5
“เธออีกแล้วเหรอ =_=!” เจ้าชายทำหน้าเซ็งทันทีเมื่อเปิดประตูห้องสภานักเรียนออกแล้วพบฉันยืนอยู่ แต่ฉันไม่สน ยังส่งยิ้มหวานให้พร้อมกับชูข้าวกล่องให้ดู ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างพี่บีไอบนโซฟา
“วันนี้ทำอะไรมาเหรอครับ” พี่บีเอ็มถาม ฉันไม่ตอบแต่ส่งกล่องข้าวให้เพื่อให้พี่บีเอ็มเปิดดูเอง
“กะ...แกงเขียวหวานเหรอ หน้าตาน่าทานมากเลยนะครับ”
ฉันยิ้มรับคำชมอย่างเขินอาย ก่อนจะหันไปมองทางประตูที่จู่ๆ ก็เปิดออกพร้อมกับเสียงใครบางคนดังขึ้น
“มีใครเห็นมือ...ซวยแล้วไง -_-“ พี่บีเอนั่นเอง ฉันนึกว่าเขาออกไปข้างนอกซะอีก
“พี่บีเอ มาพอดีเลยค่ะ วันนี้ฉันทำแกงเขียวหวานมาให้พวกพี่ลองชิมกัน ทานด้วยกันนะคะ” ฉันเอ่ยชวน แต่พี่บีเอกลับส่ายหน้าดิกพร้อมกับโบกมือปัดไปปัดมา
“ไม่เป็นไร พอดีฉันมีธุระ...” พูดจบพี่บีเอก็หันหลังกลับเตรียมจะเดินออกไป แต่เจ้าชายที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูกลับคว้าคอเสื้อเขาเอาไว้
“ไม่ต้องชิ่ง ในเมื่อฉันชิ่งไม่ได้ แกก็ห้าม =_=”
“ไม่น่าลืมมือถือเลย -_-!” พี่บีเอพึมพำอะไรสักอย่างก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ พี่บีไอและพี่บีโอ ส่วนเจ้าชายถูกพี่บีเอ็มดึงให้นั่งลงข้างๆ ฉัน
“ทานกันเยอะๆ นะคะ ฉันทำมาเยอะเลย”
“ครับ T^T” พี่บีเอ็มตอบ ก่อนจะส่งช้อนให้กับคนอื่นๆ ที่รับไปด้วยใบหน้าไม่ค่อยเต็มใจนัก พวกพี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมแต่ละคนสีหน้าไม่ค่อยดีเลย...
“แล้วเธอไม่กินเหรอ =_=” เจ้าชายหันมาถามฉันที่เอาแต่นั่งมอง โดยไม่ตักข้าวให้ตัวเอง
“ฉันทานมาแล้วค่ะ กล่องนี้ตั้งใจทำให้พวกรุ่นพี่ทานโดยเฉพาะ” ฉันตอบอย่างดีใจที่เจ้าชายพูดกับฉัน ทั้งที่ปกติแค่หน้าฉัน เขายังไม่มองเลยด้วยซ้ำ หรือว่า...แผนเสน่ห์ปลายจวักของเสด็จแม่จะได้ผลนะ!
“เรามากินกันเถอะ แกงเขียวหวานของมู่หลานน่ากินที่สุดในบรรดากับข้าวทั้งหมดเลยว่ามั้ย”
ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่พี่บีไอเรียก ทุกคนหันหน้าไปคนละทิศคนละทาง สงสัยจะตื้นตันที่ฉันทำกับข้าวมาให้กินล่ะมั้ง ^^
“งั้นบีเอ็ม แกประเดิม” พี่บีไอบอกพร้อมกับชี้ไปที่แกงเขียวหวานของฉัน
“ฉันเหรอ! กะ...ก็ได้ TOT” พี่บีเอ็มตอบตกลงเมื่อหันมาเห็นฉันนั่งมองตาปริบๆ ด้วยความลุ้น ก่อนจะค่อยๆ ใช้ช้อนตักแกงเขียวหวานขึ้นมาแล้วหลับตาเอาเข้าปากทันที
“อะ...อร่อยอีกแล้ว มู่หลานมีความสามารถในการทำอาหารไทยมากเลยครับ T^T”
“จริงเหรอคะ พรุ่งนี้ฉันกะจะทำแกงส้มล่ะค่ะ พวกรุ่นพี่ต้องชอบแน่ๆ เลย เจ้าชาย เอ่อ...รุ่นพี่ก็ลองทานด้วยสิคะ” ฉันเลื่อนแกงเขียวหวานไปตรงหน้าเจ้าชาย เขามองมันสลับกับหน้าฉันและเพื่อนๆ ของเขา ก่อนจะรีบตักแกงเขียวหวานเข้าปากแล้วกลืนทันที เอ๋? คนไทยทานข้าวไม่เคี้ยวข้าวกันเหรอ?
“อร่อยมั้ยคะ?”
เจ้าชายไม่ตอบ ฉันเลยหันหน้ากลับมาทางเดิม ทำไมเจ้าชายถึงต้องทำหน้าเหมือนโกรธฉันอยู่ตลอดเวลาด้วยล่ะ ไม่เข้าใจเลย...
“งั้นเรามากินแกงเขียวหวานของมู่หลานให้หมดกันเถอะ!”
หลังจากเสียงออดดัง มู่หลานก็รีบออกจากห้องสภานักเรียนเพื่อกลับไปห้องเรียน ทันทีที่ประตูปิดลง ทั้งห้าคนก็แยกย้ายไปอ้วกกันที่ตำแหน่งเดิม ก่อนจะกลับมานอนแบ็บเรียงกันอย่างหมดแรง
“เมื่อวานโรคไต วันนี้โรคเบาหวาน เกิดมาไม่เคยกินอะไรแล้วทรมานขนาดนี้มาก่อนเลย!” บีโอบ่นลั่นพลางกุมท้องตัวเองแน่น
“พนันกัน ฉันว่าพรุ่งนี้ยัยเด็กนั่นต้องทำรสเปรี้ยวมาชัวร์ -_-;;” บีเอพูดขึ้น ทั้งสี่คนพยักหน้าเห็นด้วย
“ทำไมฉันต้องมาทนกินอะไรที่มันอันตรายต่อร่างกายแบบนี้ด้วยน” บีวายว้ากอย่างไม่พอใจ เขาสงสารร่างกายตัวเองเหลือเกินที่ต้องมาทนรับสิ่งแปลกปลอมลงไปในกระอาหาร
“ก็น้องเขาตั้งใจทำมานี่หว่า ทำไงได้!”
“ก็ไม่ต้องรับสิวะไอ้บีเอ็ม ไม่ได้มีใครขอให้ทำมาสักหน่อย” บีวายสวนกลับ บีโอและบีเอพยักหน้าเห็นด้วย เพราะอาหารของมู่หลานทำให้พวกเขากินข้าวเย็นไม่ลงมาตั้งแต่เมื่อวาน
“ได้! งั้นพรุ่งนี้...ถ้าน้องเขามา แกสามคนก็บอกไปละกันว่าไม่รับ!”
เที่ยงของวันต่อมา
“อ้วกกกกกก!” เมื่อมู่หลานเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางมีความสุข ทั้งห้าคนก็แยกกันไปที่มุมเดิมเหมือนวันก่อนๆ ก่อนจะกลับมานอนเรียงกันอย่างหมดสภาพ
“รสเปรี้ยวจริงๆ ด้วยว่ะ T^T” บีเอ็มพูดทั้งน้ำตา พลางคิดในใจว่ามู่หลานทำน้ำส้มสายชูหกลงไปในแกงส้มหมดเลยหรือเปล่า หรือเธอใส่มะขามเปียกลงไปทั้งต้นเลยกันแน่
“ไหนใครมันบอกวะว่าถ้าวันนี้มู่หลานเอากับข้าวมาให้แล้วจะไม่รับ” บีไอพูดขึ้นอย่างล้อเลียน แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากเพื่อนทั้งสามคนของเขา เพราะวันนี้...พอมู่หลานมาถึงที่ห้องในเวลาเดิม ก็ไม่มีใครเอ่ยปากไล่เธอแม้แต่คนเดียว กลับนั่งกินอาหารที่เธอทำมาให้โดยไม่บ่นสักคำ
“ไอ้พวกปากไม่ตรงกับใจ! สงสารน้องเขาเหมือนกันก็บอกมาสิวะ ไม่มีใครว่าสักหน่อย” บีเอ็มว่าเข้าให้ ก่อนจะตีหัวเพื่อนๆ ทั้งสามคนละทีด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับจากทั้งสามคนเหมือนเดิม
นี่ก็สามวันมาแล้วที่พวกรุ่นพี่ทั้งห้าคนทานอาหารเที่ยงฝีมือฉันแล้วชมว่าอร่อย ถึงแม้จะมีแต่พี่บีไอกับพี่บีเอ็มที่ชมก็เถอะ แต่อย่างน้อยเจ้าชายก็ยอมกินกับข้าวที่ฉันทำไปให้ทุกครั้ง ไม่มีอะไรสุขใจมากไปว่านี้อีกแล้ว ^^
ป๊อก!
“อ๊ะ!” ฉันร้องเสียงตกใจนิดๆ ก่อนจะก้มลงมองก้อนกระดาษกลมๆ ที่ตกลงมาจากฟ้าใส่หัวฉันซึ่งกำลังเดินเหม่ออยู่ข้างล่างอย่างงุนงง
“โทษที ไม่เห็นว่ามีคนอยู่ =_=”
“เจ้าชาย!” ฉันเงยหน้าไปมองต้นเสียงก็พบว่าเจ้าชายยืนอยู่ตรงระเบียงของอาคารเรียนชั้นหนึ่ง ในมือเขามีหนังสือที่ฉันเห็นเขาถือติดมือเป็นประจำอยู่เหมือนเดิม
“ใครเจ้าชาย ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเรียกฉันแบบนั้น”
ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะก้มหน้าลงอย่างเศร้าสลด ทำให้เจ้าชายโกรธอีกแล้ว ฉันนี่มันแย่จริงๆ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เจ้าชายจะใจอ่อนรับรักเล่า!
“นี่ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ก็แค่บอกว่า...ไม่ให้เรียก”
“ฉันขอโทษค่ะ” ฉันเงยหน้าตอบอย่างสำนึกผิด ท่องเอาไว้นะมู่หลานว่าห้ามเรียกเจ้าชาย ต้องเรียกว่ารุ่นพี่เท่านั้น รุ่นพี่น่ะรุ่นพี่!
“งั้นฉันขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ” ฉันก้มหัวเป็นเชิงบอกลาก่อนจะออกเดินต่อ ถึงแม้ความจริงอยากจะหยุดยืนคุยให้นานกว่านี้ก็เถอะ แต่มาตะโกนคุยกันเสียงดังแบบนั้นอาจมีคนไม่พอใจฉันอีกก็ได้ ฉันไม่อยากให้ใครเกลียดฉันอีกแล้ว...
“เดี๋ยว!”
ฉันรีบเงยหน้าขึ้นไปทันทีเมื่อเสียงของเจ้าชายดังขึ้น เจ้าชายเรียกฉัน เจ้าชายรั้งฉันไว้ ในที่สุดเจ้าชายก็เรียกเพื่อรั้งฉันเอาไว้ ^^!
“ฉัน...อยากกินข้าวผัดปู”
“คะ?” ฉันส่งเสียงถามด้วยความสงสัย นี่เจ้าชายกำลังใบ้โค้ดลับอะไรให้ฉันหรือเปล่า?
“ฉันบอกว่าฉันอยากกินข้าวผัดปู พรุ่งนี้ตอนเที่ยง...ฉันขอข้าวผัดปู”
“หมายความว่า...” ฉันเบิกตากว้างอย่างดีใจ เจ้าชาย...เจ้าชายอยากให้ฉันทำข้าวผัดปูไปให้ทานในวันพรุ่งนี้ เจ้าชายอยากทานอาหารฝีมือฉัน เย้!
“ที่สนามบอลหลังโรงเรียนพรุ่งนี้เที่ยง ถ้าเธอไปสาย ฉันฆ่าเธอแน่!” เจ้าชายพูดพลางทำท่าปาดคออย่างน่ากลัว ก่อนจะเดินห่างจากระเบียงชั้นหนึ่งไป ทิ้งให้ฉันยืนบิดตัวเป็นเกลียวอยู่กับที่อย่างเขินอาย
ตื๊อเท่านั้นที่ครองจักรวาล...วิธีนี้ได้ผลสินะ!
เที่ยงตรงวันต่อมา
ฉันมารอเจ้าชายที่สนามบอลหลังโรงเรียนซึ่งไม่มีใครอยู่เลยสักคนก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง พอเที่ยงตรงปุ๊บ ร่างอันแสนงดงามของเจ้าชายก็เดินเจิดจรัสมาทางฉัน เขาเดินยีผมตัวเองเข้ามา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ฉัน ไม่สิ... เจ้าชายเว้นระยะห่างจากฉันตั้งหลายเมตรแน่ะ (._.)
“ไหนข้าวผัดฉัน” เจ้าชายถามพลางยื่นมือมาตรงหน้า ฉันยิ้มกว้างก่อนจะส่งกล่องข้าวให้เจ้าชาย
“นี่ค่ะ”
เจ้าชายรับไปก่อนจะเปิดออกดู ข้าวผัดปูสุดพิเศษที่ฉันทำให้เป็นรูปหัวใจปรากฏแก่สายตาของเจ้าชาย เขาจ้องมันนิ่งก่อนจะหยิบช้อนขึ้นแล้วตักเข้าปากทันที
“เอ่อ...เป็นยังไงคะ?”
เจ้าชายไม่ตอบ แต่ขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันจนไหล่ของเราสองคนชนกัน ก่อนจะตักข้าวผัดปูใส่ช้อนแล้วส่งให้ฉัน
“อ้าปาก”
“คะ? อุ๊บ!”
เจ้าชายอาศัยจังหวะที่ฉันอ้าปากถามยัดช้อนที่มีข้าวอยู่ใส่ปากฉัน ก่อนจะดึงช้อนออกไป
“แค่ก! แค่ก! ไม่อร่อยเลย” ฉันคายข้าวในปากทิ้งทันที ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าชายด้วยแววตารู้สึกผิด ทำไมข้าวผัดปูของฉันถึงได้จืดชืด ไร้รสชาติขนาดนั้นนะ...
“ตอนปรุงรสนี่ยืนหลับอยู่หรือไง” เจ้าชายบ่นก่อนจะตักข้าวคำต่อไปเข้าปาก ฉันรีบรั้งมือเจ้าชายที่กำลังจะตักอีกคำเข้าปากไว้
“มันไม่อร่อยนะคะ ทิ้งมันไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวในโรงอาหารให้ใหม่ค่ะ” ฉันบอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ขืนทานเข้าไปหมดนี่ต้องท้องเสียแน่ๆ
“ที่บ้านเธอสอนให้กินทิ้งกินขว้างเหรอ”
“เอ๋?”
“คนอื่นที่เขาไม่มีจะกินน่ะ ข้าวกล่องนี้คือสวรรค์เลยเธอรู้มั้ย” พูดจบเจ้าชายก็ปัดมือฉันออกแล้วลงมือทานต่อ สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาทั้งนั้น
และไม่นานกล่องข้าวที่เคยมีข้าวอยู่เต็มกล่องก็ว่างเปล่า เจ้าชายส่งกล่องข้าวให้ฉันแล้วลุกขึ้นยืน
“พรุ่งนี้ขอ...ข้าวกับไก่ทอดก็ละกัน ไม่ยากไปใช่มั้ย =_=”
“เอ๋?” หมายความว่า...เจ้าชายจะให้ฉันทำมาให้ทานอีกอย่างนั้นเหรอ เป็นอย่างนั้นใช่มั้ย!
“ว่าไง หรือว่าไม่อยากทำ?”
“ไม่ค่ะ ฉันอยากทำค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะทำมาให้นะคะ” ฉันพยักหน้ายิ้มรับอย่างดีใจ หวังจะให้เจ้าชายยิ้มตอบบ้าง แต่เจ้าชายกลับแค่มองฉันด้วยแววตาเย่อหยิ่งก่อนจะเดินกลับไปทางตึกเรียน
แบบนี้เรียกว่า...คืบหน้าหรือเปล่านะ!