ตอนที่ 3
หรือว่ายินดีต้อนรับหญิงสาวเข้ามาร่วมครอบครัว แต่ศศิกานต์ยังเรียนไม่จบ ถึงแม้ว่าแม่จะยินดียอมรับหญิงสาวเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัว ท่านก็ต้องหาทางกีดกัน เพราะไม่อยากให้หญิงสาวมีจุดหักเหและร่องรอยไม่ดีในชีวิต ซึ่งสำหรับเขาแล้ว เรื่องแบบนี้เมื่อถึงเวลามันก็รอกันไม่ได้ ขืนรอไปเดี๋ยวมีคนมาชิงตัดหน้าไปก่อนก็ได้แต่มานั่งเสียใจน่ะซิ
“เหลืออีกปีเดียวแล้วค่ะ เทอมหน้าพระจันทร์ก็จะไปฝึกงานที่บริษัทของคุณอิฐไงคะ คุณอิฐจำไม่ได้แน่เลย”
หญิงสาวพูดอย่างน้อยใจนิดๆ ที่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของชายหนุ่ม วงหน้าขาวสวยหมองลง ดวงตาที่เคยเปล่งประกายระยิบระยับกลับอับแสงด้วยความน้อยใจในโชคชะตา แต่ก็นั่นแหละ จะให้ใครมารักล่ะ ในเมื่อคนเป็นพ่อเป็นแม่ยังทิ้งได้ลงคอ ดีว่ามียายคอยให้ความรักและเลี้ยงดูไม่ทอดทิ้ง
“อ้าว!!...เหรอ ขอโทษนะพระจันทร์ ฉันคงจะลืมไปจริงๆ นั่นแหละ คงเป็นเพราะช่วงนี้งานยุ่งเหลือเกินจนแทบไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนเลย พระจันทร์อย่าน้อยใจนะ เดี๋ยวฉันจะรีบดูให้” ติณภพเอ่ยบอกเสียงนุ่มและยินดี ศีรษะทุยแนบไปกับเนินเนื้ออวบอิ่มเต่งตึงและหอมกรุ่น จนแทบไม่อยากจะห่างจากเรือนกายโปร่งบางและนุ่มนิ่ม จมูกโด่งคมสูดกลิ่นเนื้อนางเข้าปอด
ศศิกานต์เรียนการบริหาร งานที่จะไปฝึกเลยลงได้หลายแผนก แต่เรื่องอะไรเขาจะให้แม่น้องน้อยแสนหวานไปล่อตายั่วใจหนุ่มๆ ในออฟฟิศเล่า สู้เอาหญิงสาวมาเก็บไว้เคียงข้างกายดีกว่า
อืม...ถ้าในห้องเขาจะเพิ่มเลขาเป็นสาวน้อยน่ารักไปสักคนมันก็ไม่แปลกนี่เนอะ เวลาเครียดๆ ก็ให้หญิงสาวนวดให้ ถ้าหากว่ามีเวลาว่างมากสักหน่อยก็ค่อยชวนหญิงสาวไปห้องพักด้านหลังแล้วทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ หรือไม่ก็ถ้าเคลียร์งานได้ก็ค่อยชวนศศิกานต์ไปท่องเที่ยวตามประสาคนสนิทสนมคุ้นเคยกัน ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มจนดวงตาเป็นประกาย
“พระจันทร์ไม่ได้น้อยใจนะคะ พระจันทร์รู้ว่าคุณอิฐงานยุ่ง” ศศิกานต์รีบเอ่ยอย่างเข้าใจ เพราะคอยเฝ้าแอบมองชายหนุ่มมาตั้งแต่แรกสาว นี่คงจะเป็นเหตุผลหนึ่งด้วยมั้งที่ไม่เคยคิดจะมองผู้ชายคนไหนมาแนบเคียงข้างกายและใจ มือเล็กดันใบหน้าคมคร้ามออกห่างจากสองทรวง
ปลายนิ้วยาวนวดเบาๆ ระหว่างสองคิ้วคมเข้มอย่างต้องการให้ชายหนุ่มรู้สึกสบายตัวที่สุด ยายบอกไว้ว่าถ้าคุณอิฐต้องการอะไร ถ้าเราทำให้ได้โดยที่ไม่ต้องฝืนความรู้สึกและไม่เป็นการกดดันความรู้สึกของตัวเองก็ทำไปเถอะ ที่ทุกคนมีกินอยู่สบายอย่างในทุกวันนี้ เพราะชายหนุ่มนี่แหละที่ทุ่มเททำงานจนไม่มีเวลาหาคู่เคียงกาย
“ฉันดีใจที่พระจันทร์เข้าใจ” ติณภพดีใจอยู่ลึกๆ ศศิกานต์เป็นคนพูดง่ายและน่ารัก มือใหญ่ลูบไล้ลำแขนเรียวยาวอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล ถ้าชีวิตเขานับจากนี้จะมีหญิงสาวมาเคียงข้างกาย พูดจาเพราะๆ หวานหู ค่อยทำโน่นทำนี่ให้ก็คงจะมีความสุขมาก
ชายหนุ่มจับมือเล็กเรียวมาประทับจุมพิตเบาๆ “ชีวิตฉันล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ อายุก็ปาไปตั้งสามสิบสี่สามสิบห้าปีแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีผู้หญิงเคียงข้างกาย แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงไม่อยากหยุดชีวิตไว้ที่ผู้หญิงคนไหนเลย แล้วพอมาถึงตอนนี้ พระจันทร์คงจะไม่ว่านะ...”
ปลายมือใหญ่จับคางมนให้แหงนมอง ดวงตาคมสบกับดวงตากลมโตอย่างอยากให้เห็นความจริงใจที่ส่องประกายฉายชัดอยู่
“เพราะฉันคิดว่าฉันได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นแล้วละ...ผู้หญิงที่ฉันจะหยุดทุกอย่างไว้ อยู่ด้วยกัน เข้านอนพร้อมกันแล้วก็ตื่นตอนเช้าพร้อมๆ กัน”
ศศิกานต์ฟังด้วยหัวใจแห้งเหี่ยว ใบหน้าสวยเศร้าสร้อยและซีดเผือด อีกทั้งดวงตากลมโตก็เหมือนกับมีหยดน้ำคลออยู่ ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มเพราะต้องการสะกดกลั้นความรู้สึกปวดร้าว เสียใจ น้อยใจที่เอ่อล้นขึ้นมา ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ แค่ได้ยินคำพูดจากปากคนที่พึงพอใจอยู่ ทำให้เธอเจ็บแปลบไปทั้งหัวใจและเรือนกาย ลมหายใจเหมือนกับจะหยุดเต้นไปเลย
ชายหนุ่มจับปลายคางมนขึ้นมองสบตา ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ไปตามเรียวปากนุ่ม “พระจันทร์อย่าน้อยใจซิ ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ ตีหน้าเศร้าไปแล้ว นี่ถ้าเกิดว่ามีใครมาบอกว่าเป็นเจ้าของฉัน พระจันทร์จะทำอย่างไรหืม...คนดี” ติณภพอยากที่จะหยอกล้อหญิงสาวต่อ แต่พอเห็นประกายเศร้าในดวงตาแล้วก็รีบบอกให้หญิงสาวดีใจ
มือใหญ่ลูบไล้ลำแขนเล็กเรียวอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน “ไม่เอานะพระจันทร์ ไม่ต้องเศร้าไปหรอกคนดี เพราะว่าผู้หญิงที่ฉันพูดถึงก็คือ...พระจันทร์ไงคนดี”
ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงนุ่มทุ้มและอ่อนโยน ใบหน้าคมคร้ามก้มลงประทับไปบนริมฝีปากอวบอิ่มอ้าค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างในสิ่งที่ได้ยินจนไม่ทันได้ระวัง เรียวลิ้นสากร้อนลากไล้ล่วงล้ำเข้าไปหาความหวานจากโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดาย
มือใหญ่ที่ลูบไล้ทิ้งความร้อนผ่าวไปทุกหนแห่งที่เดินทางไป สัมผัสที่อ่อนโยนทำให้ศศิกานต์กล้าที่จะยกมือขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่ง ซุกไซ้ซอกซอนไปตามท้ายทอยและเส้นผมหนานุ่ม ริมฝีปากอวบอิ่มเผยออกให้ลิ้นใหญ่ซอกซอนเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กๆ และมอบจุมพิตหวานๆ อย่างชื่นฉ่ำใจ กายโปร่งบางเอนตัวเข้าหาร่างหนาใหญ่อย่างขอความอบอุ่น
ชายหนุ่มลากไล้มือหนาบีบนวดไปตามเรือนกายบอบบาง พลางเกี่ยวเอาขอบเสื้อนอนให้ตกหล่นจากบ่านุ่ม ริมฝีปากอุ่นร้อนประทับไปตามพวงแก้มอิ่มเต็มและหอมกรุ่น ดวงตากลมโตเคลื่อนลงไปบนลำคอระหง คลอเคลียแนบปทุมถันอวบอิ่มที่ยังซ่อนอยู่ในกรวยสีหวาน ที่ความเก่าปกปิดความสวยงามของสองเต้าสวยไว้ไม่ได้
“รูปร่างพระจันทร์สวยมากเลยรู้ไหม สวย...นุ่มนิ่มแล้วก็หวานหอมจนฉันแทบไม่อยากห่างเลยคนดี” ปลายนิ้วยาวลากไล้ตามริมขอบบราตัวเล็กที่โอบอุ้มก้อนเนื้อเต่งตึง ลากไล้วนเวียนแผ่วเบา สลับกดคลึงและหยอกล้อปลายยอดทรวงแข็งๆ ที่เริ่มชูชันเพราะถูกปลุกเร้าอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
“ยะ...หยุดเถอะค่ะคุณอิฐ พระจันทร์...” ถึงแม้จะชอบกับความอบอุ่นและอ่อนโยนที่ได้รับ แต่ศศิกานต์ก็รู้ดีว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันไม่ถูกไม่ควร เธอจับมือใหญ่ที่ยังไม่หยุดลูบไล้เรือนกายให้หยุดนิ่ง ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเป็นประกายหวานมองอย่างอ้อนวอน
“ทำไมล่ะ พระจันทร์ไม่ชอบให้ฉันทำแบบนี้หรือคนดี” ติณภพถามน้ำเสียงเว้าวอน อีกทั้งดวงตาคมดุก็มองตอบอย่างน้อยใจ ใบหน้าคมคร้ามมีสีหน้าเศร้าหมองลง เมื่อคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกรังเกียจจากศศิกานต์
“มะ...ไม่ใช่นะคะ แต่...มันไม่ถูกต้อง”
เมื่อได้ยินคำพูดจากปากสาวเจ้า ติณภพก็ยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ
“ฉันรู้ว่าพระจันทร์กำลังคิดอะไร ไม่ต้องกลัวนะคนดี ฉันยังไม่ทำอะไรพระจันทร์ในตอนนี้ ขอเพียงแค่ชื่นใจนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง”
‘แต่ถ้าแม่ไม่อยู่ ก็ไม่แน่เหมือนกันนะพระจันทร์ ฉันไม่รู้ว่าจะอดใจกลืนกินพระจันทร์ดวงสวยดวงนี้ได้หรือเปล่า’
“พระจันทร์กลัวนี่คะ”
“กลัวอะไรล่ะ กลัวฉันจะไม่จริงใจด้วยใช่ไหม เอาอย่างนี้ไหม...ถึงพระจันทร์ยังเรียนอยู่ก็จริง แต่อายุก็น่าจะเกินยี่สิบแล้ว จดทะเบียนสมรสได้แล้วใช่ไหม เราไปจดทะเบียนกันก่อน เพื่อเป็นการยืนยันว่าฉันจริงใจกับพระจันทร์ ดีไหม” ติณภพให้ทางเลือกแก่ศศิกานต์ แต่ใจตัวเองอยากให้เธอตอบตกลง เพราะจะได้มัดหญิงสาวให้อยู่กับเขาตลอดไป