ตอนที่ 4
“พระจันทร์ไม่ได้กลัวเรื่องนั้นนะ แต่กลัวว่าถ้าเราสองคนอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้...” ใบหน้าขาวสวยเห่อร้อน รีบก้มหน้าหลบสายตาคมที่มองมาอย่างเข้าใจในความหมายของสิ่งที่เธอพูดออกไป หากยอมทอดกายให้ชายหนุ่มเชยชมง่ายๆ ถ้ามีอะไรตามติดมา เธอจะแก้ไขมันยังไง แล้วยายกับคุณหญิงล่ะ จะไม่เสียใจเหรอที่ทำตัวน่าอายปล่อยให้มันเกิดอะไรขึ้นจนสายเกินแก้
ชายหนุ่มเชยคางมนขึ้น ใบหน้าแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าคมคร้ามก้มจุมพิตบนพวงแก้มอิ่มเต็มและไล่ลงไปกดย้ำบนเรียวปากนุ่ม “ไม่ต้องกลัวนะพระจันทร์ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ฉันพร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ”
ชายหนุ่มดันร่างโปร่งบางขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงาน แทรกกายแกร่งระหว่างสองขาเรียวยาว เสื้อนอนตัวเล็กก็ถูกเขี่ยให้พ้นจากเรือนกายโปร่งบาง ดวงตาคมกวาดมองเนินเนื้อถันสล้างขาวผ่องเหมือนกับไข่มุก เหมือนประติมากรรมชั้นเลิศที่สวรรค์เสกสรรปั้นแต่งเอาไว้ให้เขาได้ชื่นชม
“พระจันทร์เชื่อใจและไว้ใจฉันไหมคนดี” ชายหนุ่มถาม ขณะมองสบกับดวงตากลมโตอย่างเฝ้ารอคอยคำตอบที่ต้องการ
ศีรษะทุยได้รูปผงกรับ “ค่ะ พระจันทร์ไว้ใจคุณอิฐ”
“งั้นขอฉันชื่นชมพระจันทร์ดวงสวยนี่ให้ถนัดตาหน่อยได้ไหม” อย่างไม่รอคำอนุญาต มือใหญ่ขยับเคลื่อนไปด้านหลัง ปลดเอาตะขอชั้นในออกจากกัน ปล่อยบัวตูมเต่งตึงให้เป็นอิสระ นิ้วยาวเคลื่อนไปตามแผ่นหลังด้านบน เกี่ยวสายบราตัวสวยให้ตกจากบ่ากว้าง
“สวย...สวยมากเลยพระจันทร์...” ดวงตาคมมองราวกับต้องการบันทึกสองทรวงอวบอิ่มไว้ในความทรงจำ เขาลากไล้มืออย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าถ้าแตะแรงไปแล้วสองปทุมถันอวบอิ่มจะชอกช้ำ
“ไม่ต้องกลัวนะพระจันทร์ สำหรับคืนนี้ฉันสัญญาจะไม่ล่วงเกิน ขอเพียงแค่ชื่นใจนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง พระจันทร์คงไม่ห้ามฉันใช่ไหมคนดี”
“ค่ะ...คะ...คุณอิฐสัญญานะคะ” ศศิกานต์ถามเสียงสั่น ใบหน้าสวยเห่อร้อนจรดลำคอ ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้ม หัวใจเต้นแรงเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวงคู่สวยซึ่งสะท้อนขึ้นและลงตามแรงหายใจ กายบางสะท้านสั่นไหวจากสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบชิดอย่างไม่เคยมีใครทำมาก่อน มันวูบวาบหวั่นไหวและก่อกำเนิดความรู้สึกแปลกๆ ทั้งวาบหวิวและปั่นป่วนในช่องท้องแล้วขยายไปตามจุดต่างๆ ของเรือนกาย
“ฉันให้สัญญา” ติณภพรับคำ คืนนี้ขอเพียงแค่นอนกอดและมอบสัมผัส นุ่มนวลและอ่อนโยนให้ศศิกานต์ได้คุ้นเคย เมื่อเจอบทรักอันแสนเร่าร้อนและเรียกร้องในภายหลัง หญิงสาวจะได้ไม่ตื่นตระหนกและตกใจ
ชายหนุ่มแย้มยิ้มอย่างเอ็นดูในความสดใสของสาวน้อย นิ้วยาวไล้ไปตามใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จนอยากจะรู้ว่าถ้าเอาดินสอไปวางไว้มันจะหล่นลงมาหรือเปล่า ไหนจะจมูกโด่งรับกับริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับสีชมพูระเรื่อชวนให้อยากลิ้มลอง
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าไปซบซุกระหว่างสองเต้าสวยอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน แขนแกร่งโอบรอบกายบาง นวดคลึงผิวเนื้อเนียนนุ่ม หูแนบฟังเสียงหัวใจดวงน้อยที่เต้นแรงเร็วจนเกือบจะทะลุออกมาจากทรวง
“จริงซิ ที่พระจันทร์มาห้องนี้ดึกๆ ดื่นๆ มีใครรู้บ้างไหม”
หญิงสาวส่ายศีรษะเบาๆ ด้วยความลืมตัวไปว่าคนที่ถามไม่เห็น “ไม่ค่ะ” ดวงตากลมโตเป็นประกายหวานเชื่อม ปลายนิ้วเล็กลูบไล้พัวพันกับเส้นผมหนานุ่มเล่นอย่างเผลอไผล
ติณภพฟังคำบอกของน้องสาวตัวน้อยที่เติบใหญ่กลายเป็นสาวน้อยแสนสวยรอภมรใหญ่อย่างเขาปลิดลงจากต้นด้วยรอยยิ้มระคนยินดี ขณะปลายนิ้วนวดคลึงไปทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่ม พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอนและอ่อนหวาน
“คืนนี้พระจันทร์นอนกับฉันได้ไหม ตอนใกล้รุ่งฉันจะออกไปส่งที่ห้อง”
“ตะ...แต่คุณอิฐ...”
ชายหนุ่มผงกหน้าขึ้นเล็กน้อย เขายกนิ้วขึ้นปิดเรียวปากนุ่ม “ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรพระจันทร์ การที่เราสองคนนอนกอดกัน จูบกันบ้าง แตะเนื้อต้องตัวกันบ้างตามประสาคนรักกันก็ไม่เห็นจะน่าเกลียดนี่นา หรือพระจันทร์ไม่เชื่อใจในคำสัญญาของฉัน”
“ปะ...เปล่านะคะคุณอิฐ เชื่อค่ะ...พระจันทร์เชื่อในคำพูดของคุณอิฐเสมอ” เธอยกมือขึ้นโบกไปมาเบาๆ อีกทั้งศีรษะทุยได้รูปก็ร่วมผสมโรงด้วย จนปอยผมหลายพวงร่วงหลุดจากปมที่มัดและสอดทับไว้ด้วยดินสอแท่งยาวอีกที
“พระจันทร์กลัวว่าตัวเองจะตื่นออกจากห้องคุณอิฐไม่ทัน อีกอย่างยายกับคุณหญิงก็ชอบตื่นตอนเช้าไปใส่บาตรพระกัน ถ้าเกิดมาเห็นตอนพระจันทร์ออกจากห้องคุณอิฐ กลัวทั้งสองคนจะรับไม่ได้น่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก พระจันทร์อย่าลืมนะ คนที่ตื่นเช้าที่สุดในบ้านเป็นฉัน เพราะมีงานต้องไปทำตั้งแต่เช้า แล้วอย่างนี้มีหรือที่ฉันจะปลุกเด็กขี้เซาคนนี้จากเตียงไม่ไหวน่ะ”
เขาบีบจมูกโด่งคมอย่างรู้ตัวดี ยังไงซะคืนนี้แม่พระจันทร์ตัวน้อยไม่ได้นอนหรอก ถึงแม้จะรับปากว่าไม่ทำอะไรเกินเลยไป แต่ของบางอย่างก็มีวิธีการของมันนี่นา ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายแฝงความเจ้าเล่ห์อย่างที่ปิดไม่มิด
