ตอนที่ 7

1769 Words
7 วันนี้เป็นวันหยุด ฉันกับสเตล่าเลยชวนกันออกมาซื้อของใช้ภายในบ้าน และซื้อเสื้อผ้าที่เข้ากับผู้คนของประเทศนี้ เพราะนอกจากชุดนักเรียนแล้ว ฉันไม่มีชุดอะไรเลยที่เหมือนคนปกติทั่วไป มีแต่ชุดที่ประดับไปด้วยเพชร นิล จินดาระยิบระยับราวกับเรืองแสงได้ เฮ้อ... “ป่านนี้ที่วังคงจะปั่นป่วนกันน่าดูเลยนะเพคะ นี่ถ้าองค์ราชินีทรงตามตัวเจอ หม่อมฉันคงถูกประหารชีวิตโทษฐานที่สนับสนุนให้เจ้าหญิงเสด็จหนีมาเป็นแน่” สเตล่าพูดขึ้นอย่างกังวล ไม่ใช่ว่าฉันไม่กังวลหรือไม่เป็นห่วงเสด็จแม่กับมิเทลหรอกนะ แต่ฉันไม่อยากหมั้นกับผู้ชายที่ไม่รู้จักจริงๆ ที่สำคัญคือ...ฉันไม่ได้รักเขา “ไม่หรอก ถ้าเสด็จแม่ตามเราเจอจริงๆ เราจะไม่ให้ใครทำร้ายหรือลงโทษสเตล่าได้เป็นเด็ดขาด” “โถ...แม่พระของสเตล่า เจ้าหญิงของหม่อมฉันทรงมีน้ำพระทัยงดงามเหลือเกินนะเพคะ” ฉันยิ้มรับคำชม สเตล่าทำท่าจะพูดอะไรต่อแต่โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน “หม่อมฉันขอตัวสักครู่นะเพคะ” ฉันพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต สเตล่าจึงเดินแยกไปคุยอีกทาง แต่ไม่ไกลนัก สีหน้าดูตื่นตระหนกและกระวนกระวาย ก่อนจะวางสายแล้วรีบเดินกลับมาทางฉัน “แย่แล้วเพคะเจ้าหญิง!” สเตล่าบอกหน้าตาตื่น เกิดอะไรขึ้นนะ! “อะไรเหรอ หรือว่าเสด็จแม่ทรงรู้แล้วว่าเราอยู่ที่นี่?” “ไม่ใช่เพคะ แต่อันลีน หลานสาวของหม่อมฉันโทรมาบอกว่าที่ประเทศตอนนี้เกิดกบฏขึ้น และพวกมันก็สืบหาจนรู้แล้วว่าเจ้าหญิงทรงประทับอยู่ที่นี่” สเตล่าอธิบายอย่างร้อนรน กบฏเหรอ? กบฏอะไรกัน? “เอ๋? หมายความว่าไง กบฏอะไรเหรอ?” “หม่อมฉันก็ยังไม่ค่อยทราบเรื่องเท่าใดนักเพคะ เพราะอันลีนแอบมาโทรบอกข่าวเท่านั้น เธอบอกว่าทางที่ดีเจ้าหญิงควรรีบกลับประเทศให้เร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย หรือไม่ก็ต้องทรงระวังพระองค์ให้มากขึ้น เพราะไม่แน่ว่าพวกกบฏอาจจะตามเรามาถึงประเทศไทยแล้วเพคะ” ฉันยกมือขึ้นทาบอกอย่างตกใจ ประเทศที่รักสงบอย่างนอร์ก้าของเรามีกบฏด้วยอย่างนั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง เสด็จแม่เองก็ทรงเป็นราชินีที่มีความยุติธรรม ไม่เคยเอาเปรียบประชาชนในประเทศเลยแม้แต่น้อย แล้วมันเป็นไปได้หรือที่จะมีกบฏเกิดขึ้น... “แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะสเตล่า ขอให้พวกทหารที่วังมาคอยอารักขาก็ไม่ได้” “เอ่อ...ขอเวลาหม่อมฉันกลับไปคิดก่อนนะเพคะ เอาเป็นว่าตอนนี้เราสองคนกลับโรงแรมกันก่อนดีกว่าเพคะ” ฉันพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย สเตล่ารีบพาเราสองคนไปขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าเพื่อกลับโรงแรมทันที ชีวิตของการเป็นเจ้าหญิงจะหาความสงบสุขไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ... เมื่อมาถึงโรงแรม สเตล่าก็ให้ฉันกลับขึ้นห้องไปก่อนและล็อกประตูให้แน่นหนา และกำชับว่าถ้าไม่ใช่สเตล่ามาเคาะก็ห้ามเปิดเด็ดขาด ส่วนสเตล่าจะไปส่งเมลคุยกับอันลีนเรื่องกบฏ ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินแยกไปอีกทางเพื่อขึ้นลิฟต์ไปชั้นเจ็ดซึ่งเป็นชั้นที่ฉันพักอยู่ หมับ! “อ๊ะ!” ฉันร้องเสียงหลงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกใครบางคนจับข้อมือเอาไว้ “คนนอร์ก้าเหรอ?” ฉันถามอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่มาจับมือฉันไว้มีลักษณะและการแต่งตัวเป็นคนของนอร์ก้าไม่ผิดแน่ “หึ...เจ้าหญิงเมทาริเซีย ดาริบเฟียล ดารุชที่ 8 อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยสินะ” ชายฉกรรจ์ที่จับข้อมือฉันไว้พูดขึ้นเป็นภาษานอร์ก้า ชายคนนี้เป็นใครกัน! “เจ้า...เจ้าเป็นใคร จับตัวเราไว้ทำไม” ฉันถามอย่างตกใจ ในใจภาวนาขอให้ไม่ใช่พวกกบฏที่สเตล่าพูดถึง ไม่อย่างนั้นจะต้องแย่แน่ๆ ตรงมุมนี้มีกระถางต้นไม้ต้นใหญ่บังอยู่ทำให้ไม่มีใครเห็น แถมตอนนี้สเตล่าก็ไม่อยู่ซะด้วย “กระหม่อมจะเป็นใครไม่สำคัญหรอกเจ้าหญิง แต่ที่กระหม่อมมาในวันนี้ ก็แค่อยากจะพาตัวเจ้าหญิงไปพบกับใครคนหนึ่งเท่านั้น” ชายฉกรรจ์พูดและพยายามดึงตัวฉันให้เดินตามไป แต่ฉันยื้อเอาไว้สุดแรง ใครจะยอมไปด้วยง่ายๆ กันล่ะ! “พบใคร เราไม่พบใครทั้งนั้น เจ้าปล่อยเรานะ!” ฉันพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมที่หนาแน่นของชายฉกรรจ์หน้าตาน่ากลัวคนนี้ แต่เหมือนจะเสียแรงเปล่า... “อย่าให้กระหม่อมต้องลงมือทำร้ายเจ้าหญิงเลยพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดเถิด...” “ไม่! ปล่อยเรานะ” ฉันเริ่มออกแรงดิ้น แต่ยิ่งดิ้น แรงบีบที่ข้อมือก็ยิ่งรุนแรงขึ้นจนเหมือนข้อมือจะแตก ยังไงแรงผู้หญิงก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้อยู่ดีใช่มั้ย... “นี่แน่ะ!” ฉันตัดสินใจเหยียบเท้าของชายฉกรรจ์อย่างแรงจนเขาเผลอปล่อยมือออก ก่อนจะรีบอาศัยจังหวะนี้วิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นเพื่อไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ อย่างน้อยถ้ามีคนอยู่ ชายคนนี้ก็คงไม่กล้าทำอะไรมากนัก ขอให้ฉันคิดถูกด้วยเถอะ... ปึก! “โอ๊ย!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทก เวลาแบบนี้ยังจะซุ่มซ่ามชนคนอื่นอีกเหรอมู่หลาน T_T! “หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าหญิง วิ่งหนีไปก็ไม่รอดหรอก อย่าให้กระหม่อมต้องใช้...โธ่เว้ย! มีคนเหรอเนี่ย วันหลังเจ้าหญิงไม่รอดแน่!” ชายฉกรรจ์คนเดิมประกาศกร้าวเสียงดังเป็นภาษานอร์ก้า ก่อนจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้น ฉันก้มหน้าลงร้องไห้อย่างหวาดกลัว กบฏ...กบฏจริงๆ ด้วยสินะ พวกมันตามหาฉันจนเจอแล้ว ทำยังไงดีล่ะ! ฉันควรทำยังไงดี “ทำไมฉันต้องเจอเธอในสภาพร้องไห้หรือไม่ก็โดนเธอวิ่งเข้ามาชนทุกที =_=” “รุ่นพี่!” ฉันโผเข้ากอดเจ้าชายทันทีที่เงยหน้ามาแล้วพบว่าคนที่ฉันวิ่งชนก็คือเจ้าชายและเพื่อนๆ ของเขา โชคดีจริงๆ โชคดีที่เจอพวกเขา “ตกลงไอ้บ้าที่พูดภาษาแปลกๆ เมื่อกี้มันคือใครน่ะ -*-“ พี่บีโอถามด้วยสีหน้างุนงง ฉันที่รู้สึกตัวว่ากำลังกอดเจ้าชายอยู่จึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดแล้วถอยหลังห่างออกมา ไปโผเข้ากอดเจ้าชายแบบนั้นได้ยังไงกันนะมู่หลาน เสียมาตรฐานเจ้าหญิงที่ดีงามหมดเลย แย่จริง... “คือ...” “เดี๋ยวฉันจัดการเอง แกสี่คนไปรอที่รถก่อนละกัน” เจ้าชายพูดแทรกขึ้น ก่อนจะลากฉันไปอีกทาง ทิ้งให้รุ่นพี่อีกสี่คนมองตามด้วยความงุนงง พลั่ก! “โอ๊ย!” ฉันร้องเสียงหลง เมื่อพ้นสายตาของรุ่นพี่ทั้งสี่คนมาแล้วเจ้าชายก็เหวี่ยงฉันกระแทกกับกำแพงจนเจ็บแขนไปหมด ทำไมต้องทำรุนแรงด้วยนะ T_T “เธอเป็นใคร เธอเป็นใครกันแน่บอกฉันมานะ!” เจ้าชายตวาดเสียงดังลั่น ฉันส่ายหน้าและพยายามถอยหนีออกมา แต่เจ้าชายก็ตามมาบีบแขนฉันเอาไว้ ทำไมต้องมีแต่คนทำร้ายร่างกายฉัน ทำไม... “บอกฉันมา เธอเป็นใครกันแน่มู่หลาน!” ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่เคยเห็นเจ้าชายน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย สีหน้าของเจ้าชาย...เหมือนปีศาจไม่มีผิด เกรี้ยวกราดและไม่น่าเข้าใกล้ แต่ฉันก็กลับไม่เคยจะถอยหนีออกมา หรือความจริงแล้วฉันจะเป็นเจ้าหญิงซาดิสม์ (._.) “บอกความจริงฉันมา ไม่งั้นเธอตายคามือแน่!” “ฉันไม่ได้เป็นใครทั้งนั้นค่ะ!” ฉันตะโกนกลับไปอย่างหมดความอดทนในที่สุด เป็นครั้งแรกที่ฉันตะโกนใส่หน้าคนอื่นแบบนี้ ถ้าเสด็จแม่รู้ว่าฉันหมดความอดทนเพราะเรื่องแค่นี้ เสด็จแม่ต้องทรงผิดหวังมากแน่ๆ ที่องค์รัชทายาทอันดับหนึ่งไร้ซึ่งความอดทน... “ฉันก็แค่คนต่างแดนที่มาเรียนต่อที่ประเทศไทยก็เท่านั้น ทำไมรุ่นพี่ต้องคาดคั้นอะไรจากฉันด้วยล่ะคะ!” ฉันเงยหน้ามองเจ้าชายทั้งน้ำตา ทำไมไม่เข้าใจกันบ้าง ถ้าหากฉันบอกความจริงว่าฉันเป็นใคร กบฏพวกนั้นอาจจะจ้องเล่นงานเจ้าชายด้วยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น...ฉันจะบอกความจริงกับเจ้าชายไม่ได้เด็ดขาด ให้ตายก็จะไม่บอกเด็ดขาดเลย! “ถ้าเธอเป็นแค่คนธรรมดา แล้วทำไมไอ้ผู้ชายคนเมื่อกี้ถึงต้องตามล่าเธอ หา!” เจ้าชายตวาดต่อ ฉันกลัวจนหัวจะหดเข้าไปอยู่ในลำคอหมดแล้วนะ คนไทยชอบตวาดแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่า TOT “ฉันไม่รู้ค่ะ! เขาอาจจะจำผิดคนก็ได้ ฉันไม่รู้จักเขา ไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น ไม่รู้อะไรทั้งนั้น! เข้าใจมั้ยคะ!” แฮ่ก...แฮ่ก... การตะโกนเสียงดังนี่มันเหนื่อยจริงๆ หายใจไม่ทันด้วย “เธอโกหก! ไอ้บ้านั่นไม่ใช่คนไทย ภาษานั่นไม่ใช่ภาษาไทย แล้วก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ หรือภาษาของคนเอเชียด้วย! ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไม่รู้จักมัน!” ฉันสะอึกเพราะไม่รู้จะเถียงอะไรต่อ ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเถียงใครเลยสักครั้ง แล้วแบบนี้ฉันจะเอาอะไรไปเถียงล่ะ “ฉันบอกได้แค่ว่าฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น ถ้ารุ่นพี่ไม่เชื่อที่ฉันพูด ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกันค่ะ! เพราะฉันไม่รู้จริงๆ” ฉันเน้นย้ำและสบตากับเจ้าชายตรงๆ เพื่อเป็นการยืนยันคำพูด เจ้าชายมองฉันนิ่งอยู่พักใหญ่ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากแขนฉัน “ก็ได้ งั้นเธอจำเอาไว้เลยนะ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ฉันจะจับตาดูเธอทุกฝีก้าว และจะต้องทำให้เธอยอมบอกให้ได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน!” สิ้นคำเจ้าชายก็หันหลังเดินกลับไป ฉันค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ทำยังไงดี เจ้าชายต้องเกลียดฉันแล้วแน่ๆ ฉันทำให้เจ้าชายโกรธอีกแล้ว แย่จริงๆ แย่ที่สุดเลย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD