ตอนที่ 8

1961 Words
8 เมื่อคืนสเตล่าไม่ได้กลับมาที่ห้อง โทรเข้ามือถือก็ไม่ติด ฉันได้แต่เดินวนไปเวียนมาในห้องเพราะไม่กล้าออกไปไหน และฉันก็เชื่อว่าพวกกบฏจะต้องเฝ้ารออยู่ในโรงแรมแห่งนี้เต็มไปหมดแน่ๆ “เกิดอะไรกับเธอหรือเปล่านะ สเตล่า...” ในมือถือฉันก็ไม่มีเบอร์ของใครเลยนอกจากเบอร์สเตล่า ฉันจะทำยังไงดี... ‘ข่าวด่วนค่ะ ตอนนี้เกิดเหตุการณ์วางระเบิดขึ้นที่โรงแรมพลาซ่า ทูวิวการ์เด้น จากรายงานข่าวตอนี้ ทราบว่ามีผู้ติดอยู่ที่ห้องจัดงานเลี้ยงชั้นบนสุดของโรงแรมทั้งสิ้นหกคนด้วยกันค่ะ จากรายงานทราบว่าเป็นลูกชายของเจ้าของโรงแรมหนึ่งคนและเพื่อนๆ ของเขาอีกห้าคนค่ะ อ๊ะ! นั่นไงคะ พวกเขาอยู่นั่น!’ ฉันละสายตาจากมือถือไปมองโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ ในจอมีภาพผู้ชายห้าคนและผู้หญิงหนึ่งคนกำลังไต่เชือกลงมาตามกำแพงของตึก นั่นพวกเขาทำอะไรกันน่ะ? ซ้อมปีนเขาเหรอ? ‘ตอนนี้ทราบชื่อของผู้ที่กำลังไต่เชือกลงมาทั้งหมดแล้วค่ะ คนแรกคือคุณชายบีวาย ลูกชายเจ้าของโรงแรม คุณชายบีโอ คุณชายบีไอ คุณชายบีเอ็ม และคุณชายบีเอค่ะ ส่วนผู้หญิงที่ไต่เชือกลงมาด้วยนั้น ไม่มีใครทราบจริงๆ ว่าเธอเป็นใคร มาจากที่ไหนค่ะ’ อะ...อะไรนะ! คะ...คุณชายบีวาย บีโอ บีไอ บีเอ็ม และบีเอ... คงไม่ใช่เจ้าชายกับพวกรุ่นพี่หรอกนะ! ฉันเพ่งมองผู้ชายทั้งห้าคนที่กำลังไต่เชือกลงมาให้ดีอีกครั้ง ก่อนที่มือถือในมือจะร่วงลงบนพื้น ไม่ผิดแน่... ผู้ชายที่ไต่เชือกลงมาก่อนคนสุดท้ายคือเจ้าชายไม่ผิดแน่! “เกิดอะไรขึ้นนะ” ฉันรีบหยิบกระดาษปากกามาจดชื่อโรงแรมที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป ต่อให้พวกกบฏซุ่มดูอยู่จริงๆ ฉันก็ไม่สน ฉันจะต้องไปหาเจ้าชายให้ได้ ต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าเจ้าชายของฉันไม่เป็นอะไร “ไปโรงแรมนี้ได้มั้ยคะ?” ฉันส่งชื่อโรงแรมให้คนขับรถแท็กซี่ เขามองมันสักพักก่อนจะพยักหน้ารับแล้วปลดล็อกประตูให้ฉันขึ้นไปนั่ง และออกรถทันที “ร้องไห้ทำไมเหรอหนู” ลุงคนขับแท็กซี่มองฉันผ่านกระจกมองหลังพลางเอ่ยถาม “ฮึก...คะ...คุณลุงถามหนูเหรอคะ?” ฉันถามกลับทั้งน้ำตา “ก็ใช่น่ะสิ อยู่กันสองคน ถ้าลุงไม่ถามหนูแล้วลุงจะถามใครล่ะ” “แล้ว...คุณลุงไม่เกลียดหนูเหรอคะ ฮึก...” “หา? ลุงจะเกลียดหนูทำไมล่ะ” คนขับถามกลับด้วยใบหน้างุนงง ฉันคลี่ยิ้มบางๆ ทั้งน้ำตา “ดีใจจัง ตั้งแต่หนูมาอยู่เมืองไทยไม่มีใครชอบหนูสักคน พวกเขาเกลียดหนูกันหมด ไม่มีใครคุยกับหนูเลยค่ะ ฮึก...” “อ้าว หนูไม่ใช่คนไทยเหรอ?” “ไม่ใช่ค่ะ หนูมาจากที่อื่น ขอบคุณมากนะคะที่คุณลุงยอมพูดกับหนู” ฉันก้มหัวให้คนขับเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ ในที่สุดก็มีคนอื่นนอกจากเจ้าชายและเพื่อนๆ ของเขาที่ยอมคุยกับฉัน ทุกคนที่นี่ไม่ได้เกลียดฉันกันหมด ดีใจจัง... “เอาน่า อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวก็มีคนคุยกับหนูเองแหละ เพิ่งย้ายมาคงต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก” แล้วคุณลุงคนขับก็ชวนฉันคุยนู่นคุยนี่ไปเรื่อยในระหว่างที่รถติด พอมาถึงโรงแรมที่หมาย คุณลุงคนขับกลับไม่รับเงินค่ารถจากฉัน และบอกว่าถือเป็นของขวัญต้อนรับที่ฉันเลือกมาเรียนต่อที่เมืองไทย ก่อนจะขับรถออกจากโรงแรมไป คนไทยใจดีก็ยังมีอยู่เหมือนกันสินะ... ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหนก่อน มองไปจุดไหนก็มีคนยืนอยู่เต็มไปหมด แล้วแบบนี้จะหาพวกเจ้าชายเจอมั้ยนะ...ทำยังไงดี ฉันยังไม่ชินกับที่ที่คนเยอะๆ เลย เป็นแบบนี้ต้องแย่แน่ๆ ปึก! “โอ๊ย!” ใครบางคนชนฉันจนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะเดินต่อโดยไม่หันมาสนใจฉันอีก อะไรกัน...ชนฉันล้มแท้ๆ ทำไมไม่มาช่วยกันเลย ปึก! “โอ๊ย!” “อ๊าย! มานั่งบ้าอะไรตรงนี้ยะ เกะกะจริง หลบไป!” ผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวดูดีคนหนึ่งเดินมาชนฉันที่นั่งกองอยู่กับพื้น ก่อนจะก้มลงมาต่อว่าเป็นชุด แล้วใช้ขาเขี่ยฉันออกให้พ้นทาง เจอคนใจร้ายอีกแล้ว... ปึก! “ยัยบ้า! มานั่งขวางทางอยู่ได้ หลบโว้ย!” ปึก! กร๊อบ... “โอ๊ย!” ฉันยื่นมือไปจับข้อเท้าของตัวเองด้วยความเจ็บปวด พอกำลังจะลุกขึ้นยืนทีไรก็มีคนเดินมากระแทกชนฉันล้มทุกที หนำซ้ำยังมีใครไม่รู้เหยียบข้อเท้าฉันเต็มๆ จนได้ยินเสียงกระดูกดังกร๊อบ “ฮึก...” ฉันยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาร้องไห้ในที่สุด จะลุกก็ลุกไม่ได้ แล้วฉันจะตามหาเจ้าชายเจอได้ยังไงกัน ฮือๆ เสด็จแม่ มิเทล ช่วยมู่หลานด้วย... “กะจะไม่เจอกันในสภาพอื่นเลยหรือไง =_=” ฉันเงยหน้ามองต้นเสียงก็พบกับเจ้าชาย พี่บีไอ และพี่บีโอยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนที่เจ้าชายจะย่อตัวลงนั่งยองๆ “งั้นเดี๋ยวฉันสองคนไปจัดการไอ้สองตัวนั้นเอง แกอยู่ดูแลมู่หลานไปละกัน” เจ้าชายพยักหน้ารับ พอพี่บีไอและพี่บีโอเดินแหวกฝูงชนออกไปแล้วเจ้าชายก็หันกลับมาทางฉัน “เธอนี่มัน... ลุกขึ้นมา =_=” เจ้าชายดึงแขนฉันข้างหนึ่งเพื่อให้ลุก แต่ฉันกลับล้มลงมาอีกครั้ง ไม่ไหว...ข้อเท้าฉันปวดเหมือนจะแตกสลายในไม่ช้า “เป็นอะไร =_=” “มะ...เมื่อกี้...ฮึก...มีคน...เหยียบข้อเท้า...ฉันค่ะ” “หา?” “มีคน...” “ฉันไม่ได้หาเพื่อให้เธอพูดอีกครั้งสักหน่อย ให้ตายสิ! วุ่นวายเป็นบ้าเลย!” เจ้าชายขยุ้มหัวตัวเองอย่างโมโห ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าและหันหลังให้ฉัน “ขี่หลังฉัน” “คะ?” “ขี่หลังฉัน! จะพาออกไปจากตรงนี้” ขะ...ขี่หลังเจ้าชาย! ฉันเนี่ยนะจะขี่หลังเจ้าชาย... “แต่ว่า...” “หรือเธอจะนั่งกองอยู่ตรงนี้ รอให้คนอื่นเขามาเหยียบส่วนอื่นก็ตามใจ =_=” พูดจบเจ้าชายก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป ฉันรีบเอื้อมมือไปคว้าชายเสื้อเจ้าชายไว้ทันที “ก็ได้ค่ะ...” เจ้าชายไม่พูดอะไร แต่นั่งยองๆ ลงอีกครั้ง ฉันจึงค่อยๆ พยุงตัวไต่ขึ้นหลังเจ้าชายอย่างยากลำบาก “ชักช้า!” “ว้าย!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เจ้าชายก็สอดมือเข้ามาใต้ข้อพับตรงหัวเข่าแล้วดันฉันให้ขึ้นไปบนหลังเขา ก่อนจะลุกขึ้นเดินต่อไปทันที ฉันได้แต่นั่งหลังตรงอยู่บนหลังเจ้าชายเพราะเกิดมาไม่เคยขี่หลังใครมาก่อน (._.) อายจังเลย... “ยัยเด็กบ้า! ทำไมนั่งหลังตรงแบบนั้นเล่า แนบตัวพิงลงมากับหลังฉันนี่ แล้วก็กอดคอฉันไว้!” เจ้าชายหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองฉันที่นั่งเหลอหลาอยู่บนหลังของเขา “กะ...กอดคอเหรอคะ! ฉัน...ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ” ฉันตอบตามความจริง เจ้าชายถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยใบหน้าที่เหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์อะไรสักอย่าง “เลือกเอา จะกอดคอฉันดีๆ หรือจะให้ฉันโยนเธอลงไปบนพื้น!” “เอ๋?” “เลือกเอา!” หมับ! ฉันพิงตัวราบไปกับหลังเจ้าชายและกอดคอทันทีอย่างไม่ต้องคิด หน้าของฉันวางอยู่บนไหล่ซ้ายของเขา แก้มของเราชนกันเล็กน้อย ใจเต้นแรงชะมัดเลย...>/ / /< “ต้องให้ขึ้นเสียงอยู่เรื่อยหรือไง =_=” ฉันไม่ได้ตอบอะไร เพราะตอนนี้สายตากำลังจับจ้องใบหน้าด้านข้างของเจ้าชาย กลิ่นตัวหอมๆ ของเขาลอยฟุ้งเข้ามาในจมูกของฉัน มือทั้งสองข้างของเจ้าชายสัมผัสตัวฉันอยู่ เหมือนฝันเลย... “แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่” “คะ?” “มาทำอะไรที่โรงแรมนี้” เจ้าชายถามเสียงต่ำเหมือนเริ่มโมโหเล็กน้อย ทำไมคุยกับฉันทีไรต้องโมโหทุกทีด้วยล่ะ... “คือว่า...ฉันเห็นข่าวในทีวี แล้วก็เห็นเจ้าชายกับรุ่นพี่คนอื่นๆ ฉันเป็นห่วงก็เลย...” “จะบ้าหรือไง!” เจ้าชายตวาดแทรกขึ้นก่อนฉันจะพูดจบ ทะ...ทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ฉันอีกแล้วล่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ TOT “รู้ก็รู้ว่าตัวเองเมาคน เจอคนเยอะๆ ไม่ได้แล้วออกมาทำไม! อยากตายเหรอ หา!” “ก็ฉันเป็นห่วงรุ่นพี่นี่คะ ฉันกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นพี่” ฉันตอบเสียงอ่อน น้ำตาที่หยุดไปแล้วเริ่มซึมออกมาอีกครั้ง แค่เป็นห่วงก็ผิดด้วยเหรอ ฉันทำอะไรก็ผิดในสายตาของเจ้าชายไปหมดใช่มั้ย! “ร้องไห้เหรอ?” “ปะ...เปล่าค่ะ ฮึก...” ฉันตอบ พยายามกลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้นเอาไว้ แต่มันยากกว่าที่คิด “อย่ามาโกหก” “ฮึก...” “ให้ตายสิ ฉันยอมแพ้” “คะ? ฮึก...” “ฉันยอมแพ้เธอแล้ว เลิกร้องสักที” “เจ้า...” “บอกแล้วไงว่าห้ามเรียก” ฉันรีบเม้มปากไว้ทันที เกือบพูดในสิ่งที่เจ้าชายไม่ชอบออกไปอีกแล้ว ฉันนี่ซื่อบื้อขนานแท้เลย “ฉันจะไปส่งเธอที่โรงแรม ขาเจ็บแบบนี้คงให้กลับไปคนเดียวไม่ได้” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ แค่นี้ก็รบกวนรุ่นพี่เยอะแล้ว” ฉันรีบพูด เมื่อเจ้าชายกำลังแบกฉันเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ฉันล้มมากนัก เขาก็อึดเหมือนกันนะที่แบกหมูระยะต้นๆ อย่างฉันได้เนี่ย “ไหนๆ ก็รบกวนฉันมาเยอะแล้ว ก็เอาให้มันสุดๆ ไปเลยละกัน” ฉันเอียงคอมองอย่างงงๆ ก่อนที่เจ้าชายจะหยิบกุญแจรถออกมากดปลดล็อกอัตโนมัติ แล้วเปิดประตูค่อยๆ พาฉันเข้าไปนั่งข้างในรถอย่างระมัดระวัง “ขอบคุณค่ะ” ฉันโค้งหัวเป็นการขอบคุณเล็กน้อย เจ้าชายมองฉันนิ่งๆ ก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินมาขึ้นนั่งที่ฝั่งคนขับ แล้วออกรถทันที ระหว่างทางเจ้าชายไม่พูดคุยอะไรกับฉันเลย ฉันสังเกตดูก็เห็นว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล แถมกลิ่นเลือดจากตัวเขายังตลบอบอวลเต็มรถ ฉันได้แต่ลอบมองอย่างเป็นห่วงไม่ให้เจ้าชายรู้ตัว “เอาใส่กล่องกลับบ้านเลยมั้ย” จู่ๆ เจ้าชายก็พูดขึ้น เขาละสายตาจากถนนมามองฉันก่อนจะเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “คะ?” “ฉันไง เห็นเธอแอบมองอยู่นาน ก็คิดว่าอยากจะเอาใส่กล่องกลับบ้านไปด้วยซะอีก” “มะ...ไม่ใช่นะคะ!” ฉันรีบปฏิเสธ หมายความว่าเจ้าชายรู้ตัวว่าถูกฉันแอบมองสินะ ทำเรื่องน่าขายหน้าอีกแล้ว มู่หลานเอ๊ย T_T หลังจากนั้นฉันเลยบังคับตัวเองให้เลิกแอบมองเจ้าชายแล้วเปลี่ยนมามองวิวข้างทางแทน (._.)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD