6
ฉันยืนประสานมือไว้ข้างหน้าอย่างตื่นเต้น เมื่อวันงานเทศกาลของโรงเรียนที่ทุกคนรอคอยมาถึง ภายในโรงเรียนถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีซุ้มเกมและอาหารเครื่องดื่มมากมาย จนไม่รู้จะเลือกเข้าซุ้มไหนก่อน นอกจากนั้นยังมีแขกรับเชิญจากโรงเรียนอื่นๆ และผู้ใหญ่ในละแวกนี้มาร่วมงานเทศกาลกันเต็มไปหมด ฉันไม่เคยเจอคนเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย ตื่นเต้นจริงๆ
“ไง มู่หลาน”
“พี่บีไอ ^^” ฉันยิ้มทักพี่บีไอที่เดินมาสะกิดฉันจากด้านหลัง
“ได้ข่าวว่างานวันนี้ทั้งหมดเป็นฝีมือของพวกพี่แล้วก็สภานักเรียนคนอื่นๆ เหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ มู่หลานชอบมั้ย”
“ชอบมากเลยค่ะ ดูครื้นเครงดี”
ที่วัง...เสด็จแม่ไม่เคยอนุญาตให้จัดงานครื้นเครงแบบนี้เพราะจะเสียภาพพจน์ของผู้ปกครองประเทศ อย่างมากที่สุดก็จัดงานเต็มรำเมื่อถึงวันเกิดของฉันหรือมิเทล โดยมีแต่แขกผู้มีเชื้อสายเจ้าเท่านั้นที่จะได้รับเชิญมางาน ที่สำคัญ...จะไม่มีเสียงพูดคุยและเสียงเพลงดังกระหึ่มแบบนี้
“บ้านของมู่หลานอยู่ส่วนไหนของนอร์เวย์เหรอ พอดีพี่มีเพื่อนอยู่ที่นั่นเหมือนกันน่ะค่ะ”
ฉันสะดุ้งอย่างตกใจกับคำถามของพี่บีไอ จะตอบว่ายังไงดีล่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยได้ออกไปไหนเกินอาณาบริเวณของวังหลวงเลย ทำไงยังดี...จะทำยังไงดี
“คือ...”
“เผื่อจะอยู่ใกล้ๆ บ้านเพื่อนพี่ไงคะ”
“เอ่อ...” เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ชื่ออะไรนะ ฮือๆ มู่หลานแย่แล้ว...
“บีไอ! อยู่นี่เอง บีเอให้มาตามไปหาคุณหนูด้วยกัน อ๊ะ! มู่หลาน หวัดดีคร้าบบบ >_<” ประโยคหลังพี่บีเอ็มหันมาทักฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกว่าพี่เขาเหมาะกับฤดูใบไม้ผลิจัง มันดูอบอุ่นและสดชื่น...
“สวัสดีค่ะ” ฉันทักกลับอย่างยิ้มแย้ม ก่อนที่พี่บีเอ็มจะหันไปคว้าตัวพี่บีไอแล้วล็อกคอไว้
“พี่ขอยืมตัวบีไอแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวมา”
“อ๊ะ! ตามสบายค่ะ ^^”
พี่บีเอ็มพยักหน้ารับเป็นการขอบคุณก่อนจะลากพี่บีไอที่ทำหน้าเหมือนไม่เต็มใจออกไปอีกทาง ฉันจึงหันกลับไปให้ความสนใจงานเทศกาลต่อ
ซุ้มส่วนใหญ่จะเป็นซุ้มเกมแปลกๆ ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ละเกมน่าเล่นทั้งนั้น แต่ไม่ว่าฉันจะเดินเข้าไปในซุ้มไหนก็จะไม่มีใครให้ความสนใจฉันเลยสักคน ฉันก็เลยไม่ได้เล่นเกมที่ซุ้มไหนแม้แต่เกมเดียว ทำไมดูทุกคนจะไม่ชอบหน้าฉันกันทั้งนั้นเลยนะ...
“นี่ เอาน้ำมั้ย” จู่ๆ ผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งก็ยื่นน้ำให้กับฉัน ฉันรีบรับไว้แล้วกล่าวขอบคุณทันที
“ขอบคุณมากนะคะ นึกว่าจะไม่มีใครคุยกับฉันซะแล้ว” เธอถอนหายใจเมื่อฉันพูดจบ ก่อนจะมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง
“ฟังนะ ที่ไม่มีใครคุยกับเธอน่ะไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ชอบหน้าเธอหรอก พวกเราถูกยัยสามสาวตัวแสบนั่นขู่บังคับเอาไว้น่ะ พวกนั้นมีพ่อเป็นนักเลง เลยไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง”
“เอ๋?” เธอหมายถึงใครกันนะ? สามคนนั้น...สามคนไหนกัน?
