“ขึ้นรถ” น้ำเสียงห้วนเอ่ยพร้อมกับยื่นหมวกกันน็อคมาให้ฉัน
“เราไม่ไป” ฉันเลือกที่จะปฏิเสธแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีแต่ก็ไม่วายถูกดักทางไว้อยู่ดีนั่นแหละ
หมับ!
“อยากถูกรุมหรือไง” เขาว่าก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปอีกด้านหนึ่งที่มีพี่มอปลายรวมกลุ่มกันอยู่และกำลังจ้องมองมาทางนี้
“แต่เราไม่เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย”
“...” เก้าไม่พูดอะไรเมื่อเห็นฉันยืนกรานแบบนั้นแล้วเขาก็ขับรถไปเลยค่ะ ทำให้ตรงนี้เหลือแค่ฉันคนเดียว
เบือนหน้าไปมองคนกลุ่มนั้นเขาก็ยังคงมองมาที่ฉันอยู่แต่ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรไงจึงเลือกที่จะเดินผ่านไปเงียบ ๆ แทนแต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“น้อง... เพื่อนพี่ชอบอะขอเบอร์หน่อยดิ” พี่คนหนึ่งพูดขึ้นขณะที่ฉันกำลังจะเดินผ่าน
“...”
“เด็กใหม่เหรอหน้าไม่คุ้นเลย”
“เออ คนนี้แหละ”
“...” ฉันไม่ตอบอะไรและก้าวเท้าเดินไปต่อแต่ก็ยังถูกเขารั้งไว้อีกอยู่ดี
“เดี๋ยวสิยังไม่ได้เบอร์เลย”
“เอาเบอร์พี่มาดีกว่าเดี๋ยวหนูโทรไปเอง” ใจกล้าหน้าด้านมากที่พูดออกไปแบบนั้นก็ในเมื่อเดินหนีแล้วยังไม่พ้นงั้นก็ต้องใช้วิธีนี้แหละเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะให้เบอร์กับเขาและมันได้ผลค่ะ
“ชอบว่ะ ตรงดี” เขาว่ายิ้ม ๆ แล้วจดเบอร์มือถือยื่นมาให้ฉัน “เป็นอะไรกับไอ้เก้าเหรอ”
“เก้า... ที่อยู่ห้องสี่เหรอคะ” ทำทีเป็นไม่รู้จักไปแบบนั้นแหละค่ะ
“ใช่ ที่เข้าห้องปกครองพร้อมกันไง”
“ไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะพอดีหนูเห็นเหตุการณ์เฉย ๆ ก็เลยซวยไปด้วย”
“อ๋อ...” เขาพูดกับฉันก็จริงแต่กลับเสมอสายตาไปทางกลุ่มเพื่อนคล้ายกับได้คำตอบในสิ่งที่ต้องการแล้ว “อย่าลืมโทรมานะ”
“ค่ะ” จบประโยคฉันก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
... : น่ารักฉิบหาย
... : หลอกศัตรูยังไงให้ได้แฟน
... : ฮ่า ๆ
แฟนบ้าแฟนบออะไรเพ้อเจ้อ!! คิดเหรอว่าจะกดโทรไปหา
เหลือบมองนาฬิกาเย็นมากแล้วค่ะแถมรถเมล์ก็ยังไม่มาวินก็ไม่มีอีก
“คุยอะไรกับพวกมันอะ” เป็นเก้าค่ะที่เดินเข้ามา
“นี่นายยังไม่ไปอีกเหรอ”
“ถาม” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยคล้ายเป็นการบังคับให้ฉันตอบ
“เอาไปโทรเองแล้วกัน” ฉันว่าพลางยื่นเบอร์มือถือของรุ่นพี่ให้คนตรงหน้า บอกตามตรงว่าฉันเองเริ่มหงุดหงิดแล้วเหมือนกัน มาเรียนไม่ทันไรก็วุ่นวายไปหมดแถมยังไม่ใช่เรื่องของตัวเองอีก
“อะไร?”
“เบอร์ไง เราเห็นนายสนใจเลยขอมาให้”
“...” เก้าไม่พูดอะไรเขาแค่หยิบเบอร์นั้นไปดู
“เขาถามด้วยนะว่าเราเป็นอะไรกับคนชื่อเก้า”
“แล้วเธอรู้เหรอว่าเก้าคือใคร?”
“ก็นายไง เราจำได้แม่นเลยแหละพาเราเข้าห้องปกครองซะขนาดนั้น”
“ไม่ต้องมาใส่อารมณ์กับเราหรอกถูกหมายหัวแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
“...” น้ำเสียงจริงจังของเขาทำเอาฉันเงียบไป ก็แค่มีเรื่องกันตามประสามันจะอะไรขนาดนั้น
“เดี๋ยวไปส่ง” ไม่รอให้ฉันได้ตอบเก้าก็รั้งแขนแล้วพาฉันไปที่รถตัวเองทันทีซึ่งจอดอยู่อีกมุมหนึ่ง เขาใส่หมวกกันน็อคให้ฉันแล้วยังถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองมาให้ฉันใส่อีกด้วย
“นายกำลังหลบอะไรกันแน่” ฉันถามออกไปตามความคิดเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเขาเหมือนจะพาฉันหลบหน้าพวกนั้นอยู่ตลอด
“อยากรู้เหรอ? ไม่บอกหรอก”
“กวนตีน”
“หน้าตาก็ดีพูดจาให้มันไพเราะหน่อย”
“รู้ตัวไหมว่านายกำลังทำให้ชีวิตเราปั่นป่วน”
“เธอก็เหมือนกันแหละ”
“เรา?”
“...”
ระหว่างทางฉันสังเกตว่าเขาพาไปทางลัดอีกแล้วค่ะแต่ไม่ใช่ทางเดิมที่เคยมา ให้ตายเถอะมันเปิดโลกฉันมากเลยเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าซอยนั้นซอยนี้มันทะลุตรงไหนได้บ้าง
“อยู่กับใครเหรอ” เมื่อถึงบ้านเขาก็เอ่ยถามขึ้นพลางมองเข้าไปในบ้านฉัน
“เหมือนเราสนิทกันเลยเนอะ” ขนาดปูนายังไม่เคยถามเลยค่ะ
“จะด่าว่าเสือกก็พูดมาเถอะ”
“เปล่า ก็ดูนายสิ! อยู่โรงเรียนแทบไม่เคยคุยกันสักคำแต่พอเลิกเรียนกลับเทียวรับเทียวส่ง ทำตัวมีพิรุธนะ”
“เธอแม่งช่างสังเกตจริง ๆ เลยนะ”
“พูดแบบนี้แสดงว่ามี?”
“ถ้าอยากรู้คืนนี้ก็โทรมาแล้วกันเราไปละ” จบประโยคเขาก็ออกรถไปเลยค่ะ แปลกเหมือนกันนะที่รู้สึกถูกชะตาทั้งที่เพิ่งเจอกันแถมยังสร้างเรื่องให้อีกต่างหาก
เลิกสนใจแล้วเข้าบ้านตามปกติ บ้านหลังนี้เป็นของพี่สาวฉันค่ะส่วนบ้านฉันจริง ๆ อยู่ถัดไปอีกประมาณห้าร้อยเมตร เป็นบ้านเดี่ยวติดชายคลอง หลังนั้นจะมียายกับแม่อยู่และก็พี่สาวคนโต ส่วนหลังนี้เป็นของพี่สาวคนรองเขาแยกมาอยู่ต่างหากและสาเหตุที่ฉันให้เก้ามาส่งที่นี่เพราะทุก ๆ เย็นจะต้องมาอยู่เป็นเพื่อนหลานไงจนกว่าพี่สาวจะเลิกงานฉันถึงจะกลับไปบ้านโน้น
สองทุ่มฉันก็เดินกลับบ้านตามปกติ แต่ไม่ปกติตรงที่มีรถคันหนึ่งชะลอความเร็วและหยุดตรงหน้าฉันนี่แหละ
“มืดแล้วจะไปไหน” เป็นเก้าอีกแล้วค่ะ
“กลับบ้าน”
“แล้วนั่นไม่ใช่บ้านเหรอ”
“นั่นบ้านพี่สาว”
“ขึ้นรถเดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เป็นไรเดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“ขึ้นรถครับคุณผู้หญิง” เขาสนใจคำพูดฉันซะที่ไหนกัน “เร็ว ๆ เรามีธุระ”
มองชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยอมขึ้นรถค่ะ ไม่ถึงห้านาทีฉันก็ถึงบ้านแล้วเพราะมันใกล้มาก
“วันนี้มีคนมาส่งได้ไงเนี่ย” แม่ฉันว่าพลางมองหน้าเก้านิ่ง ๆ แต่คงไม่เห็นหรอกเพราะเขาใส่หมวกกันน็อคอยู่
“สวัสดีครับ” เก้าเอ่ยทักทายและยกมือไหว้แม่ฉันอย่างมีมารยาท
“นี่เก้า เพื่อนหนู”
“จ้า มืดค่ำแล้วขับรถดี ๆ นะลูก”
“ครับป้า สวัสดีครับ” เก้าเอ่ยก่อนจะยกมือไหว้แม่ฉันอีกครั้งแล้วขับรถออกไปทันที
“แฟน?” คล้อยหลังเก้าแม่ก็ถามขึ้นอีกครั้งเหมือนไม่เชื่อใจฉันอย่างนั้นแหละ
“เพื่อน! แฟนอะไรหนูไม่มีตอนนี้หรอก”
“จ้า ๆ”
เข้าบ้านก็อาบน้ำกินข้าวเตรียมตัวเข้านอนตามปกติ เหลือบดูนาฬิกาอีกทีคือสี่ทุ่มกว่าแล้วค่ะ ที่เก้าบอกเมื่อตอนเย็นฉันอยากรู้นะแต่ว่าเบอร์ที่เขาให้ไว้มันลงไปนอนเล่นในเครื่องซักผ้าจนขาดหลุดลุ่ยไปหมดแล้วน่ะสิ
เช้าวันใหม่
ฉันยังคงมาโรงเรียนแต่เช้าเช่นเดิม แน่นอนว่าเพื่อนยังไม่มาค่ะฉันเลยต้องนั่งเหงาหงอยอยู่ที่โรงอาหารคนเดียว
“ไม่เห็นโทรหาเลย ทำไม? ไม่อยากรู้แล้วเหรอ” น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามฉัน
“อยากรู้แต่เบอร์มันหาย”
“งั้นเอาเบอร์เธอมา”
“...”