“เด็กขี้เซาคนนี้ปลุกยากนะคะ แล้วก็ชอบตื่นสายด้วย” ศศิกานต์รีบบอกด้วยไม่ต้องการพาตัวเองจมลึกไปกับชายหนุ่มมากกว่านี้ แค่นี้เธอก็ทำตัวน่าอายพออยู่แล้ว แม้ว่าใจส่วนหนึ่งจะแอบยินดีก็ตามทีเถอะ
“เชื่อเถอะว่าพระจันทร์นะตื่นง่ายแน่นอน ถ้าได้รับจุมพิตจากเจ้าชายอย่างฉันน่ะ”
“เจ้าชายเจ้าเล่ห์ใช่ไหมคะ” ศศิกานต์ถามอย่างรู้ทัน เธอแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายอย่างคนมีความสุข แขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง โน้มศีรษะลงไปช้าๆ จนหน้าผากแตะกับหน้าผากกว้าง จมูกโด่งชนกับจมูกโด่งของอีกฝ่าย ก่อนที่เรียวปากอวบอิ่มแดงระเรื่อประทับบนริมฝีปากหนาอุ่นร้อน ด้วยความติดใจในรสจุมพิตหวานและหอมที่ได้รับ
ชายหนุ่มเคลื่อนมือไปตามแผ่นหลังเนียนนุ่ม กดตรึงท้ายทอยให้รับจุมพิตหวานหอมและเรียกร้องอย่างถนัดถนี่ จากคนที่ถูกจูบกลายเป็นคนรุกเร้า ปลายลิ้นสากระคายและร้อนผ่าวแต่งแต้มล่วงล้ำเข้าไปซุกไซ้ซอกซอนเสาะหาความหวานจากเรียวปากนุ่มอย่างพอใจ
ชายหนุ่มขยับลุกจากเก้าอี้ พร้อมดันร่างโปร่งบางเอนตัวไปตามความยาวของโต๊ะทำงาน แต่สิ่งของหลายชิ้นที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นตัวขัดขวางไม่ให้ทำได้อย่างใจปรารถนา
“พระจันทร์จ๋า ไปในห้องฉันนะคนดี” เขาแนบจุมพิตบนริมฝีปากอิ่มนุ่มไล้เรื่อยไปบนใบหน้ารูปไข่ มือใหญ่ฟอนเฟ้นปทุมถันอวบอิ่มเต่งตึงหนักเบาสลับกันไป
“ค่ะ” ศศิกานต์ตอบรับอย่างเขินอาย แต่ก็พร้อมที่จะเดินไปในเส้นทางสายปรารถนาตามที่ติณภพจะเป็นคนนำไป
ชายหนุ่มช้อนร่างโปร่งบางจากโต๊ะทำงานและมุ่งตรงไปยังประตูเชื่อมมุ่งสู่ห้องนอนใหญ่อย่างรวดเร็ว
ติณภพวางร่างบอบบางลงบนเตียง พร้อมแนบร่างหนาใหญ่ตามติดลงไป โดยไม่คลายจุมพิตบนเรียวปากนุ่มอิ่มเต็ม
ถึงปากจะบอกว่าไม่รังแกและล่วงเกินศศิกานต์ แต่การชื่นชมเพียงนิดๆ หน่อยๆ ของเขานั้นไม่ได้กะเกณฑ์ว่าจะยาวไปถึงขนาดไหน
ผิวกายสาวน้อยเนียนนุ่มมือและหอมกรุ่น จนชายหนุ่มต้องแนบจุมพิตไปทั่วใบหน้าขาวเนียน ขบเม้มเรื่อยลงไปตามลำคอระหง หยุดมองปทุมถันอวบอิ่ม ผิวตรงส่วนนี้ของหญิงสาวเหมือนกับหยวกกล้วยตัดกับปลายยอดทับทิมสีชมพูเข้มจัด ยั่วยุอารมณ์หื่นกระหายในกายหนุ่มให้พลุ่งพล่านจนแทบจะระงับเอาไว้ไม่ได้
“สวย...สวยมากเลยพระจันทร์...” ติณภพเอ่ยขึ้นเหมือนกับถูกมนตร์สะกดใจให้ลุ่มหลงอย่างถอนตัวถอนใจไม่ขึ้น สองมือตระกองกอดเต้าอวบอิ่ม ปลายยอดสีแดงสดไหวระริกยั่วยวนและเรียกร้องให้ต้องรีบก้มหน้าลงไปโดยเร็วไว ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับบนปลายยอดถันแผ่วเบาและนุ่มนวล กลิ่นเนื้อสาวหอมจรุงใจลอยเข้าจมูกโด่งคมจนต้องสูดดมแรงๆ อยู่หลายครั้ง