“เฮ้อ เอาเป็นว่าสู้ๆ ละกันนะ ฉันเป็นกำลังใจให้ อ้อ! ฉันชื่อมะนาวนะ โชคดีล่ะ”
“เอ่อ...ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองอย่างงงๆ หลังจากมะนาวเดินกลับไปที่ซุ้มขายเครื่องดื่มของตัวเอง ฉันพยายามเรียงลำดับสิ่งที่มะนาวพูด แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก อันที่จริงต้องพูดว่าไม่เข้าใจอะไรเลยถึงจะถูก (._.)
“โห่!!!!”
ฉันหันไปมองทางด้านเวทีการแสดงอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องจากทางนั้น เกิดอะไรขึ้นนะ... ฉันรีบวิ่งตามคนอื่นๆ ไปดูที่หน้าเวทีทันที
พอมาถึง...เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติ นักเรียนที่โห่ประท้วงกันเมื่อสักครู่ก็เงียบเสียงลง ก่อนที่ผู้ชายห้าคนที่ฉันคุ้นเคยจะก้าวขึ้นไปบนเวที เจ้าชายของฉันเดินไปประจำตำแหน่งคีย์บอร์ด ก่อนที่เสียงเพลงแห่งความสนุกสนานจะถูกพวกเขาทั้งห้าคนปลุกขึ้นมา
ฉันยืนประสานมือไว้ที่อกพลางมองเจ้าชายด้วยความปลาบปลื้ม เสด็จแม่เพคะ ตอนนี้เจ้าชายของลูกกำลังยิ้ม เขากำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ลูกไม่เคยเห็นเจ้าชายในแบบนี้มาก่อน เขาทำให้ลูกเหมือนต้องมนต์สะกดบางอย่าง ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งถลำลึก ลูกควรจะทำยังไงต่อไปดี...เสด็จแม่
หลังจากคอนเสิร์ตเปิดงานเสร็จสิ้น การประกวดอะไรอย่างสักอย่างก็เริ่มต้นขึ้น นักเรียนหญิงมากมายไปอัดแน่นรวมกันอยู่ที่หน้าเวที ฉันจึงค่อยๆ ถอยห่างออกมาเพราะเหมือนจะเป็นลม ทำไมคนเยอะจัง ตาลายไปหมดแล้ว
“มะ...มึนหัวจัง” ฉันยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองผู้คนอีกครั้ง แต่กลับมองไม่ค่อยเห็นอะไร ตามันฝ้าไปหมด เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันนะ...
หมับ...!
นี่ฉันอยู่ที่ไหนกัน? ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังนอนอยู่บนปุยเมฆสีขาว แล้วกลิ่นหอมๆ นี่มันกลิ่นอะไร ทำไมถึงหอมเหมือนกลิ่นดอกไม้ที่นอร์ก้าแบบนี้นะ...
ฟุดฟิดๆๆ
“ดมอะไรน่ะ =_=”
ฉันลืมตาโพลงอย่างตกใจเมื่อเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเหนือหัว และทันทีที่ลืมตาขึ้นมา ใบหน้าเบื่อโลกของเจ้าชายก็ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ฉันมองไล่จากใบหน้าของเจ้าชายลงมาเรื่อยๆ จนถึงลำคอ ไล่ระดับลงมาจนกระทั่งถึงมือของเจ้าชายที่ฉันจับไว้แนบอก
“อ๊ะ!” ฉันปล่อยมือเจ้าชายออกแล้วรีบลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ นะ...นี่ฉัน...นอนตักเจ้าชายเหรอ! ไม่จริงใช่มั้ย นี่ต้องเป็นความฝันแน่ๆ
“ไม่จริง ความฝัน มันคือความฝัน”
ฉันตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติให้ตื่น ฝันอะไรแบบนี้กัน น่าอายจริงๆ แสดงว่ากลิ่นหอมๆ ที่ฉันสูดเอาๆ จะต้องเป็นกลิ่นมือของเจ้าชายแน่เลย นี่ฉันดมมือเจ้าชายเหรอเนี่ย...
“ความจริง นี่คือความจริง เธอเป็นลมเพราะเมาคน ฉันเลยพาเธอมาที่นี่ ยอมให้เธอหนุนตัก ยอมให้เธอจับมือ แล้วก็ดึงมือฉันไปดม =_=”
“เอ๋?!” ฉันทำเรื่องน่าเกลียดแบบนั้นด้วยเหรอ จับมือเจ้าชายแล้วก็ดมมือเจ้าชาย ฉันนี่มันผู้หญิงแบบไหนกันนะ...
