บทที่ 3 ตรวจสินค้า (2)

1586 Words
บทที่ 3 ตรวจสินค้า (2) ลู่ฟางเหนียงยืนก้มหน้าด้วยท่าทางสงบนิ่ง เพียงแต่ในใจกลับว้าวุ่นยิ่งนัก เมื่อครู่นางไม่ระวังทำคุณชายหลิวล้มกลางห้องหนังสือ ยังไม่ทันได้เอ่ยขออภัยจากคุณชายบ่าวชายคนสนิทของเขาก็มาเห็นเสียก่อน แม้ว่าภายหลังคุณชายหลิวจะไม่ว่าอะไร แต่เขาไม่ว่านางก็มิได้หมายความว่าฮูหยินหลิวจะไม่ตำหนินาง “ข้าได้ยินมาว่าบิดาของเจ้าไม่สบาย” ฮูหยินหลิวเอ่ยถามเสียงราบเรียบ ทว่าแววตาเช่นผู้ที่ผ่านชีวิตมาหลายสิบหนาวกลับทำให้ผู้คนหวั่นเกรงเพียงแค่นางตวัดสายตาจดจ้อง “เจ้าค่ะ” ลู่ฟางเหนียงพยายามข่มกลั้นความหวาดหวั่นในใจเอ่ยบอกเสียงแผ่ว ใบหน้างามก้มลงมองพื้นสองมือวางอยู่ที่หน้าท้องกำชายเสื้อของตนแน่น “สกุลหลิวมีหมอประจำที่มีฝีมือเทียบเท่ากับหมอหลวงเจ้ารู้หรือไม่” ลู่ฟางเหนียงได้ยินฮูหยินตรงหน้าเอ่ยถึงท่านหมอมากฝีมือก็เงยหน้าเบิกตากว้าง สองขาทรุดลงคุกเข่าส่งสายตาอ้อนวอนด้วยดวงตาปริ่มน้ำ “ฮูหยินโปรดเมตตา หากครั้งนี้ท่านพ่อของข้าหายดีข้ายินดีอยู่เป็นสาวใช้ของสกุลหลิวไปอีกสิบปีเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลิวมองคนตรงหน้าแล้วฉีกยิ้มอ่อนโยน หน้าตาเด็กสาวผู้นี้แม้ไม่งดงามแต่กลับตรึงตราผู้คนได้อย่างน่าประหลาด ไม่แปลกใจเลยที่บุตรชายคนโตของนางจะเผลอจับนางกดลงกลางห้องหนังสือ “สกุลหลิวไม่ได้ขาดแคลนสาวใช้” “แต่... ข้า... ข้าทำกับข้าวได้ดีเจ้าค่ะ ปลูกผักเลี้ยงไก่ข้าก็ทำได้ ขายของก็ได้เจ้าค่ะ หรือหากฮูหยินอยากให้ข้าทำอย่างอื่นข้าก็ยินดีทำเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลิวยิ้มกว้างมากขึ้น ท่าทางร้อนรนยื่นข้อเสนอมากมายของนางช่างชวนให้นึกสงสารเอ็นดูยิ่งหนัก มือขาวเรียวยกขึ้นเป็นสัญญาณให้สาวใช้คนอื่นออกไปจากเรือน ก่อนที่นางจะเดินมาหยุดตรงหน้าเด็กสาว ย่อตัวลงเอ่ยเสียงราบเรียบริมใบหูเล็ก “สกุลหลิวไม่ขาดสาวใช้แต่... ขาดทายาทสืบสกุล เจ้ายังยินดีทำให้ข้าหรือไม่” ลู่ฟางเหนียงพลันเบิกตากว้าง ทายาท ฮูหยินหลิวจะให้นางทำทายาทให้สกุลหลิว หมายความว่าจะให้นาง... “ฮูหยิน ท่านหมายความว่า...” “หากเจ้าตกลง ข้าจะให้หมอสกุลหลิวไปรักษาบิดาของเจ้าทันที อีกทั้งเรื่องหยูกยาเจ้าก็สามารถนำใบสั่งยาไปเบิกที่ร้านโอสถสกุลหลิวได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่อีแปะเดียว “แต่ว่า... หากคุณชาย เอ่อ... ไม่ยอม... ขะ... ข้าหมายถึงหากคุณชายไม่เห็นด้วยเล่าเจ้าคะ” ลู่ฟางเหนียงเอ่ยถามเสียงแผ่ว ใบหน้ากลมแดงก่ำก้มหน้าหลบสายตา ฮูหยินหลิวยกยิ้มมุมปากครั้งนี้นางกล้าเอาสมบัติทั้งหมดของสกุลหลิวเป็นเดิมพัน หลิวเฉินคังไม่มีทางไม่เห็นด้วยแน่นอน “ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า ขอเพียงลูกชายข้ายอมประทับตราประจำตัวบนกระดาษใบนี้ ท่านหมอซ่งก็จะไปรักษาพ่อเจ้าท่านที” กล่าวจบฮูหยินหลิวยื่นกระดาษสัญญาใบหนึ่งตรงหน้าลู่ฟางเหนียง ก่อนจะลุกขึ้นขยับตัวไปนั่งยังเก้าอี้ตัวเดิมพร้อมกับยกชาร้อนขึ้นจิบ ราวกับก่อนหน้านางมิได้เจรจาเรื่องสำคัญใดๆ กับลู่ฟางเหนียงแม้เพียงประโยคเดียว เพียงแต่ภายใต้ท่าทางคล้ายไม่ใส่ใจนี้ฮูหยินหลิวกับนั่งลุ้นจนมือสั่น ตั้งแต่นางเลี้ยงบุตรชายผู้นี้มา นอกจากไปหอนางโลมเช่นบุรุษไร้ภรรยาทั่วไปแล้ว นางก็มิเคยเห็นเขาสนใจสตรีใดมาก่อน เห็นจะมีเพียงเด็กสาวตรงหน้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ให้พยัคฆ์ใหญ่สกุลหลิวสนใจ ดังนั้นนางจะไม่ปล่อยให้โอกาสได้อุ้มหลานครั้งนี้หลุดไปอย่างแน่นอน “อาคังจะอยู่ที่นี่แค่เจ็ดวัน ฟางเหนียงดูเหมือนเวลาช่วยชีวิตพ่อเจ้าจะมีไม่มากนัก หากยังลังเล...” “ข้าตกลงเจ้าค่ะ” ยามที่ได้ยินลู่ฟางเหนียงเอ่ยตกปากรับคำฮูหยินหลิวก็พยักหน้ารับอย่างราบเรียบราวกับเรื่องนี้มิได้ใหญ่โตอะไร มือขาวยกชาขึ้นจิบอีกคราด้วยรอยยิ้มที่สมใจยิ่งนัก หลานน้อยของข้า รีบมาให้ท่านย่าเจ้าอุ้มเร็ว “เช่นนั้นเมื่อไหร่ที่เจ้าคลอดทายาทให้สกุลหลิวหนึ่งคน ข้อตกลงนี้ก็ถือว่าสิ้นสุด” กล่าวจบฮูหยินหลิวก็หยิบกระดาษลงนามสัญญาเมื่อครู่มาประทับตราแล้วส่งให้ลู่ฟางเหนียงลงนามอีกคน “แล้วหากข้ามิอาจมอบทายาทสกุลหลิวให้ท่านได้” “เช่นนั้นก็มอบเงินคืนแก่ข้าห้าสิบตำลึงเงิน” ห้าสิบตำลึงเงินสำหรับนางผู้เป็นฮูหยินสกุลหลิวย่อมมิใช่เงินที่มากอะไร แต่กลับเด็กสาวชาวบ้านเช่นลู่ฟางเหนียงเกรงว่าชั่วชีวิตก็ไม่มีทางหามาคืนตนได้ “สัญญานี้มีกำหนดสิ้นสุดหรือไม่เจ้าคะ” ฮูหยินหลิวยิ้มมุมปากนับว่าเป็นเด็กสาวที่ไม่โง่งมจนเกินไป เพียงแต่ตัวนางเองผ่านเรื่องราวในชีวิตมามากมายเรื่องขาดทุนย่อมมิยอมให้เกิดขึ้น “กำหนดคือทายาทสกุลหลิวหนึ่งคน” ลู่ฟางเหนียงเม้มริมฝีปากบาง หากชั่วชีวิตนางไม่สามารถมอบทายาทให้สกุลหลิว เช่นนั้นแล้วมิเท่ากับนางต้องอยู่เป็นสาวใช้อุ่นเตียงคุณชายหลิวไปตลอดหรือไร เพียงแต่แม้รู้ว่าการเจรจาครั้งนี้ตนเองเป็นผู้ถูกเอาเปรียบ ต่างก็มิอาจปฏิเสธ “ได้เจ้าค่ะ” ................................ หลิวเฉินคังขมวดคิ้วเข้มถอนหายใจยาวอย่างหงุดหงิด ตั้งแต่ที่เขาไล่สาวใช้แซ่ลู่ออกไปจิตใจของเขาก็คล้ายมีบางสิ่งมาก่อกวนจนมิอาจสงบใจตรวจตราบัญชีตรงหน้าได้เช่นปกติ ในความคิดหวนคะนึงหาแต่หน้าอกนุ่มนิ่มของนางอยู่ตลอดเวลา หรือช่วงนี้ข้าจะห่างหายจากหอนางโลมมานานเกินไป หลิวเฉินคังถอนหายใจยาวอีกครั้ง ทว่ายังไม่ทันสูดลมหายใจเข้าประตูห้องหนังสือเขาก็พลันเปิดออก พร้อมกับร่างของคนที่รบกวนจิตใจของเขามาร่วมครึ่งชั่วยาม “กลับมาทำไม” หลิวเฉินคังเอ่ยถามเสียงดุ ดวงตาคมตวัดมองแววตาหวานที่มีแววสั่นไหวหวาดกลัวคล้ายกวางสาวที่กำลังเผชิญหน้ากับพยัคฆ์ใหญ่ “ขะ... ข้ามีเรื่องมาขอความเมตตาจากคุณชายเจ้าค่ะ” “ขอความเมตตา จากข้าหรือ” หลิวเฉินคังเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเป็นคำถาม ลู่ฟางเหนียงสูดลมหายใจเข้าเรียกกำลังใจให้ตนเอง ก่อนจะช้อนดวงตาหวานขึ้นด้วยใจที่เต้นระส่ำหวาดหวั่น “เจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบไม่เต็มเสียงนัก ก่อนจะเม้มริมฝีปากบางอีกครั้ง พร้อมกับก้าวเดินไปเบื้องหน้าโต๊ะหนังสือของหลิวเฉินคังยื่นกระดาษสัญญาให้เขา หลิวเฉินคังมองมือเรียวขาวที่ยื่นม้วนกระดาษมาให้ตนแล้วรับมาเปิดอ่านด้วยความตื่นตระหนก มอบทายาทให้สกุลหลิว หมายความว่าอย่างไร นี่ท่านแม่ของเขาคงมิได้หมายความว่า... “ท่านพ่อของข้าป่วยหนักฮูหยินให้ข้าทำสัญญานี่ขอเพียงคุณชายยอมลงตราประทับฮูหยินก็จะให้ท่านหมอไปรักษาท่านพ่อของข้า” หลิวเฉินคังขมวดคิ้ว ตวัดสายตาขุ่นเคืองมองไปยังเด็กสาวตรงหน้า ก่อนหน้านี้เขาให้ห้าวอี้ไปสืบประวัติของนางแล้วเรื่องที่นางบอกกล่าวล้วนเป็นความจริง เพียงแต่... “เหตุใดข้าตรงลงตราประทับช่วยเจ้า” ลู่ฟางเหนียงเห็นคุณชายหลิวโยนกระดาษสัญญาของนางไว้บนโต๊ะอย่างไม่ไยดีในใจก็พลันหวาดหวั่นเกรงว่าบิดาจะไม่ได้รับการรักษา ด้วยตื่นตระหนกหวั่นเกรงจึงเร่งสาวเท้าเดินไปด้านข้างเขาทรุดตัวลงคุกเข่า ใช้สองมือจับข้อเท้าเขา เงยหน้าส่งสายตาอ้อนวอนแลน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณชายได้โปรดเมตตาข้าด้วย ข้ารู้ว่าเรื่องนี้คุณชายมิเต็มใจ ขอเพียงคุณชายลงตราประทับข้ายินดีเป็นบ่าวสกุลหลิวไปตลอดชีวิต โดยที่คุณชายมิต้องเอ่อ... ทำเรื่องฝืนใจเจ้าค่ะ” ทันทีที่มือเล็กสัมผัสข้อเท้าของเขา หลิวเฉินคังก็พลันร่างกายแข็งค้าง ตวัดสายตาดุมองคนข้างกายที่กล้าแตะต้องตัวเขาโดยที่เขาไม่อนุญาต “เอามือของเจ้า...” เสียงที่หมายตวาดไล่นางไปให้พ้นตัวพลันหายไปในลำคอ เพียงแค่ได้สบแววตาเว้าวอนของนาง ไอร้อนแผ่ขยายไปทั่วทุกรูขุมขน ร่างกายของเขาตื่นตัวเสียยิ่งกว่ายามเจอยอดนางโลมผู้งดงาม เขาขบกรามแน่นข่มกลั้นอารมณ์ร้อนรุ่มของตน “คุณชายได้โปรดเมตตาข้าเถิดเจ้าค่ะ” ลู่ฟางเหนียงขยับตัวกอดขาเขาแนบอก พลางเอ่ยเสียงสั่นอ้อนวอน ยามที่ร่างกายของหลิวเฉินคังสัมผัสอกอวบอิ่มของนางอีกครั้ง เส้นความอดทนของเขาก็ถึงขีดจำกัด “ท่านแค่ลงตราประทับเท่านั้นไม่ต้อง...” “ข้าไม่ทำการค้าที่ขาดทุน” ลู่ฟางเหนียงพลันเบิกตากว้างเงยหน้าสบดวงตาคมด้วยสายตาเป็นคำถาม ทั้งที่สองแขนยังกอดขาแกร่งเขาเอาไว้แนบแน่น “คุณชาย ท่านหมายความว่า...” “ถอดผ้าออก ข้าจะตรวจสินค้า” ...............................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD