณภพแสร้งทำหน้าเศร้า ดวงตาหม่นหมอง ร่างหนาลุกจากเรือนกายบอบบาง และมันทำให้ศศิกานต์รู้สึกว่าความอบอุ่นที่รายล้อมอยู่รอบกายมลายหายไปด้วย
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่เลย แต่พระจันทร์กลัว” ศศิกานต์บอกเสียงแผ่ว น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้า เธอไม่ได้อยากให้ชายหนุ่มโกรธ แต่ก็เหมือนกับความกลัวที่เป็นอยู่ตอนนี้
แม้ติณภพจะบอกว่าพร้อมที่จะรับผิดชอบดูแลทุกอย่าง และคำพูดของชายหนุ่มก็เชื่อถือได้ แต่เธอเป็นสาวที่ยังไม่เคยต้องมือชาย ความรู้สึกแปลกๆ ที่เป็นเหมือนไฟเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายก็นำเอาความกลัวที่มีอยู่ในส่วนลึกของหัวใจออกมาอย่างที่ไม่สามารถต้านทานได้
เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาจากพวงแก้มโดยเร็ว แต่มันก็ยังคงไหลออกมาอยู่ดี หญิงสาวจึงปล่อยให้ไหลไปเรื่อยๆ ขณะยื่นมือเย็นและสั่นเทายื่นไปจับมือใหญ่อย่างขลาดกลัวว่าจะถูกปัดทิ้งด้วยความรังเกียจ
“โธ่...พระจันทร์ ฉันขอโทษนะ ฉันเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป ถึงไม่ได้คิดถึงใจของพระจันทร์เลย ฉันขอโทษนะคนดี” เขายกมือขึ้นกดซับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาอาบสองแก้ม
ติณภพถอนใจเฮือกใหญ่ ใช่...เขาลืมคิดไปว่าศศิกานต์ไม่ประสีประสาเรื่องพวกนี้ มัวแต่รุกเอาแต่ใจ
“ไม่ร้องนะคนดีของฉัน” ชายหนุ่มดึงร่างโปร่งขึ้นมานั่งบนตัก สอดแขนรัดเอวเล็กคอด วางคางบนบ่ากว้าง
“ฉันขอโทษที่เอาแต่ใจไปหน่อย แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม พออยู่กับพระจันทร์แบบนี้แล้วมันอดใจไม่ไหว”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตามองเข้าไปในดวงตาคมกริบซึ่งมองมาอย่างขอโทษ ทำให้ไม่รู้สึกไม่พอใจตัวเองเหมือนกัน
“พระจันทร์ขอโทษที่ทำให้คุณอิฐเสียอารมณ์” แม้จะมีความหวาดกลัวอยู่ แต่เพราะต้องการให้คนที่ชอบมีความสุข เธอตัดสินใจด้วยหัวใจที่ขลาดกลัวพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อคนที่รัก แม้ตัวเองจะต้องเจ็บปวดก็ตาม
หญิงสาวยกแขนโอบรอบลำคอแกร่ง ดวงตากลมโตพราวระยับเหมือนกับมีดวงดาวนับสิบดวงซุกซ่อนอยู่ภายใน ใบหน้ายิ้มแย้มแดงปลั่งตลอดไปถึงลำคออย่างเอียงอายจนต้องก้มลงมองด้านล่างแต่กลับได้เห็นอกกว้างและแข็งแกร่งแทน
“พระจันทร์ตามใจคุณอิฐก็ได้ มันจะไม่เจ็บใช่ไหมคะ”
ติณภพอยากจะลุกขึ้นแล้วร้องตะโกนให้ดังลั่นห้องกับคำพูดอนุญาตที่ได้ยิน แต่ก็ต้องถอนใจวูบใหญ่ เมื่อสายตาตวัดมองไปที่หัวเตียงแล้วเห็นนาฬิกาบอกเวลาเกือบจะตีสามครึ่งแล้ว
เฮ้อ...เสียดายจริงๆ ทำไมเวลาที่จะได้อยู่กับศศิกานต์ถึงน้อยอย่างนี้ก็ไม่รู้ บ้าชะมัดเลย
“ฉันบอกแล้วว่าคืนนี้ฉันไม่ทำอะไรพระจันทร์ เพียงแค่ชื่นใจเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง”
นิ้วยาวปัดไล่หยดน้ำเล็กๆ ที่กองอยู่ระหว่างสองตาออกไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าคมโน้มลงไปประทับจุมพิตไล่ตั้งแต่หน้าผากกว้าง จมูกโด่งได้สัน ก่อนจะประทับไปบนเรียวปากนุ่มอิ่มเต็ม กดคลึงหยอกเย้าแต่ก็เรียกร้องให้ต้องตอบสนอง
ชายหนุ่มดันร่างโปร่งบางลงนอนบนเตียง พร้อมทาบร่างแข็งแกร่งตามติด โดยไม่ยอมถอนจุมพิตวาบหวามและหวานเชื่อมที่ประพรมไปทั่วใบหน้าขาวนวลเนียน ก่อนจะเคลื่อนกลับไปกดคลึงหยอกเย้าริมฝีปากนุ่มอวบอิ่มอย่างหนักหน่วง ปลายลิ้นสากระคายตวัดไล้สอดแทรกซอกซอนเข้าไปในความอบอุ่นและหวานเชื่อม มือใหญ่ฟอนเฟ้นเคล้าคลึงปทุมถันอวบอิ่มและนุ่มหยุ่น
ความร้อนผ่าวแนบชิดทั่วสรรพางค์กาย แผงอกกว้างที่ไม่รู้ว่ากระดุมเสื้อหลุดออกจากรางเมื่อไหร่บดเบียดเสียดสีกับลำตัวนุ่มนิ่ม สร้างความวาบหวิวและปั่นป่วนจากกึ่งกลางท้องน้อยค่อยๆ ลามเลียไปทั่วเรือนกาย เหมือนกับมีลูกไฟขนาดเล็กวิ่งไหลวนเวียนไปตามกระแสเลือด
“คะ...คุณอิฐขา...”
ชายหนุ่มถอนจุมพิต แต่มือยังไม่ว่างเว้นจากทรวงอกอวบอิ่มขาวสล้าง ดวงตาคมมองศศิกานต์อย่างเอ็นดูระคนรักใคร่
“จ๋า...พระจันทร์ ต้องการอะไรหืม...คนดี...”
ศศิกานต์ส่ายศีรษะเบาๆ ไม่รู้เหมือนกว่าต้องการอะไร รู้แต่ว่ายามที่ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับบดคลึง ปลายลิ้นซอกซอนเข้าไปในเรียวปากนั้นให้ความอบอุ่นฉ่ำหวานเหมือนกับได้กินผลไม้ที่ชื่นชอบ ขณะมือฟอนเฟ้นขยับเคลื่อนไหวไปทั้งสองทรวงอกก็ทำให้รู้สึกแปลกๆ วาบหวิวและเสียวซ่านจนอยากจะเปล่งเสียงร้องออกมาดังๆ
ดวงตากลมโตฉายแววหวาดหวั่นไม่มั่นใจ เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าคมคร้ามได้อีกกระลอก
“ไม่ต้องตกใจนะพระจันทร์ เพราะฉันก็เป็นเหมือนกัน เป็นยิ่งกว่าพระจันทร์อีก”
“ค่ะ...” ศศิกานต์ตอบรับอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมติณภพถึงเป็นมากกว่าเธอล่ะ ในเมื่อเขาเป็นคนต้องการและเริ่มต้นจูบเธอก่อนด้วยซ้ำ
ติณภพอยากอธิบายให้หญิงสาวเข้าใจว่า เพราะเขาอยากรักและอยู่แนบชิดแบบนี้ไม่ห่างทั้งวันทั้งคืน ได้เคลื่อนไหวนำพาแม่น้องน้อยไร้เดียงสาไปท่องเที่ยวโลกแห่งความฝันที่มีเพียงกันและกัน แต่ช่างเถอะ เดี๋ยววันต่อไปศศิกานต์ก็จะได้รู้ด้วยตัวเองแล้วนี่นา
“พระจันทร์บอกว่าใกล้สอบแล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มพยายามหยิบยกเรื่องอื่นขึ้นมาพูดและถาม เพื่อดึงเอาความคิดไปจากเรือนกายขาวนวลก่อนที่เขาจะทนไม่ไหวผิดคำพูดรักเธออย่างไม่คิดถึงเหตุการณ์ในวันหน้า
“ค่ะ”
“มีวันไหนพระจันทร์ว่างบ้าง...” นิ้วยาวลากไล้ไปบนกลีบปากอิ่ม ขณะริมฝีปากอุ่นขบเม้มปลายยอดสีเข้ม เรียวลิ้นสากระคายไล้วนรอบป้านบัวแรงเร็วสลับช้าเนิบนาบ และอีกฝั่งก็ส่งปลายนิ้วไปจิกทึ้งกดคลึงเล่นอย่างย่ามใจ
“อืม...พระจันทร์ส่งรายงานวันจันทร์ตอนบ่าย วันอังคารกับพุทธก็ไม่ต้องไปเรียน” ศศิกานต์ตอบกลับน้ำเสียงและเรือนกายสั่นเทา หนาวสะท้านเหมือนกับคนที่ยืนอยู่บนปลายยอดเขาที่มีอากาศเย็นจัด แต่ก็มีความอบอุ่นอยู่ในตัว ตอบกลับไปโดยไม่รู้เลยว่าคำพูดที่เอ่ยออกไปนั้นทำให้สมองคมปราบไหลวนเป็นลูกข่าง เพื่อหาหนทางพรากสิ่งมีค่าไปจากสาวน้อยไร้เดียงสา
“อืม...รายงานของพระจันทร์ยังอีกเยอะไหม ให้ฉันช่วยหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามกลับอย่างหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ปลายนิ้วกดคลึงและหยอกเย้าทรวงสล้างทั้งสองฝั่งอย่างไม่ยอมให้หยุดพัก
“จริงหรือคะ” สองมือเรียวกำแขนแกร่งและเขย่าแรงๆ ด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ ใบหน้าและดวงตาเป็นประกายสดชื่นและแจ่มใส
“ถ้าคุณอิฐช่วยก็ดีน่ะซิคะ มีหลายเรื่องที่พระจันทร์ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าคุณอิฐช่วยติวให้ เชื่อว่าผลสอบคราวนี้จะต้องออกมาดีแน่เลย”
“อย่างนั้นเชียวหรือ ก็ได้...ฉันจะช่วยพระจันทร์ แต่ก็มีข้อแม้นิดหน่อย”
“อะไรหรือคะ ถ้าให้ได้ พระจันทร์ทำให้แน่นอนค่ะ” ศศิกานต์ตอบรับอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่าข้อแม้ที่ติณภพบอกนั้นเธอจะทำได้หรือเปล่า
“ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ฉันเหนื่อยๆ เบื่อๆ อยากไปเที่ยวสักหน่อย ถ้าพระจันทร์มีเวลาว่างก็อยากชวนไปด้วยไง เหมือนว่าเดินทางพรุ่งนี้ตอนสายหน่อย พอถึงฉันก็ติวหนังสือและช่วยทำรายงาน” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงนุ่มนวลและออดอ้อน ดวงตาคมกะพริบไหวมองเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างมีความหวัง