“เธอนี่ร่างกายอ่อนแอจังเลยนะ เจอคนเยอะๆ หน่อยก็เป็นลม รู้มั้ยว่าเธอหลับไปตั้งสามชั่วโมงกว่า ขาฉันเป็นตะคริวหมดแล้ว =_=” เจ้าชายชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วพลางมองหน้าฉันอย่างเอือมระอา
“นี่เราเป็นลมไปเหรอเนี่ย สงสัยต้องออกไปข้างนอกบ่อยๆ เผื่อจะชินกับผู้คนขึ้นมาบ้าง”
“นี่เธอฟังที่ฉันพูดบ้างมั้ยเนี่ย!”
“เอ๋? อะ...อะไรเหรอคะ” ฉันถามอย่างงุนงง ทำไมจู่ๆ เจ้าชายต้องตะคอกฉันด้วย หรือโกรธที่ฉันเป็นลม? เรื่องนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจนี่นา ไม่มีใครอยากเป็นลมสักหน่อย T_T
“เธอนี่มัน...ยัยเด็กบ้า!”
“ฉันทำอะไรผิดเหรอคะ (._.)” ฉันก้มหน้างุด ตอนนี้เจ้าชายกลายเป็นปีศาจขี้โมโหอีกแล้ว
“ฉันจะทำยังไงกับเด็กมีปัญหาแบบเธอดีเนี่ย =_=*”
“ปัญหา? ไม่นี่คะ ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร ^^” ฉันตอบอย่างยิ้มแย้ม อาการมึนหัวก่อนหน้านี้หายไปเป็นปลิดทิ้งเลย ต้องขอบคุณเจ้าชายที่ช่วยฉันไว้ แบบนี้ค่อยเหมือนในนิทานที่เสด็จแม่เล่าให้ฟังหน่อย
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เธอนี่มัน -*- คุยด้วยแล้วปวดหัวจริงๆ” เจ้าชายขยุ้มหัวอย่างหัวเสีย ก่อนจะเอนตัวนอนลงกับพื้นหญ้า โดยยกแขนทั้งสองข้างมารองหัวไว้แทนหมอนหนุน
“รุ่นพี่ปวดหัวเหรอคะ? ทานยามั้ย เดี๋ยวฉันไปเอาให้”
ไร้เสียงตอบรับ เจ้าชายหลับตาพริ้มไปแล้ว
“หลับแล้วเหรอคะ?” ฉันถามเสียงเบาก่อนจะเม้มปากเพื่อหยุดพูด เจ้าชายกำลังหลับ ฉันไม่ควรจะพูดเสียงดังกวนเขาสินะ เพราะเดี๋ยวเจ้าชายจะโกรธอีก แค่นี้เจ้าชายก็โกรธฉันมากพออยู่แล้ว...
“เจ้าชายคงเหนื่อยมาหลายวัน เพราะต้องเตรียมงานเทศกาลไม่หยุด พักผ่อนให้สบายนะคะ ฉันจะคอยเฝ้าให้เอง”
“.....”
“หน้าตาตอนหลับน่ารักจัง ไม่น่ากลัวเหมือนตอนตื่นสักนิด”
ฉันยิ้มอย่างมีความสุข ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มานั่งมองหน้าเจ้าชายใกล้ๆ ขนาดนี้ ใบหน้าตอนหลับดูสิ้นฤทธิ์อย่างน่าประหลาด
“เฮ้อ...ถ้าเสด็จแม่ล้มเลิกความคิดที่จะให้ฉันหมั้นกับเจ้าชายต่างแดนที่ฉันไม่รู้จัก ฉันก็คงต้องกลับไปประเทศตัวเองเพื่อรับตำแหน่งราชินีต่อไป ถึงตอนนั้นฉันคงต้องตัดใจจากเจ้าชายให้ได้ เพราะประชาชนของประเทศนอร์ก้าต้องมาก่อน ฉันต้องเสียใจมากแน่ๆ”
“.....”
“แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น...ฉันจะ...”
ครืดๆ ครืดๆ
ฉันเม้มปากแน่นแล้วรีบถอยห่างออกมาทันทีที่โทรศัพท์มือถือของเจ้าชายสั่น ก่อนที่เจ้าชายจะลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อกดรับสาย
“ฮัลโหล อืมๆ เดี๋ยวจัดการให้” พูดจบเจ้าชายก็มองหน้าฉันนิ่งๆ นิดนึง ก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไป ฉันรีบลุกขึ้นวิ่งตามเจ้าชายไปทันที
“มาทำอะไรที่ห้องสภานะ?” ฉันพึมพำด้วยความสงสัย ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเจ้าชายที่เพิ่งเข้าไปในห้องสภานักเรียนเดินออกมาพร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวยชนิดที่ว่าเจ้าหญิงอย่างฉันยังอาย พะ...พวกเขาเป็นอะไรกัน?
เจ้าชายมีคนรักอยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ?!