Episode-๐๓ เรื่องเมื่อวาน...

1511 Words
เช้าอีกวันฉันก็มาเรียนตามปกติค่ะ “เมื่อวานกลับยังไงอะ” โบที่มาถึงโรงเรียนเรียนก่อนเอ่ยถามเมื่อเห็นหน้าฉัน “ทำไมเหรอ” ฉันเลือกที่จะถามกลับแทนคำตอบเพราะไม่รู้ว่าอยู่ ๆ โบถามแบบนั้นทำไม “ก็เมื่อวานมอสี่กับไอ้ห้องสี่มันมีเรื่องกันหลังโรงเรียนแล้วเพียงจันทร์ก็กลับประตูหลังด้วย” “ตอนเราเดินออกไปก็ไม่เห็นมีอะไรนะ” “ดีแล้วจะได้ไม่โดนลูกหลง” “...” อยากตะโกนออกไปจังว่ามันไม่ทันแล้ว “ไปกินข้าวเช้ากันดีกว่า” “เลี้ยงนะ” “ได้ดิ” ฉันพูดแหย่เล่นไปอย่างนั้นแหละค่ะแต่โบมันพูดจริงแถมยังลากฉันเข้ามาในโรงอาหารแล้วเรียบร้อย “มีร้านเดียวเองอะ” “ก็ยังไม่หกโมงครึ่งเลย” ฉันว่าพลางดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองไปด้วย “กินเท่าที่มีไปก่อนแล้วกันนะ” “ฝากซื้อด้วยเราเอาข้าวผัด” “โอเค” เอากระเป๋าวางที่โต๊ะเสร็จฉันก็มาซื้อข้าวค่ะส่วนโบไปซื้อน้ำ หลังจากได้ของที่ต้องการแล้วฉันก็กลับมาที่โต๊ะตามเดิม แต่ว่าตรงนั้นมันไม่ได้มีแค่โบ “โห... กินไปได้ยังไงเนี่ย” โบเอ่ยเมื่อเห็นข้าวกระเพราของฉันนั้นเต็มไปด้วยพริก “อยู่บ้านกินยิ่งกว่านี้อีก” “กินเผ็ดแต่เช้าปวดท้องตายห่า” “ไม่เลยสบายมาก” ฉันตอบกลับอย่างไม่จริงจังมากนักเพราะปกติกินเผ็ดอยู่แล้วไง “เมื่อวานเป็นไงบ้างวะ” ประโยคนี้มันหันไปพูดกับเพื่อนต่างห้องค่ะ “เป็นไงล่ะปากดีทำห้าวเจอไอ้เก้าเอาขวดตีหัวซะเลือดอาบ” “กูเห็นวิ่งกันไปเป็นโขยง” “เออ แต่เอาไอ้เก้าไม่ลงอะคิดดูเถอะ” “แล้วทีแรกมีเรื่องอะไรกัน” “มันบอกว่าไอ้เก้ามองหน้ามัน” “มองแล้วทำไม?” “ไม่รู้แม่ง! มองไม่ได้น่าจะเอาปี๊บคลุมหัวไว้” “ตายยากฉิบหายพูดถึงก็มาพอดี” “...” “นินทาอะไรไม่ทราบ” น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยพลางหย่อนตัวนั่งลงตรงที่ว่างข้างฉัน “มึงชิวเกินไปนะ” “ไม่เห็นมีอะไรต้องซีเรียส” เขาว่าพลางหยิบแก้วน้ำของฉันไปดื่มอย่างถือวิสาสะ “กูได้ยินมันพูดกันว่ามึงมีผู้หญิงไปด้วยเหรอ” “...” “ใครพูด?” “ไอ้พวกนั้นน่ะ มันบอกว่ามีผู้หญิงซ้อนท้ายมึงไปด้วย” “แล้วพวกมึงเคยเห็นกูพาใครซ้อนไหมล่ะ” “ไม่เคยอะ” “แต่ก็ไม่แน่หรอกเผื่อมึงหมก” “หมกพ่อง!” ฉันได้แต่ฟังบทสนทนาระหว่างพวกเขาอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งกินข้าวอิ่มและโบอาสาเอาไปเก็บให้ “อย่าลืมที่บอกนะ” เก้าพูดใส่หูฉันเสียงแผ่วเบาจากนั้นเขาก็หันไปหาเพื่อนอีกคน “ไอ้โอมเมื่อคืนมึงโทรหากูทำไม” “สัส! กูโทรตั้งแต่เมื่อคืนมึงเพิ่งมาถามเอาตอนนี้” “ก็ไม่ได้สนใจ” “ใช่สิ! กูมันไม่สำคัญไง” “พอเถอะกูขนลุก” เมื่อถึงเวลาเข้าแถวเราก็แยกย้ายกันค่ะ แล้วเรื่องที่ฉันวิตกกังวลก็เกิดขึ้นเมื่ออาจารย์ฝ่ายปกครองประกาศให้คนที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันออกมาด้านนอก เบือนหน้าไปมองแถวห้องสี่ก็เห็นว่าเก้ากำลังมองมาทางฉันประจวบเหมาะกับที่อาจารย์ฝ่ายปกครองเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพอดี “เธอตามฉันมาด้วย” “หนู?” ฉันว่าพลางชี้มือเข้าหาตัวเอง แน่นอนว่าตอนนี้ฉันกำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนเช่นกัน “เพียงจันทร์ทำอะไรผิดเหรอคะ” ครูประจำชั้นรีบท้วงขึ้นเมื่อเห็นฝ่ายปกครองเอ่ยเรียกฉัน “นี่แหละที่ไปกับนายเก้าเมื่อวานผมจำได้ถ้าไม่เชื่อก็ดูบาดแผลของเด็กคนนี้ได้เลยเพราะเมื่อวานมีเลือดออกผมเห็นกับตา” “เด็กไปด้วยกันแล้วผิดยังไง?” “ไว้คุยกันในห้องปกครองนะ” จบประโยคเขาก็เดินไปจากตรงนี้ด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจมากนักที่ครูประจำชั้นเลือกที่จะปกป้องฉันมากกว่าเชื่อคำพูดของเขา “ไม่เป็นไรนะเพียงจันทร์เดี๋ยวครูไปด้วย” “ค่ะ” เลิกแถวฉันก็ถูกพาเข้าห้องปกครองทันทีค่ะ บรรยากาศมันตึงเครียดแปลก ๆ “เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงดุดันเอ่ยพลางกวาดสายตามองหน้าทุกคนหวังจะเอาคำตอบแต่มันก็ไม่มีใครตอบอะไรสักคน “มันหลายครั้งแล้วนะ ทำไม? มันเป็นอะไรมันถึงอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย” ระหว่างที่ถูกอบรมอยู่นั้นฉันลอบมองเก้าอยู่ตลอดเขาเองก็มองฉันเช่นกันก่อนจะพูดออกมาโดยไม่มีเสียงว่าให้ฉันอยู่เฉย ๆ “เพียงจันทร์ตกลงเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น” ถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อถูกตั้งคำถามแบบนั้น “หนูไม่ทราบค่ะ หนูแค่เดินออกทางประตูหลังตามปกติแล้วเขาก็มีเรื่องกันก่อนแล้วหนูแค่เดินผ่านเฉย ๆ เอง” ฉันตอบออกไปตามจริงแม้ว่าจะยังพูดไม่หมดก็ตาม ... “แล้วแผล?” “แผล?” ฉันทวนคำพูดของฝ่ายปกครองอีกครั้ง ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่จะมีแผลที่ไหนกัน ยังไม่ทันได้ตอบอะไรฝ่ายปกครองก็สั่งให้ครูประจำชั้นสำรวจร่างกายฉันท่ามกลางสายตานับสิบคู่ “ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ” “แต่เมื่อวานผมเห็นว่าเด็กคนนี้มีเลือดออก” ฝ่ายปกครองยังคงยืนกรานด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเมื่อผลสำรวจมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด “ใช่ค่ะมีเลือดเปื้อนชุดนักเรียนหนูจริง ๆ แต่หนูไม่รู้ว่าใครเป็นคนวิ่งชน” ฉันยืนกรานด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นกันเรื่องอะไรจะปล่อยให้ตัวเองถูกกล่าวหาลอย ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เก้าแทน “นายมานี่” “...” เก้าไม่ตอบอะไรและเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน เขายอมให้ตรวจร่างกายแต่โดยดีแต่มันก็ไม่พบบาดแผลอะไรมีเพียงรอยช้ำรอยแดงเท่านั้น “แบบนี้ลูกศิษย์ดิฉันยังมีความผิดอยู่ไหมคะ?” ครูประจำชั้นพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกอย่างมันชัดเจนว่าฉันไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรกับเรื่องนี้ “อาจเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเชิญครูกานดาพาน้องกลับเข้าชั้นเรียนได้เลยค่ะ” ฝ่ายปกครองอีกคนพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี “ค่ะ” ก่อนออกจากห้องปกครองฉันหันไปมองเก้าอีกครั้ง ใบหน้าแสนเรียบเฉยของเขาไม่ได้แสดงความวิตกกังวลอะไรออกมาให้เห็นเลยสักนิด แถมยังดูชิวไม่ทุกข์ร้อนอะไรด้วยซ้ำ “เพียงจันทร์เรื่องมันเป็นแบบนั้นจริงใช่ไหม?” ครูประจำชั้นตั้งคำถามกับฉันอีกครั้งเมื่อกลับมาถึงห้องเรียน “จริงค่ะ หนูกลับประตูหลังทุกวันไม่เชื่อถามปูนากับโบได้ หนูไม่เคยสิงสิงกับใครและเมื่อวานใครไม่รู้วิ่งชนหนูจากนั้นมันก็ชุลมุนวุ่นวายไปหมดจนอาจารย์ฝ่ายปกครองมาเขาถึงแยกย้ายกันคนละทิศคนละทาง” ฉันบอกออกไปตามความจริง “จริงค่ะ เพียงจันทร์กลับประตูหลังทุกวันเพราะขึ้นรถทางนั้นจะใกล้บ้านกว่า” ปูนาเสริมขึ้นเพื่อเป็นพยานให้ฉัน “ไม่เป็นไรนะก็แค่ซวยไปเจอจังหวะไม่ดีเท่านั้นเอง ดีนะที่ครูอยู่ด้วยไม่งั้นเธอถูกจดชื่อแน่ ๆ ไม่มีอะไรแล้วไปนั่งที่เถอะ” “ขอบคุณค่ะ” ทุกอย่างถูกเข้าใจไปแบบนั้นซึ่งมันเป็นความจริงค่ะ แต่อีกส่วนหนึ่งฉันไม่ได้บอกออกไปเพราะไม่มีใครถามก็ถือว่าไม่ได้โกหกเนอะ เลิกเรียน ฉันเดินกลับทางประตูหลังอย่างเช่นทุกวันค่ะแต่วันนี้ช้ากว่าปกติเพราะไปซื้อของทำงานกลุ่มกับปูนามาทำให้บรรยากาศหลังโรงเรียนเงียบกว่าที่เคยเพราะคนอื่น ๆ กลับกันเกือบจะหมดแล้ว “...” เท้าทั้งสองข้างชะงักไปแทบจะทันทีเมื่อเห็นใครบางคนอยู่ตรงนี้ ฉันกวาดสายตาไปรอบบริเวณเพื่อดูว่ามีคนอื่นอีกหรือเปล่าหรือว่าวันนี้เขามาดักรอใครอีกไหม “ขอบใจนะ” “เรื่องอะไร?” “วันนี้ในห้องปกครอง” เท่าที่จำได้ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อเขาเลยนะ “เราไม่ผิดเราไม่ได้เริ่มก่อน” “แต่นายลงมือก่อน” “ก็สมควรแล้วนี่” นอกจากจะไม่รู้สึกผิดแล้วเขายังแสดงท่าทีสะใจออกมาให้เห็นอีกด้วย “นายคนแรกเลยนะที่ทำให้เราเข้าห้องปกครองน่ะ” “งั้นก็รู้ไว้ว่าเธอคนแรกเหมือนกันที่ซวยเพราะเรา ไม่สิ! เป็นภาระของเราถึงจะถูก” “พูดอะไรน่ะ” “ไม่ต้องรู้หรอก” “...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD